ผมว่าตอนนี้คงต้องแยกเป็น2ประเด็นก่อน
1. โครงการรับจำนำข้าว ส่วนตัวไม่เคยเห็นด้วยกับการช่วยเหลือเกษตรกรโดยวิธีการแบบนี้เลยถ้าเป็นไปได้ใช้วิธีการอื่นเช่น ชดเชยส่วนต่าง(หรือบางคนเรียกประกันรายได้) แบบนี้ผมว่าจะทำให้ข้าวมันเป็นไปตามกลไกลของตลาดเองทั้ง ปริมาณการค้าขายในตลาด ราคา และการส่งออก แต่รูปแบบการรับจำนำกลายเป็นว่ารัฐกลายเป็นผู้ต้องมาแบกรับซื้อข้าวไว้เกือบทั้งหมด ซื้อมาแล้วต้องเอามาเก็บแล้วก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา จะขายก็ขายไม่ได้เพราะราคาในตลาดโลกถูกกว่าที่ซื้อมามาก คงคิดว่าการซื้อมาตุนจะสามารถกำหนดควบคุมปริมาณและราคาข้าวในตลาดโลกได้ แต่ที่ไหนได้ปริมาณข้าวและราคาในตลาดโลกไม่ได้เป็นไปตามที่คาดคิด อีกทั้งช่องทางการจะทุจริตในหลายขั้นตอนที่ตอนนี้ข่าวคราวและหลายๆอย่างเริ่มออกมาชัดมากขึ้น เอาเป็นว่าโครงการแบบนี้ผมว่าพอเถอะครับ
2. ความเดือดร้อนจากการไม่ได้รับเงินของชาวนา ผมว่าทำอะไรได้ทำไปก่อนให้ชาวนาได้รับเงินที่ค้างจ่ายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจะโดยวิธีการใดก็แล้วแต่เช่น จะใช้การกู้เงินมาจ่าย จะรีบๆขายข้าวออกไปถึงแม้จะขาดทุนมากหรือน้อยก็แล้วแต่ อย่ามองให้เป็นเรื่องการเมืองไปหมด สำหรับในกรณีที่ต้องใช้วิธีการกู้เงินมาจ่ายนั้นแล้วบางท่านมองว่าต้องใช้เงินภาษีของหลายๆคนไปช่วยผมว่าแบบนี้ก็คงไม่ใช่ เพราะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานปี56ที่ผ่านมาเรื่องการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางก็พึ่งใช้เงินไปกว่า 25,000ล้านบาทกับการชดเชยส่วนต่างราคายาง แต่วิธีการแบบนี้เงินถึงมือเกษตรกรจริงๆและในส่วนตัวผมเองและเพื่อนๆในหน่วยงานก็มีส่วนอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบและพิจารณา แต่ถ้าเป็นแบบปี55ที่ใช้เงินไปกว่า15,000ล้านแล้วซื้อยางมาเก็บไว้ซึ่งรูปแบบคล้ายกับการรับจำนำข้าว แบบนี้ผมไม่เห็นด้วยจริงๆเพราะก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำอยู่ในตอนนั้นและรู้ว่าเงินมันไม่ได้ถึงมือเกษตรกรทุกคน
สุดท้ายผมว่าโครงการแบบการรับจำนำข้าวแบบนี้อย่าได้ทำต่อไปเลยครับให้มันจบแค่นี้พอก่อนจะเสียหายไปมากกว่านี้
"จำนำข้าว" โครงการแบบนี้ผมว่าพอเถอะครับ
1. โครงการรับจำนำข้าว ส่วนตัวไม่เคยเห็นด้วยกับการช่วยเหลือเกษตรกรโดยวิธีการแบบนี้เลยถ้าเป็นไปได้ใช้วิธีการอื่นเช่น ชดเชยส่วนต่าง(หรือบางคนเรียกประกันรายได้) แบบนี้ผมว่าจะทำให้ข้าวมันเป็นไปตามกลไกลของตลาดเองทั้ง ปริมาณการค้าขายในตลาด ราคา และการส่งออก แต่รูปแบบการรับจำนำกลายเป็นว่ารัฐกลายเป็นผู้ต้องมาแบกรับซื้อข้าวไว้เกือบทั้งหมด ซื้อมาแล้วต้องเอามาเก็บแล้วก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา จะขายก็ขายไม่ได้เพราะราคาในตลาดโลกถูกกว่าที่ซื้อมามาก คงคิดว่าการซื้อมาตุนจะสามารถกำหนดควบคุมปริมาณและราคาข้าวในตลาดโลกได้ แต่ที่ไหนได้ปริมาณข้าวและราคาในตลาดโลกไม่ได้เป็นไปตามที่คาดคิด อีกทั้งช่องทางการจะทุจริตในหลายขั้นตอนที่ตอนนี้ข่าวคราวและหลายๆอย่างเริ่มออกมาชัดมากขึ้น เอาเป็นว่าโครงการแบบนี้ผมว่าพอเถอะครับ
2. ความเดือดร้อนจากการไม่ได้รับเงินของชาวนา ผมว่าทำอะไรได้ทำไปก่อนให้ชาวนาได้รับเงินที่ค้างจ่ายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจะโดยวิธีการใดก็แล้วแต่เช่น จะใช้การกู้เงินมาจ่าย จะรีบๆขายข้าวออกไปถึงแม้จะขาดทุนมากหรือน้อยก็แล้วแต่ อย่ามองให้เป็นเรื่องการเมืองไปหมด สำหรับในกรณีที่ต้องใช้วิธีการกู้เงินมาจ่ายนั้นแล้วบางท่านมองว่าต้องใช้เงินภาษีของหลายๆคนไปช่วยผมว่าแบบนี้ก็คงไม่ใช่ เพราะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานปี56ที่ผ่านมาเรื่องการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางก็พึ่งใช้เงินไปกว่า 25,000ล้านบาทกับการชดเชยส่วนต่างราคายาง แต่วิธีการแบบนี้เงินถึงมือเกษตรกรจริงๆและในส่วนตัวผมเองและเพื่อนๆในหน่วยงานก็มีส่วนอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบและพิจารณา แต่ถ้าเป็นแบบปี55ที่ใช้เงินไปกว่า15,000ล้านแล้วซื้อยางมาเก็บไว้ซึ่งรูปแบบคล้ายกับการรับจำนำข้าว แบบนี้ผมไม่เห็นด้วยจริงๆเพราะก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำอยู่ในตอนนั้นและรู้ว่าเงินมันไม่ได้ถึงมือเกษตรกรทุกคน
สุดท้ายผมว่าโครงการแบบการรับจำนำข้าวแบบนี้อย่าได้ทำต่อไปเลยครับให้มันจบแค่นี้พอก่อนจะเสียหายไปมากกว่านี้