ความจริงที่เราจะต้องรู้ก็คือ เราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในเรื่องความเสี่ยงของตัวเองด้วย พวกเรารู้ตัวบ้างหรือเปล่า?
แต่ว่าผลตอบแทนมันคุ้มกับความเสี่ยงที่ได้หรือเปล่านี่สิครับ แล้วทีนี้เราจะจัดความเสี่ยงให้เหมาะสมกับที่ได้รับได้อย่างไรล่ะ และบางทีเรื่องนี้สำคัญสำหรับพวกเราด้วย พวกเราเคยยอมรับความเสี่ยงที่ได้รับและรับมือกับมันได้มากน้อยแค่ไหนล่ะ?
ผมมักจะชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนซ้ำๆอยู่เสมอ (หากจะให้เขียนจริงๆก็ยาวครับ ผมก็จะเน้นในส่วนสำคัญก็พอ) ซึ่งมันก็ทำให้ผมคิดแล้วคิดอีกว่าความเสี่ยงที่แท้จริงมันคืออะไรกันแน่ ผมได้รับความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนและทำไมผมต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วย
ก่อนที่ผมจะแชร์มุมมองหนังสือแต่ละเล่มนั้น ก็ขอให้ผมแชร์มุมมองเกี่ยวกับความคิดของผมในตอนนี้ดีกว่าและเดี๋ยวผมค่อยบอกรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือทีหลัง
ความเสี่ยงที่แน่นอนคือความเสี่ยงที่ดีที่สุด
เทรดเดอร์ที่เล่น Option จะเป็นเทรดเดอร์ที่เจอความเสี่ยงมากที่สุด เพราะว่ากลยุทธ์ในการเล่นมันให้ผลกำไรขาดทุนไร้ขีดจำกัด หากพวกเขาเดินเกมพลาดแม้แต่นิดเดียว ส่วนใหญ่ก็จะต้องขาดทุน 100 %
แต่เทรดเดอร์ที่เล่นหุ้นแบบผมก็จะเจอความเสี่ยงไม่เหมือนกันในแต่ละช่วง แน่นอนว่าผมสามารถซื้อหุ้น XYZ จำนวน 1000 หุ้นในราคาที่ $ 20 และผมก็สามารถรับความเสี่ยงเต็มๆในเงินจำนวน $ 20,000 แต่มันก็ไม่ใช่ความเสี่ยงที่แท้จริง เพราะว่ามันไม่มีทางเลยที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงถึง $ 0 ได้ โดยเฉพาะหากจะปรับตัวลดลงแบบนั้นเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
แทนที่จะให้ความสำคัญเกี่ยวกับความเสี่ยงในการขาดทุนเท่านั้น เท่านี้ หากว่าล้มเหลวขึ้นมา ผมจะเน้นในเรื่องในแนวคิดความเสี่ยงในการเล่นหุ้นแต่ละครั้ง ซึ่งจะต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด หากผมรู้ว่าจะเข้าไปเล่นเมื่อไรและตัดขาดทุนออกมาเมื่อไร จากนั้นก็ต้องมองสถานการณ์ที่ผมสามารถออกจากตลาดหุ้นได้เหมาะสมในแต่ละจังหวะโอกาสที่เกิดขึ้น นี่แหละคือความเสี่ยงที่ผมต้องการ เป็นความเสี่ยงที่บอกได้ว่า “หากการเล่นหุ้นใช้การไม่ได้ แล้วจะยืนทำหอกอะไรล่ะ ก็ใส่ตีนหมาออกมาซิเว้ย”
มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเล่นหุ้นให้ได้เหมือนกับครั้งก่อนๆ ส่วนใหญ่เราจะต้องเริ่มคิดในโอกาสเข้าไปเล่นต่อๆไป แต่ก็ต้องดูในส่วนที่เราได้รับผลกระทบจากการเล่นหุ้นด้วย
จะต้องรู้ว่าถอยหนีออกมาได้ยังไง
การตัดสินใจเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องยากมากๆ ซึ่งมันก็เป็นส่วนที่สำคัญมากในการเล่นหุ้น ที่อาจจะทำให้เราเจ็บปวดในการเข้าไปเล่นอยู่บ้าง ไม่ว่าจะมีสัญญาณยืนยันชัดเจนแค่ไหน ก็ทำให้เราเล่นหุ้นผิดพลาดได้ แต่มันจะดีถ้าเรารู้ว่าเมื่อไรควรที่จะถอยหนีออกมาไม่ว่าหุ้นมีการเคลื่อนไหวอย่างไรก็ตาม
