นิยายรักโรแมนติก คอมเมดี้ "อิงธารา" ตอนที่ 2 เฮ่ย!!! ไอ้น้อง

กระทู้สนทนา
“กินข้าวด้วยอิงเดี๋ยวจะเมาซะก่อน” อนุชารีบบอกน้องสาวเมื่อเห็นมันกรอกเอาๆ จนเกือบหมดแก้วเหมือนเจ้าน้องน้อยกำลังดื่มน้ำเปล่ายังไงยังงั้น
    “ก็มันอร่อยนี่เฮีย” ว่าแล้วก็ตักอาหารเข้าปากตามคำของพี่ชายพร้อมจิบสาโทเป็นพักๆ และเริ่มรู้สึกร้อนๆ ข้างในชอบกล จนกระทั่งทุกคนอิ่มหนำกับอาหารตรงหน้าและต่างทยอยลุกเดินออกไปทำงานของตนต่อ อิงธาราก็ยังคงนั่งเฝ้าแก้วสาโทของตัวเองอยู่อย่างนั้น
    “ดิน ฝากเก็บถ้วยชามด้วยนะลูกพ่อจะไปดูเขามัดกระสอบข้าวก่อน ดูน้องมันด้วยสงสัยจะเมาได้ที่แล้วนั่น” นายภูพยักพเยิดไปยังร่างที่นั่งเอนซ้ายทีขวาทีแบบเสียศูนย์
    “ครับ เดี๋ยวผมจะพาไปส่งบ้านเลยดีกว่า” ภูบดินทร์บอกกับบิดา หลังจากลับร่างของผู้สูงวัยไปแล้วชายหนุ่มจึงจัดแจงเก็บกวาดทำความสะอาดแคร่จนเหลือเพียงร่างของไอ้ตัวจุ้นที่ตอนนี้มันลงไปนอนกลิ้งเกลือกพลิกซ้ายพลิกขวาปากก็ส่งเสียงครางเหมือนกำลังขอความช่วยเหลือ
    “อิง...อิง ลุกเร็วจะพากลับบ้าน เป็นอะไรไปอีกล่ะ” ชายหนุ่มยังคงสงสัยในท่าทางนั้น
    “ร้อน หายใจไม่ออก ช่วย...ด้วย” หญิงสาวหายใจหอบจนภูบดินทร์ชักสีหน้าไม่ถูก
    “เอาไงดีวะเนี่ย ไอ้อิง ลุก!” เขาตัดสินใจประคองร่างปวกเปียกนั้นขึ้นมา
    “หายใจไม่ออก...ฮื่อ” สองมือของอิงธาราพยายามแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนยาวของตน แต่ก็ไร้ผลเมื่อร่างนั้นแทบไร้เรี่ยวแรง
    “ฮื่อ! หาย...จาย...ม่ายออก” สิ้นเสียงสองมือเล็กๆ ก็กลับถลกชายเสื้อของตนขึ้นมาไว้เหนือศีรษะจนคนประคองสะดุ้งเฮือก!
    “เฮ้ย! ไอ้อิง” ไอ้น้องบ้ามาถอดอะไรตรงนี้วะ ชายหนุ่มมือไม้สั่นเมื่อเห็นหน้าท้องเนียนเรียบอวดความขาวอยู่ตรงหน้า ยกทรงสีขาวที่ดูยังไงก็ยังเป็นของเด็กที่พึ่งหัดใส่เขาใช้กัน มันไม่เข้ากับหน้าอกตูมๆ เลยสักนิด ภูบดินทร์กลืนน้ำลายดังเอื้อก! ไอ้บ้าที่มันน้องนะเว้ย
    “ไอ้อิง อย่าถอด” สองมือของเขายื้อยุดฉุดดึงชายเสื้อทั้งสามชั้นนั้นลงมาคลุมทับเอวคอดไว้ตามเดิม
    “ร้อน...น...น” คนเมายังดื้อแพ่งแย่งถอดเสื้อของตนอีกครั้งแต่กลับถูกมือหนารวบทั้งตัวเอาไว้แน่น
    “ก็ใส่ซะหลายชั้นจะไม่ให้มันร้อนได้ยังไงวะ บอกว่าอย่าถอด...” เมื่อยิ่งห้ามไอ้ตัวป่วนก็ยิ่งกลับตรงกันข้าม เขาเลยจำต้องอุ้มร่างนั้นเดินตรงไปยังโอ่งมังกรที่ตั้งอยู่ข้างบันไดบ้าน จัดการตักน้ำราดตั้งแต่หัวจรดเท้าซ้ำแล้วซ้ำอีกจนไอ้ตัวยุ่งหมดฤทธิ์นั่งพิงข้างโอ่งหอบแฮ่กๆ อยู่อย่างนั้น
    “อิง...เป็นไงบ้าง” เขาอดสมเพชกับสภาพของหญิงสาวไม่ได้ ถ้ารู้ว่าเมาแล้วจะไม่ได้สติแบบนี้เขาคงห้ามตั้งแต่แก้วแรกที่มันกรอกเข้าปากนั่นแล้ว ผมซอยสั้นเปียกลู่หยดน้ำที่ยังคงเกาะอยู่เต็มใบหน้ากลับทำให้ดวงหน้านั้นน่ามองไปอีกแบบ แต่เสียอย่างเดียวก็ตรงปากมันนี่แหละที่เถียงคำไม่ตกฟาก ไม่มีใครพูดทันมันสักคนขนาดอนุชาที่ว่าพอฟัดพอเหวี่ยงกันก็ยังไม่ถึงครึ่งที่เจ้าตัวแสบสรรหามาพูด สักพักไอ้เจ้าอิงคันนาก็เริ่มขยับปากอีกครั้ง
