เรื่องมีอยู่ว่า เราได้รู้จักมิจฉาชีพ เกือบจะโดนหลอก แต่เราไหวตัวทัน แต่ก่อนหน้านี้หนูเคยสืบข้อมูลมิจฉาชีพ แต่ไม่มีข้อมูลอะไร เพราะเขาเปลี่ยนชื่อ
แต่มีผู้เสียหายมาหลายรายแล้ว ควรทำยังไงดีค่ะ
รูปและข้อมูลอ้างอิง
http://www.manager.co.th/asp-bin/ShowImage.aspx?ID=1697414&Width=800&Height=531
ข้อมูลที่ 1
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000147548
19 ตุลาคม 2553 22:03 น.
บ.น้อมจิตต์ ปัดไม่เกี่ยวคนอ้างชื่อตุ๋นหากินกับ “ช่อง 3”
นายอนันต์ จิตรมีศิลป์ กรรมการผู้จัดการบริษัทน้อมจิตต์ นำรูปนายพงค์ศักดิ์ มีเค้า ที่อ้างว่าเป็นออแกไนซ์เซอร์มาแสดง
บริษัทน้อมจิตต์ โร่แจ้งความ สน.ลาดพร้าว แจงไม่เกี่ยวข้องกับมิจฉาชีพที่นำชื่อ “รายการแจ๋ว” แอบอ้างหาผลประโยชน์ แถมเจออ้างจะเชิญกรมราชทัณฑ์-ขอถ้วยพระราชทานได้ จึงได้จ้างและจ่ายเงินให้ 2 งวดแล้ว แต่เพิ่งมารู้ข่าวว่ามิจฉาชีพเอาชื่อบริษัทไปแอบอ้างชื่อด้วย จึงมาแจ้งความว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เคยรู้จักผ่านงานแถลงข่าว
วันนี้ (19 ต.ค.) เมื่อเวลา 18.00 น.ที่ห้างสรรพสินค้าเอ็นมาร์ค พลาซ่า นายอนันต์ จิตรมีศิลป์ กรรมการผู้จัดการบริษัทน้อมจิตต์ ได้เปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนถึงกรณีที่โปรดิวเซอร์บริษัทบางกอกเอนเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด หรือช่อง 3 ว่านายพงค์ศักดิ์ มีเค้า ได้นำชื่อรายการแจ๋วไปแอบอ้างเพื่อหาผลประโยชน์ จึงได้เข้าแจ้งความที่ สน.ทองหล่อให้ดำเนินคดีว่า เหตุการณ์ทั้งหมดสืบเนื่องมาจากทางบริษัท น้อมจิตต์คอปเปอร์เรชั่น จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด กอบัวพลับลิชชิ่ง ได้มีการจัดงาน “ไทยแลนด์เนลล์อวอร์ด 2010” ซึ่งเป็นการจัดประกวดทำเล็บ เพื่อนำรายได้บางส่วนบริจาคให้กับการกุศล จากนั้นนายพงค์ศักดิ์ มีเค้า อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 295 หมู่ 2 ต.โนนหัน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ก็ได้เข้ามาติดต่อขอรับเป็นออแกไนเซอร์เพื่อทำการประชาสัมพันธ์งานให้กับสื่อมวลชนและหน่วยงานต่างๆ มาร่วมงาน
นายอนันต์กล่าวอีกว่า ทางบริษัทจึงว่าจ้างในราคา 1.5 แสนบาท โดยแบ่งจ่าย 3 งวด ซึ่งนายพงค์ศักดิ์ได้อ้างว่าจะเชิญกรมราชทัณฑ์มาร่วมงานและสามารถขอถ้วยพระราชทานได้ ตนจึงจ่ายเงินว่าจ้างให้นายพงค์ศักดิ์ไปแล้ว 2 งวด เป็นเงิน 85,000 บาท จนกระทั่งมาทราบข่าวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่านายพงค์ศักดิ์ได้นำชื่อช่อง 3 ไปแอบอ้างภายใต้ชื่องานของบริษัทตน ซึ่งหลังจากทราบข่าวก็ติดต่อไปยังนายพงค์ศักดิ์ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงสอบถามไปยังกรมราชทัณฑ์ ทำให้ทราบเรื่องทั้งหมด ทำให้เมื่อวานนี้ (18 ต.ค.) ตนและห้างหุ้นส่วนกอบัวได้มอบอำนาจให้นายดำรง จอนเหมือน อายุ 26 ปี และนางพุฒิเทพ เนนะทัต อายุ 32 ปี เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว เพื่อให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่าทางบริษัทน้อมจิตต์ และห้างหุ้นส่วนจำกัดกอบัวพลับลิชชิ่ง ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการแอบอ้างของนายพงค์ศักดิ์แต่อย่างใด ก่อนหน้านี้ตนรู้จักกับนายพงค์ศักดิ์ผ่านทางงานแถลงข่าวงานหนึ่ง จึงไว้ใจให้มารับงานของตน อีกทั้งได้ทราบมาว่านายพงค์ศักดิ์เปิดบริษัทส่วนตัวอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี ไม่คิดว่าจะเป็นพวกมิจฉาชีพ ซึ่งในวันนี้ตนได้นำรูปของนายพงค์ศักดิ์มาให้สื่อมวลชนได้ดูด้วย ส่วนการสืบสวนทางคดีก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางตำรวจต่อไป