ผมอยากจะกล่าวว่า การเล่นหุ้นที่ดีจะต้องมีแบบแผนอยู่เสมอ และจะทำให้เรารู้ว่าจะออกจากตลาดหุ้นยังไง ก่อนที่เราจะเข้าไปเล่นหุ้นในครั้งต่อๆไป จะต้องตัดสินใจให้ได้ว่าจะต้องถอยหนีออกมาได้ยังไง ควรที่จะจดบันทึกว่าจะถอยออกมาได้ยังไง หรือพยายามคิดออกมาให้ได้ว่าทำยังไง จะทำให้เราสามารถปรับความคิดได้ดีในแต่ละช่วง อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง ตัดสินใจเลยว่าจะถอยออกมาได้ยังไง
จะต้องตั้งเป้าหมาย
ผลตอบแทนจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีความเสี่ยงเข้ามา และไม่มีความเสี่ยงไหนที่จะไม่ให้ผลตอบแทนกับเราเลย เราจะต้องจำเอาไว้ว่ามันไม่มีเหตุผลอะไรหรอกว่าทำไมการเล่นหุ้นแต่ละครั้งของเราถึงเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ เราจะต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ซึ่งเป็นสิ่งที่เหมาะสมสำหรับการเล่นหุ้นทุกๆสถานการณ์
บางทีเราก็อาจจะตั้งเป้าหมายทำกำไรให้หนักๆหน่อยก็ได้หากมีการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งในช่วงเวลานั้น หรือบางทีเราก็ควรที่จะมีแบบแผนเข้าไปทำกำไรในแต่ละช่วงเวลาด้วย
อย่างน้อยเราก็ต้องรู้ว่าหุ้นมีการเคลื่อนไหวในระดับไหน จะทำให้เรารู้ว่าเดินเกมตามแบบแผนของเรายังไง แม้ว่าเราจะไม่คิดเกี่ยวกับการทำกำไรมากน้อยแค่ไหนก็ตาม
หากเรารู้ว่าเมื่อไรควรหยุดเล่นและเมื่อไรเข้าไปเล่น เราก็สามารถปรับความเสี่ยงของตัวเองได้แล้วไม่ว่าจะได้กำไรหรือขาดทุนก็ตาม
เทรดหุ้นอย่างโจร !!!
ผู้เขียน Jeff White
ผู้แปล Mr.lawrence10
ที่มา : TheStockBandit.net
จะต้องรับความเสี่ยงอยู่เสมอ
แต่ว่าผลตอบแทนมันคุ้มกับความเสี่ยงที่ได้หรือเปล่านี่สิครับ แล้วทีนี้เราจะจัดความเสี่ยงให้เหมาะสมกับที่ได้รับได้อย่างไรล่ะ และบางทีเรื่องนี้สำคัญสำหรับพวกเราด้วย พวกเราเคยยอมรับความเสี่ยงที่ได้รับและรับมือกับมันได้มากน้อยแค่ไหนล่ะ?
ผมมักจะชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุนซ้ำๆอยู่เสมอ (หากจะให้เขียนจริงๆก็ยาวครับ ผมก็จะเน้นในส่วนสำคัญก็พอ) ซึ่งมันก็ทำให้ผมคิดแล้วคิดอีกว่าความเสี่ยงที่แท้จริงมันคืออะไรกันแน่ ผมได้รับความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนและทำไมผมต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วย
ก่อนที่ผมจะแชร์มุมมองหนังสือแต่ละเล่มนั้น ก็ขอให้ผมแชร์มุมมองเกี่ยวกับความคิดของผมในตอนนี้ดีกว่าและเดี๋ยวผมค่อยบอกรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือทีหลัง
ความเสี่ยงที่แน่นอนคือความเสี่ยงที่ดีที่สุด
เทรดเดอร์ที่เล่น Option จะเป็นเทรดเดอร์ที่เจอความเสี่ยงมากที่สุด เพราะว่ากลยุทธ์ในการเล่นมันให้ผลกำไรขาดทุนไร้ขีดจำกัด หากพวกเขาเดินเกมพลาดแม้แต่นิดเดียว ส่วนใหญ่ก็จะต้องขาดทุน 100 %
แต่เทรดเดอร์ที่เล่นหุ้นแบบผมก็จะเจอความเสี่ยงไม่เหมือนกันในแต่ละช่วง แน่นอนว่าผมสามารถซื้อหุ้น XYZ จำนวน 1000 หุ้นในราคาที่ $ 20 และผมก็สามารถรับความเสี่ยงเต็มๆในเงินจำนวน $ 20,000 แต่มันก็ไม่ใช่ความเสี่ยงที่แท้จริง เพราะว่ามันไม่มีทางเลยที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงถึง $ 0 ได้ โดยเฉพาะหากจะปรับตัวลดลงแบบนั้นเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
