*ภาพและเนื้อหาเรียบเรียงจากบทความนี้[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.theguardian.com/film/2014/jan/29/body-image-actors-body-weight-galleryนะจ๊ะ


การเปลี่ยนแปลงร่างกายตนเองเพื่อบทบาทก็เป็นหนึ่งในหน้าที่ของนักแสดง และการจะทำให้ได้เช่นนั้นย่อมต้องอาศัยวินัยที่เยี่ยมยอดและความอดทนที่เป็นเลิศมากๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะลดหรือเพิ่มน้ำหนักขึ้นครั้งละสิบกิโลกรัมโดยระวังไม่ให้กระทบกระเทือนสุขภาพ และอาจจะด้วยความทุ่มเทเช่นนี้เอง นักแสดงเหล่านี้จึงกลายเป็นนักแสดงแถวหน้าของวงการได้อย่างภาคภูมิ




แม็ธธิว แม็คคอนาเฮย์



Fool’s Gold (2008) และ Dallas Buyers Club (2013)
ก่อน: 84 กิโลกรัม
หลัง: 61 กิโลกรัม
ควรค่าแก่การยอมรับจริงๆ สำหรับพ่อหนุ่มแม็ธธิว ที่หลังจากดื่มแต่ไดเอ็ท โค้ก กินแต่
ไข่ขาว, ไก่และมันสำปะหลัง น้ำหนักพี่แกก็ลดฮวบฮาบ โดนก่อนหน้านี้แม็ธธิวชนะ
รางวัลแสดงนำยอดเยี่ยมของโกลเด้น โกลบมาแล้วและเข้าชิงออสการ์ปีนี้ด้วย

.

จาเร็ต เลโต้



My So Called Life (1994-5) และ Chapter 27 (2007)
ก่อน: 70 กิโลกรัม
หลัง: 100 กิโลกรัม
ในการรับบทเป็นฆาตกรที่สังหารจอห์น เลนนอน พี่จาเร็ตต้องอัดไอศกรีม, ถั่วเหลือง
และน้ำมันมะกอกในปริมาณที่เราต้องตกใจเลยทีเดียว ผลก็ออกมาคุ้มค่าอยู่คือน้ำหนัก
ขึ้นไปร่วมๆ 30 กิโลกรัมเลยทีเดียว

เพิ่มเติมนิดหน่อย แต่พี่แกก็ลดน้ำหนักจนกลับมาเท่เฟี้ยวอีกครั้งในการเล่นดนตรีกับวง
30 Seconds To Mars แถมปีนี้ยังลดน้ำหนักจนเหลือเพียง 52 กิโลกรัมเท่านั้น (โดยประมาณ) แถมด้วยบทนี้ เลโต้คว้าสมทบชายยอดเยี่ยมของโกลเด้น โกลบมาด้วยล่ะ

.

ทอม แฮงค์



Castaway (2000)
ก่อน: 101 กิโลกรัม
หลัง: 77 กิโลกรัม
การรับบทเป็นชายติดเกาะนี้ทำให้พี่ทอม แฮงค์ชนะสาขานักแสดงนำชายของโกลเด้น
โกลบแถมยังทำให้เจ้าลูกวอลเล่ย์วิลสันดังระเบิดไปด้วยอีกหนึ่งหน่อ หนังเรื่องนี้ถ่ายทำ
กันสองช่วง คือช่วงที่ทอมยังตุ้ยนุ้ยอยู่กับช่วงที่ผอมแล้ว (และหนวดเคราก็ยาวแล้ว)

.

เรเน่ เซลเวเกอร์



Bridget Jones (2001) และ Jerry Maguire (1996)
ก่อน: 49 กิโลกรัม
หลัง: 59 กิโลกรัม
บทแม่สาวอวบขวัญใจคนทั่วโลกนี่ส่งผลให้เรเน่ เซลเวเกอร์ชิงออสการ์สาขาขำหญิงเลย
ทีเดียว โดยก่อนถ่ายทำเรื่อง Bridget Jones เธอต้องเร่งเพิ่มน้ำหนักตัวเองอย่างเร็วจนน่าเหลือเชื่อเลยทีเดียว

.