ข้อมูลที่ 2
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000147339
ตำรวจ เชื่อ ผู้อ้างชื่อรายการ “แจ๋ว” ช่อง 3 หลอกอธิบดีกรมคุก ออกทีวี เป็นชาวขอนแก่น ใช้ชื่อลูกชายวัย 7 ขวบ อ้างกับหน่วยงานรัฐ โดยจะเรียกตัวมาสอบสวน ชี้ พฤติกรรมอ้างชื่อสวมรอยไปติดต่อราชการเท่านั้น ยังไม่เกิดการโกงเอาเงินกันขึ้น ด้าน ห้างน้อมจิตต์ แจ้งจับเพิ่ม ระบุโดนตุ๋นเอาเงินแสนมาแล้ว ขณะที่อีกรายเป็นเจ้าของธุรกิจรับเหมา ยันถูกหลอกร่วม 2 ล้าน ยันเป็นคนเดียวกับที่กรมคุกโดน
วันนี้ (19 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. พ.ต.ท.วิบูลย์ ถิ่นวัฒนากูล พนักงานสอบสวน (สบ3) สน.ทองหล่อ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.ชวนันท์ ประเสริฐวรรณกิจ อายุ 40 ปี พนักงานบริษัท บางกอกเอนเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ตำแหน่งโปรดิวเซอร์ รายการ “แจ๋ว” สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เข้าแจ้งความกรณีมีผู้แอบอ้างเป็นโปรดิวเซอร์รายการติดต่อกรมราชทัณฑ์ เพื่อขอความร่วมมือเชิญอธิบดีกรมราชทัณฑ์ออกรายการร่วมทำกิจกรรมการกุศล ว่า หลังทำการสอบปากคำพนักงานสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 แล้ว ทราบว่า พฤติกรรมของผู้ต้องสงสัยพยายามแอบอ้างชื่อสวมรอยไปติดต่อกับหน่วยงานราชการเท่านั้น ยังไม่ได้เกิดการฉ้อโกงเอาเงิน หรือทรัพย์สินกันขึ้น โดยข้อมูลที่ได้จากแนวทางการสืบสวน เชื่อว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้ คือ นายพงษ์ศักดิ์ มีเค้า อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 295 หมู่ 2 ต.โนนหัน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ส่วนชื่อ พงศธร มีเค้า ที่แนบท้ายหนังสือถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นชื่อของลูกชายวัย 7 ขวบ ของผู้ต้องหาเอง ซึ่งจะได้เรียกตัว นายพงษ์ศักดิ์ มาสอบสวนต่อไป
พ.ต.ท.วิบูลย์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่มีการนำเสนอข่าวออกไป เบื้องต้นมีผู้เสียหายอีก 1 ราย ชื่อ นายเฉลิมพล วรรณภพ เจ้าของธุรกิจรับเหมาและเต็นท์รถมือสอง พื้นที่ จ.สระบุรี โทรศัพท์เข้ามาหาและให้ข้อมูล ว่า คนร้ายที่แอบอ้างชื่อผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 รายนี้ต้องเป็น นายพงษ์ศักดิ์ อย่างแน่นอน เนื่องจากเคยถูกหลอกจนสูญเงินไปร่วม 2 ล้านบาท เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน โดยผู้เสียหาย เล่าว่า นายพงษ์ศักดิ์ ทำทีมาตีสนิทอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักพระราชวัง รู้จักผู้ใหญ่ในสังคมชั้นสูง และนายตำรวจชื่อดังอีกหลายคน อีกทั้งยังมีอาชีพเสริมเป็นที่ปรึกษาจัดหางานก่อสร้างให้กับทางราชการเปิดบริษัทตั้งอยู่ใกล้ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จากนั้นใช้อุบายลวงต่างๆ จนผู้เสียหายหลงเชื่อทำตามคำแนะนำ และยังมอบเงินค่าตอบแทนแก่นายพงษ์ศักดิ์ ไปอีก 6 แสนบาท แต่สุดท้ายโดนเชิดเงินไปทั้งหมดโดยไม่ได้รับงาน แถม นายพงษ์ศักดิ์ ยังหลอกเอารถในเต็นท์ตนไปใช้ฟรีอีก 3 คัน ซึ่งเรื่องนี้ผู้เสียหายได้ทำการแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย เอาไว้แล้ว และจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่ สน.ทองหล่อ ต่อไป
