พวกเราทุกคนก็จะชอบเรียกร้องให้คนอื่นมาอยู่เรือลำเดียวกัน แต่ว่าเราจะตัดสินใจถูกหรือเปล่านี่สิ และจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร
ลองมาดูสมาชิกท่านหนึ่งที่ได้สอบถามให้ผมช่วยเหลือดูแล้วกันนะครับ
“สวัสดีครับ อาจารย์ คือว่าผมมีหุ้นอยู่ตัวหนึ่งนะครับ ผมถือไว้ประมาณ 4 วันแล้วนะครับ แต่ตอนนี้พฤติกรรมราคาหุ้นมันย่ำแย่อนาถาจริงๆครับ ผมยังไม่เข้าใจเลยครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น และไม่สามารถขายทำกำไรได้เลย แต่ยังไงผมก็ตั้งจุดตัดขาดทุนเอาไว้แล้ว ผมไม่แน่ใจว่าจะต้องทำยังไงบ้าง แล้วอาจารย์มีวิธีรับมือกับเรื่องนี้ยังไงครับกับปัญหาคลุมเครือแบบนี้
ผมได้ยินคำนี้อยู่บ่อยๆว่า “จะต้องตัดขาดทุนให้เร็วที่สุด แล้วก็ปล่อยให้ผลกำไรไหลเข้ามาเรื่อยๆ” ผมสงสัยอยู่เหมือนกันว่าความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ตัดขาดทุน” มันคืออะไรกันแน่ ผมคิดว่าผมไม่มีความเชื่อมั่นในการเล่นหุ้นอีกต่อไปแล้ว แต่ไม่แน่ว่าก็อาจจะกลับมาเหมือนเดิมก็ได้ ซึ่งก็แค่ขาดทุนนิดหน่อยเท่านั้น เมื่อผมได้วิเคราะห์สถานการณ์แล้ว ผมเห็นว่าผมคงไม่กลับมาเล่นหุ้นอีกแล้วในวันนี้ อาจารย์คิดว่าผมจะล้างแบบแผนนี้เลยดีไหมหรือว่าจะสู้ต่อไป”
นี่คือสิ่งที่ผมบอกกับเขา
สำหรับคำถามที่ว่า “ตัดขาดทุนให้เร็วที่สุด” นั้น ผมเองก็ให้คำตอบที่ตายตัวไม่ได้หรอกครับ แต่ผมบอกได้ว่าตัดขาดทุนหมายถึงอะไร ตัดขาดทุนหมายความว่าแบบแผนที่เราจะถอยหนีออกมาตอนที่ความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงนั้นมีสูง พวกเราทุกคนก็เคยเล่นหุ้นผิดจังหวะกันบ้าง แต่ก็จะผิดพลาดไปคนละแบบ ยังไงพวกเราห้ามยืนกรานที่จะทำผิดพลาดซ้ำๆ จะต้องจำกัดการขาดทุนแล้วก็หาโอกาสจังหวะทำกำไรอย่างสมเหตุสมผล อย่าไปคิดว่าจะมีปาฏิหารย์ช่วยให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น นี่แหละที่ผมคิดว่าจะต้องตัดขาดทุนให้เร็วที่สุดก็ตรงจุดนี้ครับผม
ตอนนี้เรามาพูดถึงเรื่องการถอยหนีออกมากันบ้างดีกว่า
โอกาสจังหวะที่เราค้นพบนั้นมันไม่ใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไป เราจะต้องเจอกับผิดพลาดบ้าง ถูกบ้าง ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่มักจะรอให้ราคาหุ้นนิ่งๆและก็เข้าไปเล่นแล้วก็รอคอยภาวนาให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อ ทำให้พวกเขาเจอกับความสับสนเล็กน้อย เพราะว่าเราไม่เคยสนใจพฤติกรรมราคาหุ้นจริงจังเลย เคยสงสัยไหมว่าหากการเล่นหุ้นล้มเหลวหรือได้ผลนั้นเราจะรู้ได้อย่างไร ซึ่งแท่งกราฟเขียว แดงแต่ละแท่งมันก็ทำให้เรารู้สึกเริ่มให้ความสำคัญกับมัน แต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็ชอบทำตรงข้ามกับสีของกราฟที่บอกเอาไว้ และเราก็รู้อีกทีว่าเราตัดสินใจช้าเกินไปแล้ว
กุญแจในการตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ พฤติกรรมของหุ้นแต่ละตัวที่เปลี่ยนแปลงไป เราจะต้องดูด้วยว่าเรามีเหตุผลมากพอที่จะเข้าไปเล่นไหม หรืออารมณ์ความรู้สึกของเราตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
คนที่เล่นหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวช้าเป็นแนวทางที่มีความแตกต่างมาก เมื่อเทียบกับคนที่มีประสบการณ์ใช้เครื่องมือทางเทคนิคเข้าช่วย ก็เพราะว่า