แทนที่จะให้ความสำคัญเกี่ยวกับความเสี่ยงในการขาดทุนเท่านั้น เท่านี้ หากว่าล้มเหลวขึ้นมา ผมจะเน้นในเรื่องในแนวคิดความเสี่ยงในการเล่นหุ้นแต่ละครั้ง ซึ่งจะต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด หากผมรู้ว่าจะเข้าไปเล่นเมื่อไรและตัดขาดทุนออกมาเมื่อไร จากนั้นก็ต้องมองสถานการณ์ที่ผมสามารถออกจากตลาดหุ้นได้เหมาะสมในแต่ละจังหวะโอกาสที่เกิดขึ้น นี่แหละคือความเสี่ยงที่ผมต้องการ เป็นความเสี่ยงที่บอกได้ว่า “หากการเล่นหุ้นใช้การไม่ได้ แล้วจะยืนทำหอกอะไรล่ะ ก็ใส่ตีนหมาออกมาซิเว้ย”
มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเล่นหุ้นให้ได้เหมือนกับครั้งก่อนๆ ส่วนใหญ่เราจะต้องเริ่มคิดในโอกาสเข้าไปเล่นต่อๆไป แต่ก็ต้องดูในส่วนที่เราได้รับผลกระทบจากการเล่นหุ้นด้วย
จะต้องรู้ว่าถอยหนีออกมาได้ยังไง
การตัดสินใจเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องยากมากๆ ซึ่งมันก็เป็นส่วนที่สำคัญมากในการเล่นหุ้น ที่อาจจะทำให้เราเจ็บปวดในการเข้าไปเล่นอยู่บ้าง ไม่ว่าจะมีสัญญาณยืนยันชัดเจนแค่ไหน ก็ทำให้เราเล่นหุ้นผิดพลาดได้ แต่มันจะดีถ้าเรารู้ว่าเมื่อไรควรที่จะถอยหนีออกมาไม่ว่าหุ้นมีการเคลื่อนไหวอย่างไรก็ตาม
ผมอยากจะกล่าวว่า การเล่นหุ้นที่ดีจะต้องมีแบบแผนอยู่เสมอ และจะทำให้เรารู้ว่าจะออกจากตลาดหุ้นยังไง ก่อนที่เราจะเข้าไปเล่นหุ้นในครั้งต่อๆไป จะต้องตัดสินใจให้ได้ว่าจะต้องถอยหนีออกมาได้ยังไง ควรที่จะจดบันทึกว่าจะถอยออกมาได้ยังไง หรือพยายามคิดออกมาให้ได้ว่าทำยังไง จะทำให้เราสามารถปรับความคิดได้ดีในแต่ละช่วง อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง ตัดสินใจเลยว่าจะถอยออกมาได้ยังไง
จะต้องตั้งเป้าหมาย
ผลตอบแทนจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีความเสี่ยงเข้ามา และไม่มีความเสี่ยงไหนที่จะไม่ให้ผลตอบแทนกับเราเลย เราจะต้องจำเอาไว้ว่ามันไม่มีเหตุผลอะไรหรอกว่าทำไมการเล่นหุ้นแต่ละครั้งของเราถึงเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ เราจะต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ซึ่งเป็นสิ่งที่เหมาะสมสำหรับการเล่นหุ้นทุกๆสถานการณ์
บางทีเราก็อาจจะตั้งเป้าหมายทำกำไรให้หนักๆหน่อยก็ได้หากมีการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งในช่วงเวลานั้น หรือบางทีเราก็ควรที่จะมีแบบแผนเข้าไปทำกำไรในแต่ละช่วงเวลาด้วย
อย่างน้อยเราก็ต้องรู้ว่าหุ้นมีการเคลื่อนไหวในระดับไหน จะทำให้เรารู้ว่าเดินเกมตามแบบแผนของเรายังไง แม้ว่าเราจะไม่คิดเกี่ยวกับการทำกำไรมากน้อยแค่ไหนก็ตาม
หากเรารู้ว่าเมื่อไรควรหยุดเล่นและเมื่อไรเข้าไปเล่น เราก็สามารถปรับความเสี่ยงของตัวเองได้แล้วไม่ว่าจะได้กำไรหรือขาดทุนก็ตาม
เทรดหุ้นอย่างโจร !!!
ผู้เขียน Jeff White
ผู้แปล Mr.lawrence10
ที่มา : TheStockBandit.net