“ผมเชื่อว่า ต้องมีผู้เสียหายที่ถูกหลอกในลักษณะนี้อีกแน่นอน เพราะในรายละเอียดที่ระบุในแผ่นพับประชาสัมพันธ์งานแข่งขันทำเล็บชิงถ้วยพระราชทาน ที่ผู้ต้องสงสัยอ้างว่า จะจัดขึ้นในวันที่ 30-31 ต.ค.นี้ มีการเรียกเก็บเงินจากผู้สมัครรายละ 500 บาทด้วย ในชั้นนี้จึงพยายามสืบสวนหาต้นตอของการจัดงานว่ามีจริงหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของงาน ส่วนถ้วยพระราชทานนั้นไม่มีแน่นอน จากนี้ไปหากมีประชาชนตกเป็นผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์จำนวนมากผู้ต้องสงสัยและผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดก็จะถูกออกหมายจับตามความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนทันที” พ.ต.ท.วิบูลย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มีการนำเสนอข่าวออกไป มีผู้เสียหายเพิ่มอีก 1 ราย เป็นพนักงานของห้างน้อมจิตต์ ย่านบางกะปิ ซึ่งได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดพร้าว เมื่อวาน (18 ต.ค.) ว่า ทางห้างน้อมจิตต์เคยถูก นายพงษ์ศักดิ์ ไปแอบอ้างว่าจะจัดกิจกรรมกับทางห้าง โดยเรียกเก็บเงินไปจำนวน 1 แสนบาท ซึ่งในวันนี้เวลา 17.00 น.ทางผู้บริหารและกรรมการของห้างน้อมจิตต์ จะแถลงข่าวกับสื่อมวลชนถึงขั้นตอนวิธีการโกงอันแยบยลของนายพงษ์ศักดิ์ พร้อมทั้งโชว์รูปถ่ายของนายพงษ์ศักดิ์ ให้กับสื่อมวลชนดูด้วย
เรารู้ว่าคน คน หนึ่งเป็นมิจฉาชีพ แล้วเราจะจับเขาได้ไหม
แต่มีผู้เสียหายมาหลายรายแล้ว ควรทำยังไงดีค่ะ
รูปและข้อมูลอ้างอิง
http://www.manager.co.th/asp-bin/ShowImage.aspx?ID=1697414&Width=800&Height=531
ข้อมูลที่ 1
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000147548
19 ตุลาคม 2553 22:03 น.
บ.น้อมจิตต์ ปัดไม่เกี่ยวคนอ้างชื่อตุ๋นหากินกับ “ช่อง 3”
นายอนันต์ จิตรมีศิลป์ กรรมการผู้จัดการบริษัทน้อมจิตต์ นำรูปนายพงค์ศักดิ์ มีเค้า ที่อ้างว่าเป็นออแกไนซ์เซอร์มาแสดง
บริษัทน้อมจิตต์ โร่แจ้งความ สน.ลาดพร้าว แจงไม่เกี่ยวข้องกับมิจฉาชีพที่นำชื่อ “รายการแจ๋ว” แอบอ้างหาผลประโยชน์ แถมเจออ้างจะเชิญกรมราชทัณฑ์-ขอถ้วยพระราชทานได้ จึงได้จ้างและจ่ายเงินให้ 2 งวดแล้ว แต่เพิ่งมารู้ข่าวว่ามิจฉาชีพเอาชื่อบริษัทไปแอบอ้างชื่อด้วย จึงมาแจ้งความว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เคยรู้จักผ่านงานแถลงข่าว
วันนี้ (19 ต.ค.) เมื่อเวลา 18.00 น.ที่ห้างสรรพสินค้าเอ็นมาร์ค พลาซ่า นายอนันต์ จิตรมีศิลป์ กรรมการผู้จัดการบริษัทน้อมจิตต์ ได้เปิดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนถึงกรณีที่โปรดิวเซอร์บริษัทบางกอกเอนเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด หรือช่อง 3 ว่านายพงค์ศักดิ์ มีเค้า ได้นำชื่อรายการแจ๋วไปแอบอ้างเพื่อหาผลประโยชน์ จึงได้เข้าแจ้งความที่ สน.ทองหล่อให้ดำเนินคดีว่า เหตุการณ์ทั้งหมดสืบเนื่องมาจากทางบริษัท น้อมจิตต์คอปเปอร์เรชั่น จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด กอบัวพลับลิชชิ่ง ได้มีการจัดงาน “ไทยแลนด์เนลล์อวอร์ด 2010” ซึ่งเป็นการจัดประกวดทำเล็บ เพื่อนำรายได้บางส่วนบริจาคให้กับการกุศล จากนั้นนายพงค์ศักดิ์ มีเค้า อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 295 หมู่ 2 ต.โนนหัน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ก็ได้เข้ามาติดต่อขอรับเป็นออแกไนเซอร์เพื่อทำการประชาสัมพันธ์งานให้กับสื่อมวลชนและหน่วยงานต่างๆ มาร่วมงาน