    “ครายวะ ครายเอาน้ำมาสาดวะ...หนาววุ้ย” ดูมันสิไม่มีคะขาให้คนฟังได้ชื่นใจเลยสักคำ
    “เอาอีกซักขันสองขันมั้ยจะได้หายเมา” เขาประชด
    “ม่ายเอาแล้ว ไปส่งบ้านหน่อย...ง่วง” หญิงสาวทำตาปรือ เมื่อหายร้อนก็อยากนอนทันที
    “งั้นก็ลุก จะไปส่ง” ภูบดินทร์ออกคำสั่ง ร่างเล็กพยายามยันกายลุกขึ้นแต่ก็ไร้ผลกลับทรุดลงไปนั่งในท่าเดิม
    “ม่าย...ไหว ช่วยหน่อยเฮีย” สองมือยังคงไขว่คว้าหาที่พึ่งทั้งที่เปลือกตาแทบจะปิดสนิท
    “ให้มันได้อย่างนี้สิวะไอ้อิงคันนา” สงสัยจะต้องเรียกอิงข้างโอ่งแล้วมั้งเนี่ย ว่าแล้วก็เข้าพยุงร่างเล็กให้ลุกขึ้นพาเดินไปที่รถจักรยานยนต์ของตนที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก
    “จับดีๆ เดี๋ยวหล่น” เมื่อได้ยินเสียงสั่งตัวป่วนก็คว้าหมับเข้าที่เอวเขาแน่นเหนียวยิ่งกว่าตุ๊กแกเกาะข้างฝาเสียอีก
    “กอดอะไรแน่นขนาดนี้วะ หายใจไม่ออก” เขาพยายามแกะมือเล็กให้คลายออก แต่ยิ่งแกะมันก็ยิ่งรัดแถมยังเอาอกนุ่มๆ มาแนบแผ่นหลังให้คนขับถึงกับเสียววาบ
    “ฮื่อ...กลัวโตกกก” อิงธาราตอบทั้งที่ยังหลับตา ให้มันได้อย่างนี้สิไอ้น้องบ้าขนาดเมามันยังแกล้งเขาได้
    “น้าอุ่นครับ น้าอุ่น” ภูบดินทร์ร้องเรียกอยู่หน้าบ้านเมื่อรถจักรยานยนต์ของเขาเคลื่อนเข้ามาจอดตรงบริเวณหน้าบันได
    “มีอะไรเหรอพ่อดิน อ้าว...แล้วไอ้อิงมันเป็นอะไรล่ะนั่น” นางอุ่นร้องถามเมื่อเห็นชายหนุ่มพยุงร่างของบุตรสาวก้าวขึ้นบนบันได
    “เมาสาโทน่ะสิน้า ลงไปนอนดิ้นพราดๆ ฉันเลยเอาน้ำสาดให้สร่างเมา น้าช่วยเปลี่ยนชุดให้มันด้วยนะ หนาวๆ แบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
    “ขอบใจพ่อดินมากลูก แล้วมันไปกินทำไมเยอะแยะมากมายวะ พี่มันไม่ห้ามน้องบ้างเลยเหรอนี่” ผู้สูงวัยบ่นอุบอิบพาลไปถึงพี่ชายอีกสองคนของเจ้าตัวยุ่ง
         ภูบดินทร์นึกถึงเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็กชายตัวเล็กๆ เขากับสมาชิกครอบครัวตัว อ. มักจะไปกันเป็นกลุ่มก้อน ที่อายุไล่เลี่ยกันก็ยังพอเล่นหัวด้วยกันได้ตามกำลัง แต่ไอ้เจ้าตัวเล็กสองตัวนั้นเล่ายังอุตส่าห์เดินตามพี่ชายต้อยๆ ถึงภูวนัสจะห่างจากพี่ๆ ถึงห้าหกปีก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะยังไงภูวนัสก็เป็นเด็กชาย ต่างกับอิงธาราที่หัวเดียวกระเทียมลีบ พอจะเล่นขายของพวกผู้ชายอย่างเขาก็ไม่อยากเล่นด้วย เจ้าตัวเลยต้องยอมเล่นในแบบที่ผู้ชายเขาเล่นกันเพื่อจะได้ไม่ต้องโดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพัง แต่ไปๆ มาๆ เจ้าตัวยุ่งเลยกลับกลายเป็นเด็กผู้ชายอีกคนจนกู่ไม่กลับ ขนาดโตเป็นสาวแล้วยังไม่เลิกพฤติกรรมเดิมๆ จนทุกคนต้องปล่อยเลยตามเลย อย่างน้อยก็ยังเหลือหน้าอกขาวจั๊วะกับช่วงล่างนั่นแหละที่ยังคงความเป็นผู้หญิงเอาไว้ พอนึกถึงตรงนี้กลับทำให้ชายหนุ่มร้อนๆ หนาวๆ อะไรวะนี่อย่าบอกนะว่านายชอบของแปลก ไอ้ดิน ! บรื๋อ...