โรเบิร์ต เดอ นีโร



Taxi Driver (1976) และ Raging Bull (1980)
ก่อน: 66 กิโลกรัม
หลัง: 96 กิโลกรัม
ป๋าเดอ นีโรชนะออสการ์และโกลเด้น โกลบสาขานักแสดงนำชายด้วยบทเจค ลาม็อตต้า นักมวยเจ้าสังเวียนในหนังมาสเตอร์พีซปี 1980 ของปู่มาร์ติน สกอร์เซซี งานนี้ป๋าเดอ นีโร่ทุ่มไปเรียนมวยและทำน้ำหนักเปลี่ยนรูปร่าง นอกจากนี้ ป๋าแกยังไปขึ้นชกมวยจริงๆ สามครั้ง ชนะมาสองด้วย เจ๋งมั้ยล่าาา

.

คริสเตียน เบล



American Psycho (2000)
ก่อน: 78 กิโลกรัม
หลัง: 50 กิโลกรัม
งานนี้ไม่มีพี่เบลไม่ได้เป็นอันขาด! ก็พี่แกเล่นลดซะจนหายไปจะ 30 กิโลกรัม วันหนึ่งๆ กินแต่ทูน่ากับแอปเปิ้ลและงดความอยากอาหารด้วยการสูบบุหรี่ (แถมแกยังเพิ่มๆ ลดๆ น้ำหนักเป็นว่าเล่นในหนังเรื่องอื่นๆ ด้วยนะจ๊ะ ล่าสุดใน American Hustle (2013) ก็พุงล้ำมาเลย

.

แม็ตต์ ดามอน



The Departed (2006) และ The Informant (2009)
ก่อน: 75 กิโลกรัม
หลัง: 91 กิโลกรัม
เพื่อจะรับบทในหนังปี 2009 ของสตีเว่น โซเดอร์เบิร์ก แมตต์ ดามอนกินไม่ยั้งทั้งสเต็ก, มันฝรั่ง, เบียร์และอาหารจำพวกที่แค่เห็นก็อ้วนแล้ว (อื้อหือ) อย่างไรก็ดี บทนี้ส่งเขาเข้าชิงสาขานักแสดงนำชายของโกลเด้น โกลบเลยนะ

.

ชาร์ลิซ เธอรอน



Monster (2003) และ The Italian Job (2003)
ก่อน: 55 กิโลกรัม
หลัง: 68 กิโลกรัม
สาวสวย (มากๆ) อย่างชาร์ลิซไม่ได้แค่เปลี่ยนแปลงรูปร่างตัวเองเพื่องานนี้เท่านั้น แต่ต้องเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาตัวเองด้วยการใส่ฟันปลอม, เมคอัพรอยด่างบนผิวและลบคิ้ว (นี่เรื่องใหญ่นะ!) และบทนี้ก็ทำให้เธอคว้าออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงไปเลย

.
ทอม ฮาร์ดี้



Bronson (2008) และ Stuart: A Life Backwards (2007)
ก่อน: 68 กิโลกรัม
หลัง: 79 กิโลกรัม
หนังที่นิโคลัส วินดิ้ง เรฟน์เขียนบทและกำกับ ฮาร์ดี้รับบทเป็นนักมวยชาร์ล บรอนสัน ซึ่งตัวจริงไม่พอใจกับการแคสติ้งฮาร์ดี้เอาเสียเลย อย่างไรก็ดี เขาก็ช่วยเทรนด์ฮาร์ดี้ให้รับบทนี้อยู่ดี

.

ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์



300 (2007) และ Hunger (2008)
ก่อน: 73 กิโลกรัม
หลัง: 58 กิโลกรัม
จากที่เคยเป็นทหารตัวล่ำบึ้กใน 300 ฟาสเบนเดอร์ก็ชนะสาขานักแสดงนำชายรางวัลบริทิช อินดีเพนเดนท์ ฟิล์ม อวอร์ดในบทบ็อบบี้ แซนด์ นักโทษริพับลิกันที่นำหน่วยก่อการร้ายเพื่ออิสรภาพไอร์แลนด์ (IRA) ประท้วงสารพัดวิธีรวมไปถึงการอดอาหาร โดยน้ำหนักต่ำสุดของฟาสเบนเดอร์เท่าๆ กับแซนด์เขียนไว้ในบันทึกเลยทีเดียว ให้ทายว่าอาหารมื้อแรกที่พี่แกกินหลังถ่ายทำเสร็จคืออะไร ซูชิไง



ฝากบล็อก-เพจ สำหรับติดตามข่าวสาร-แลกเปลี่ยนกันนะคะ

Page: https://www.facebook.com/llkhimll
Blog: http://llkhimll.wordpress.com/