• การเล่นหุ้นของพวกเขายังไม่พัฒนามากพอที่จะทำกำไรได้เร็วๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขามีความล้มเหลวต่อแนวทางของเขา
• หุ้นมันอาจจะสร้างพฤติกรรมใหม่ๆขึ้นมาซึ่งเราเองก็ไม่รู้ก็เป็นได้
• เมื่อผมเข้าใจในการเล่นหุ้นแล้ว ผมรู้ว่าผมใช้หลักการวิเคราะห์มากเกินไปตอนที่ผมเริ่มหาสัญญาณเข้าออก ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเสมอไป
• หากผมเห็นพ้องกับตลาดหุ้นภาพรวม (อย่างเช่นตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น) และหากการเล่นหุ้นของผมมันยังไม่ดีพอเพราะว่าวางตำแหน่งไม่ถูกจุด สิ่งที่ผมจะต้องทำก็คือจะต้องยืนอยู่กับการเล่นหุ้นจนกว่าสัญญาณทางเทคนิคมีเหตุผลที่ผมจะต้องถอยหนีออกมา ผมจะต้องใช้ความอดทนเรื่องนี้ให้มาก จากการเสียค่าเล่าเรียนแต่ละครั้ง
ในทางตรงกันข้าม มันทำให้ผมมีเวลาในการขจัดของเสียออกไปในตัวผมด้วย ก็เพราะว่า
• เมื่อหุ้นมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง (Volume เพิ่มมากขึ้น) ก็จะต้องรีบแก้ไขแนวทางตัวเองทันที
• หากเราเล่นหุ้นด้วยเงินทุนที่จำกัดและเราอยากจะเดินหน้า เราก็อาจจะต้องพิจารณาตรวจสอบการเล่นหุ้นแต่ละครั้งสม่ำเสมอ
• เมื่อเราพบว่าทิศทางแนวโน้มมันสวนทางกับที่เราคิดไว้ (เช่น ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง) เราก็จะต้องหลบภัยไว้ก่อน เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงแม้ว่าหุ้นอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากนั้นก็ตาม ทั้งเป็นการจำกัดความเสี่ยงและเป้าหมายของเราให้ดีขึ้นด้วย
แล้วพวกเราจะช่วยเหลือสมาชิกท่านนี้ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไรบ้างครับ ?
เทรดหุ้นอย่างโจร !!!
ผู้เขียน Jeff White
ผู้แปล Mr.lawrence10
ที่มา : TheStockBandit.net
การขจัดสิ่งไม่ดีในการเล่นหุ้นออกไป
ลองมาดูสมาชิกท่านหนึ่งที่ได้สอบถามให้ผมช่วยเหลือดูแล้วกันนะครับ
“สวัสดีครับ อาจารย์ คือว่าผมมีหุ้นอยู่ตัวหนึ่งนะครับ ผมถือไว้ประมาณ 4 วันแล้วนะครับ แต่ตอนนี้พฤติกรรมราคาหุ้นมันย่ำแย่อนาถาจริงๆครับ ผมยังไม่เข้าใจเลยครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น และไม่สามารถขายทำกำไรได้เลย แต่ยังไงผมก็ตั้งจุดตัดขาดทุนเอาไว้แล้ว ผมไม่แน่ใจว่าจะต้องทำยังไงบ้าง แล้วอาจารย์มีวิธีรับมือกับเรื่องนี้ยังไงครับกับปัญหาคลุมเครือแบบนี้
ผมได้ยินคำนี้อยู่บ่อยๆว่า “จะต้องตัดขาดทุนให้เร็วที่สุด แล้วก็ปล่อยให้ผลกำไรไหลเข้ามาเรื่อยๆ” ผมสงสัยอยู่เหมือนกันว่าความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ตัดขาดทุน” มันคืออะไรกันแน่ ผมคิดว่าผมไม่มีความเชื่อมั่นในการเล่นหุ้นอีกต่อไปแล้ว แต่ไม่แน่ว่าก็อาจจะกลับมาเหมือนเดิมก็ได้ ซึ่งก็แค่ขาดทุนนิดหน่อยเท่านั้น เมื่อผมได้วิเคราะห์สถานการณ์แล้ว ผมเห็นว่าผมคงไม่กลับมาเล่นหุ้นอีกแล้วในวันนี้ อาจารย์คิดว่าผมจะล้างแบบแผนนี้เลยดีไหมหรือว่าจะสู้ต่อไป”
นี่คือสิ่งที่ผมบอกกับเขา
สำหรับคำถามที่ว่า “ตัดขาดทุนให้เร็วที่สุด” นั้น ผมเองก็ให้คำตอบที่ตายตัวไม่ได้หรอกครับ แต่ผมบอกได้ว่าตัดขาดทุนหมายถึงอะไร ตัดขาดทุนหมายความว่าแบบแผนที่เราจะถอยหนีออกมาตอนที่ความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงนั้นมีสูง พวกเราทุกคนก็เคยเล่นหุ้นผิดจังหวะกันบ้าง แต่ก็จะผิดพลาดไปคนละแบบ ยังไงพวกเราห้ามยืนกรานที่จะทำผิดพลาดซ้ำๆ จะต้องจำกัดการขาดทุนแล้วก็หาโอกาสจังหวะทำกำไรอย่างสมเหตุสมผล อย่าไปคิดว่าจะมีปาฏิหารย์ช่วยให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น นี่แหละที่ผมคิดว่าจะต้องตัดขาดทุนให้เร็วที่สุดก็ตรงจุดนี้ครับผม