    “ฉันไปก่อนนะน้า ยังเอาข้าวขึ้นเล้าไม่เสร็จเลย” เขาพูดพลางไหว้ลาผู้สูงวัยก่อนจะพาร่างขึ้นรถของตนขับออกไป

    “เกือบตายเลยแม่ พอเฮียดินเอาน้ำสาดนั่นแหละฉันถึงรู้สึกตัว เห็นอร่อยๆ ไม่นึกว่าจะเมาได้ขนาดนี้” หลังจากสร่างเมาเจ้าตัวก็รีบรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    “แล้วใครที่ไหนให้กินเยอะขนาดนั้นเล่า เขาแค่ให้ชิมแต่ไอ้อิงมันเล่นกรอกไปสามสี่แก้วเลยแม่” อนุชารีบแก้ตัวเพราะกลัวจะโดนหางเลขไปด้วย ซึ่งเขารู้ดีว่าถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับน้อง เขากับพี่ชายก็ต้องรับผิดชอบด้วยเช่นกัน
    “เอ็งสองคนก็น่าจะห้ามน้องมันบ้าง ดีนะที่บ้านอยู่ห่างกันแค่นี้ ถ้าไปเมาแอ๋ที่อื่นป่านนี้น้องเอ็งมันจะเหลือเร๊อะ” นั่นไงสุดท้ายก็ลงที่เขาจนได้ แต่ดูท่าเอกวีย์คงไม่ร้อนตัวเท่าไหร่นัก พี่คนโตได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะเดินเลยลงบันไดบ้านจัดการกับธุระของตัวเองหลังจากที่ต้องเหงื่อไหลไคลย้อยมาทั้งวัน
    “โธ่แม่ ไม่ต้องกลัวหรอกน่า...ใครจะกล้าเอามันทำเมีย มีตรงไหนบ้างที่มันเหมือนผู้หญิง ดีหน่อยก็แค่ขาวล่ะว้า...” เป็นอย่างที่อนุชาพูดจริงๆ นั่นแหละ ตัวเขาที่ว่าดูแลตัวเองแบบสุดๆ แล้วยังได้แค่ผิวสีแทน แต่ไอ้เจ้าน้องน้อยนี่สิ มันขาวตั้งแต่หน้าจรดปลายเท้าเลยล่ะ ไม่รู้ว่าตอนที่อยู่ในท้อง มารดาของเขากินอะไรผิดสำแดงไปหรือเปล่า มันถึงได้เกิดมาผิดแผกแปลกไปกว่าพี่ๆ หรือจะเป็นเพราะชุดที่มันใส่ ทำไปได้ยังไงตั้งสามสี่ชั้น ไม่ใช่เฉพาะเสื้อแขนยาวเท่านั้นยังมีกางเกงตัวโคร่งที่เขากับเอกวีย์ยกให้เป็นสมบัติหลังจากที่ใส่ไม่ได้แล้วอีกหลายตัว
    “เฮียอั๋น! ฉันน่ะผู้หญิงทั้งท่อนนะเฮีย อิจฉาล่ะสิที่ตัวเองไม่ขาวเหมือนเค้า โอ๋ๆ ไม่ต้องน้อยใจนะเฮียเดี๋ยวน้องหาแฟนขาวๆ ให้ มีลูกจะได้ขาวสมใจเฮียไงล่ะ”
    “ไปๆ ไม่ต้องมานั่งเถียงกัน ต่อไปก็อย่าไปกินให้มันเมามายแบบนี้อีกล่ะ” นางอุ่นกำชับบุตรสาวที่ยังทำหน้าทะเล้นยิ้มแป้นเห็นฟันแทบทุกซี่
    “กินพอให้กินข้าวได้อร่อยเหมือนแม่ใช่ไหมล่ะ กินได้ทุกวัน” สาวน้อยย้อนถามมารดาด้วยแววตาเปื้อนยิ้ม
    “แน่ะไอ้ลูกคนนี้ มันยังมาย้อนอีก” ถ้าไม่ต่อปากต่อคำก็คงไม่ใช่ไอ้อิงสิน่า แต่ก็นั่นแหละ หากจะว่าให้รุนแรงมากกว่านี้แม่อย่างเธอก็คงทำไม่ได้เช่นกัน เพราะอย่างน้อยลูกสาวคนเดียวก็ไม่เคยทำอะไรให้ครอบครัวเดือดร้อนเลยสักครั้ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่