นายอนันต์กล่าวอีกว่า ทางบริษัทจึงว่าจ้างในราคา 1.5 แสนบาท โดยแบ่งจ่าย 3 งวด ซึ่งนายพงค์ศักดิ์ได้อ้างว่าจะเชิญกรมราชทัณฑ์มาร่วมงานและสามารถขอถ้วยพระราชทานได้ ตนจึงจ่ายเงินว่าจ้างให้นายพงค์ศักดิ์ไปแล้ว 2 งวด เป็นเงิน 85,000 บาท จนกระทั่งมาทราบข่าวเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่านายพงค์ศักดิ์ได้นำชื่อช่อง 3 ไปแอบอ้างภายใต้ชื่องานของบริษัทตน ซึ่งหลังจากทราบข่าวก็ติดต่อไปยังนายพงค์ศักดิ์ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงสอบถามไปยังกรมราชทัณฑ์ ทำให้ทราบเรื่องทั้งหมด ทำให้เมื่อวานนี้ (18 ต.ค.) ตนและห้างหุ้นส่วนกอบัวได้มอบอำนาจให้นายดำรง จอนเหมือน อายุ 26 ปี และนางพุฒิเทพ เนนะทัต อายุ 32 ปี เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว เพื่อให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่าทางบริษัทน้อมจิตต์ และห้างหุ้นส่วนจำกัดกอบัวพลับลิชชิ่ง ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการแอบอ้างของนายพงค์ศักดิ์แต่อย่างใด ก่อนหน้านี้ตนรู้จักกับนายพงค์ศักดิ์ผ่านทางงานแถลงข่าวงานหนึ่ง จึงไว้ใจให้มารับงานของตน อีกทั้งได้ทราบมาว่านายพงค์ศักดิ์เปิดบริษัทส่วนตัวอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี ไม่คิดว่าจะเป็นพวกมิจฉาชีพ ซึ่งในวันนี้ตนได้นำรูปของนายพงค์ศักดิ์มาให้สื่อมวลชนได้ดูด้วย ส่วนการสืบสวนทางคดีก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางตำรวจต่อไป
ข้อมูลที่ 2
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000147339
ตำรวจ เชื่อ ผู้อ้างชื่อรายการ “แจ๋ว” ช่อง 3 หลอกอธิบดีกรมคุก ออกทีวี เป็นชาวขอนแก่น ใช้ชื่อลูกชายวัย 7 ขวบ อ้างกับหน่วยงานรัฐ โดยจะเรียกตัวมาสอบสวน ชี้ พฤติกรรมอ้างชื่อสวมรอยไปติดต่อราชการเท่านั้น ยังไม่เกิดการโกงเอาเงินกันขึ้น ด้าน ห้างน้อมจิตต์ แจ้งจับเพิ่ม ระบุโดนตุ๋นเอาเงินแสนมาแล้ว ขณะที่อีกรายเป็นเจ้าของธุรกิจรับเหมา ยันถูกหลอกร่วม 2 ล้าน ยันเป็นคนเดียวกับที่กรมคุกโดน
วันนี้ (19 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. พ.ต.ท.วิบูลย์ ถิ่นวัฒนากูล พนักงานสอบสวน (สบ3) สน.ทองหล่อ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.ชวนันท์ ประเสริฐวรรณกิจ อายุ 40 ปี พนักงานบริษัท บางกอกเอนเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ตำแหน่งโปรดิวเซอร์ รายการ “แจ๋ว” สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เข้าแจ้งความกรณีมีผู้แอบอ้างเป็นโปรดิวเซอร์รายการติดต่อกรมราชทัณฑ์ เพื่อขอความร่วมมือเชิญอธิบดีกรมราชทัณฑ์ออกรายการร่วมทำกิจกรรมการกุศล ว่า หลังทำการสอบปากคำพนักงานสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 แล้ว ทราบว่า พฤติกรรมของผู้ต้องสงสัยพยายามแอบอ้างชื่อสวมรอยไปติดต่อกับหน่วยงานราชการเท่านั้น ยังไม่ได้เกิดการฉ้อโกงเอาเงิน หรือทรัพย์สินกันขึ้น โดยข้อมูลที่ได้จากแนวทางการสืบสวน เชื่อว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้ คือ นายพงษ์ศักดิ์ มีเค้า อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 295 หมู่ 2 ต.