ตอนนี้เรามาพูดถึงเรื่องการถอยหนีออกมากันบ้างดีกว่า
โอกาสจังหวะที่เราค้นพบนั้นมันไม่ใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไป เราจะต้องเจอกับผิดพลาดบ้าง ถูกบ้าง ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่มักจะรอให้ราคาหุ้นนิ่งๆและก็เข้าไปเล่นแล้วก็รอคอยภาวนาให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อ ทำให้พวกเขาเจอกับความสับสนเล็กน้อย เพราะว่าเราไม่เคยสนใจพฤติกรรมราคาหุ้นจริงจังเลย เคยสงสัยไหมว่าหากการเล่นหุ้นล้มเหลวหรือได้ผลนั้นเราจะรู้ได้อย่างไร ซึ่งแท่งกราฟเขียว แดงแต่ละแท่งมันก็ทำให้เรารู้สึกเริ่มให้ความสำคัญกับมัน แต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็ชอบทำตรงข้ามกับสีของกราฟที่บอกเอาไว้ และเราก็รู้อีกทีว่าเราตัดสินใจช้าเกินไปแล้ว
กุญแจในการตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ พฤติกรรมของหุ้นแต่ละตัวที่เปลี่ยนแปลงไป เราจะต้องดูด้วยว่าเรามีเหตุผลมากพอที่จะเข้าไปเล่นไหม หรืออารมณ์ความรู้สึกของเราตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
คนที่เล่นหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวช้าเป็นแนวทางที่มีความแตกต่างมาก เมื่อเทียบกับคนที่มีประสบการณ์ใช้เครื่องมือทางเทคนิคเข้าช่วย ก็เพราะว่า
• การเล่นหุ้นของพวกเขายังไม่พัฒนามากพอที่จะทำกำไรได้เร็วๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขามีความล้มเหลวต่อแนวทางของเขา
• หุ้นมันอาจจะสร้างพฤติกรรมใหม่ๆขึ้นมาซึ่งเราเองก็ไม่รู้ก็เป็นได้
• เมื่อผมเข้าใจในการเล่นหุ้นแล้ว ผมรู้ว่าผมใช้หลักการวิเคราะห์มากเกินไปตอนที่ผมเริ่มหาสัญญาณเข้าออก ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเสมอไป
• หากผมเห็นพ้องกับตลาดหุ้นภาพรวม (อย่างเช่นตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น) และหากการเล่นหุ้นของผมมันยังไม่ดีพอเพราะว่าวางตำแหน่งไม่ถูกจุด สิ่งที่ผมจะต้องทำก็คือจะต้องยืนอยู่กับการเล่นหุ้นจนกว่าสัญญาณทางเทคนิคมีเหตุผลที่ผมจะต้องถอยหนีออกมา ผมจะต้องใช้ความอดทนเรื่องนี้ให้มาก จากการเสียค่าเล่าเรียนแต่ละครั้ง
ในทางตรงกันข้าม มันทำให้ผมมีเวลาในการขจัดของเสียออกไปในตัวผมด้วย ก็เพราะว่า
• เมื่อหุ้นมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง (Volume เพิ่มมากขึ้น) ก็จะต้องรีบแก้ไขแนวทางตัวเองทันที
• หากเราเล่นหุ้นด้วยเงินทุนที่จำกัดและเราอยากจะเดินหน้า เราก็อาจจะต้องพิจารณาตรวจสอบการเล่นหุ้นแต่ละครั้งสม่ำเสมอ
• เมื่อเราพบว่าทิศทางแนวโน้มมันสวนทางกับที่เราคิดไว้ (เช่น ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง) เราก็จะต้องหลบภัยไว้ก่อน เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงแม้ว่าหุ้นอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากนั้นก็ตาม ทั้งเป็นการจำกัดความเสี่ยงและเป้าหมายของเราให้ดีขึ้นด้วย
แล้วพวกเราจะช่วยเหลือสมาชิกท่านนี้ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไรบ้างครับ ?
เทรดหุ้นอย่างโจร !!!
ผู้เขียน Jeff White
ผู้แปล Mr.lawrence10
ที่มา : TheStockBandit.net