โนนหัน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ส่วนชื่อ พงศธร มีเค้า ที่แนบท้ายหนังสือถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นชื่อของลูกชายวัย 7 ขวบ ของผู้ต้องหาเอง ซึ่งจะได้เรียกตัว นายพงษ์ศักดิ์ มาสอบสวนต่อไป
พ.ต.ท.วิบูลย์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่มีการนำเสนอข่าวออกไป เบื้องต้นมีผู้เสียหายอีก 1 ราย ชื่อ นายเฉลิมพล วรรณภพ เจ้าของธุรกิจรับเหมาและเต็นท์รถมือสอง พื้นที่ จ.สระบุรี โทรศัพท์เข้ามาหาและให้ข้อมูล ว่า คนร้ายที่แอบอ้างชื่อผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 รายนี้ต้องเป็น นายพงษ์ศักดิ์ อย่างแน่นอน เนื่องจากเคยถูกหลอกจนสูญเงินไปร่วม 2 ล้านบาท เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน โดยผู้เสียหาย เล่าว่า นายพงษ์ศักดิ์ ทำทีมาตีสนิทอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักพระราชวัง รู้จักผู้ใหญ่ในสังคมชั้นสูง และนายตำรวจชื่อดังอีกหลายคน อีกทั้งยังมีอาชีพเสริมเป็นที่ปรึกษาจัดหางานก่อสร้างให้กับทางราชการเปิดบริษัทตั้งอยู่ใกล้ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จากนั้นใช้อุบายลวงต่างๆ จนผู้เสียหายหลงเชื่อทำตามคำแนะนำ และยังมอบเงินค่าตอบแทนแก่นายพงษ์ศักดิ์ ไปอีก 6 แสนบาท แต่สุดท้ายโดนเชิดเงินไปทั้งหมดโดยไม่ได้รับงาน แถม นายพงษ์ศักดิ์ ยังหลอกเอารถในเต็นท์ตนไปใช้ฟรีอีก 3 คัน ซึ่งเรื่องนี้ผู้เสียหายได้ทำการแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย เอาไว้แล้ว และจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่ สน.ทองหล่อ ต่อไป
“ผมเชื่อว่า ต้องมีผู้เสียหายที่ถูกหลอกในลักษณะนี้อีกแน่นอน เพราะในรายละเอียดที่ระบุในแผ่นพับประชาสัมพันธ์งานแข่งขันทำเล็บชิงถ้วยพระราชทาน ที่ผู้ต้องสงสัยอ้างว่า จะจัดขึ้นในวันที่ 30-31 ต.ค.นี้ มีการเรียกเก็บเงินจากผู้สมัครรายละ 500 บาทด้วย ในชั้นนี้จึงพยายามสืบสวนหาต้นตอของการจัดงานว่ามีจริงหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของงาน ส่วนถ้วยพระราชทานนั้นไม่มีแน่นอน จากนี้ไปหากมีประชาชนตกเป็นผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์จำนวนมากผู้ต้องสงสัยและผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดก็จะถูกออกหมายจับตามความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนทันที” พ.ต.ท.วิบูลย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มีการนำเสนอข่าวออกไป มีผู้เสียหายเพิ่มอีก 1 ราย เป็นพนักงานของห้างน้อมจิตต์ ย่านบางกะปิ ซึ่งได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลาดพร้าว เมื่อวาน (18 ต.ค.) ว่า ทางห้างน้อมจิตต์เคยถูก นายพงษ์ศักดิ์ ไปแอบอ้างว่าจะจัดกิจกรรมกับทางห้าง โดยเรียกเก็บเงินไปจำนวน 1 แสนบาท ซึ่งในวันนี้เวลา 17.00 น.ทางผู้บริหารและกรรมการของห้างน้อมจิตต์ จะแถลงข่าวกับสื่อมวลชนถึงขั้นตอนวิธีการโกงอันแยบยลของนายพงษ์ศักดิ์ พร้อมทั้งโชว์รูปถ่ายของนายพงษ์ศักดิ์ ให้กับสื่อมวลชนดูด้วย