ในที่สุดก็ได้ฤกษ์อัพกระทู้ที่ไม่ต้องนินทาหนุ่มแห้งซะที หึหึหึ
วันนี้จะมาเล่าให้ฟังถึงคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายที่ได้แสดงในนิวยอร์คก่อนกลับเมืองไทยค่ะ เพราะเป้นคอนเสิร์ตที่วุ่นวาย และชวนให้ลุ้นที่สุดแทบจะทุกๆสามชั่วโมงเลยสิน่า(เวอร์ไป)
ตามที่เคยอัพไปแล้วตามนี้ค่ะ
http://ppantip.com/topic/31352595 ว่าแพนจังต้องเต้นบัลเล่ต์ แต่มันไม่ใช่แค่นั้นแน่นอน สุดท้ายเก๊าก็ได้ร้องเพลงด้วย อิอิอิ
แต่ว่า หลังจากส่งรายชื่อเพลงไปสักพัก จนอีกสามสี่วันจะถึงวันคอนเสิร์ต ก็มารู้จากเพื่อนอีกคนว่า เพลงที่เธอร้อง มันไปซ้ำกะมาเรีย นักร้องคบาสสิคชาวเกาหบีที่เป็นดิว่าของคลาสร้องเพลง แล้วเพลงเดียวกัน นางใช้ร้องเปิดคอนเสิร์ต นังแพนเอามาร้องกลางคอนเสิร์ต แน่นอนว่าเรามันไม่ใช่สาวคลาสสิคอย่างเค้า...ฆ่าตัวตายชัดๆ!! เรื่องอะไรชั้นจะร้องเพลงเดียวกันกะเธอล่ะยะ แต่เหลือเวลาอีกแค่สามสี่วัน แล้วเพลงก็ซ้อมไปแล้ว เอาไงดีล่ะนั่น...สุดท้าย จขกท ก็เลยใช้วิธีทางไสยศาสตร์ เขียนรายชื่อเพลงคริสต์มาสอื่นๆลงในกระดาษ พับ แล้วพึมพำไปด้วยว่า รักกู หลงกู รักกู หลงกู...เอ่อ ไม่ใช่ละ ^^" แล้วก็จับฉลากเอา โดยการแอบงุ้งงิ้งว่า ขอให้ได้เพลงที่ร้องแล้วรุ่งเลยนะ คอนสุดท้ายแล้ว เอาแบบ คนฟังอึ้งไปเลยนะ
จับหมับ!! เปิดดู แทบกรีดร้อง....
ทำไมได้เพลงนี้วะเฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
มันคือเพลง The First Noel ซึ่งเป็นเพลงนึงที่คนรู้จักกันเยอะมาก แต่ไม่ค่อยมีคนเบือกเอามาร้องเท่าไหร่ เพราะมาก แต่ร้องยากโคตรรรรรรร
เพียงเท่านี้ แพนจังก็เกิดอาการที่เพื่อนเรียกว่า แพนิค แพน ขึ้นมาทันใด ต้องวิ่งไปอ้อนวอนเพื่อนสาวคนไทยที่อยู่อีกโรงเรียน ซึ่งเธอคนนี้เรียนจบเอกร้องมาจากเมืองไทย เพลงมาแนวไหนเธอได้หมด และอ้อนวอนพี่อีกคนที่เคยช่วยอัดเสียงให้บ่อยๆว่า ช่วยลดคีย์ของBacking track ให้หนูโหน่ยยยยย มันสูง หนูร้องไม่ถึงง่ะ T^T
แต่แล้ว กว่าจะได้ไปซ้อมร้องกับเพื่อนสาวจริงๆก็คือวันเสาร์ ส่วนคอนเสิร์ตจัดวันอาทิตย์...
วันเดียวก่อนแสดง เอาวะ!! แล้วแพนจังก็ไปร้องเพลงงุ้งงิ้งนั่นให้เพื่อนฟัง และเจอประกาศิตนางพญาเข้าเต็มๆ เพราะเพื่อนสาวบอกว่า จะลดคีย์ทำไม ใช้คีย์ออริจินัลของมันสิ แบคกิงแทรคก็เพราะกว่า เสียงแพนก็พุ่งกว่า แค่แรงไม่พอเท่านั้นเอง มาๆๆ เดี๋ยวเราสอนให้
ผ่านไปสองชั่วโมง...เออเฮ้ย ร้องดีขึ้นจริงๆง่ะ ไอ้ที่กะว่าไม่ถึงแน่ก็ร้องถึง ซ้อมจนมั่นใจล่ะ งานนี้ตูไม่พลาดแน่ หึหึหึ แต่จนกระทั่งก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน แพนจังก็นึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้เรื่องนึง...คอสตูมตู...ไม่ทันแย้ว
คือว่า ชุดที่ จขกท จะใส่แสดง มันเป็นชุดที่ จขกท เรียกเองว่ามิกซ์แอนด์ไม่แมทช์ โดยการเอาเสื้อที่ซื้อมาจากร้านขายของมือสองตัวละสิบดอลล่าร์(ถือว่าถูกม้ากมาก) เป็นเสื้อคอกว้างแขนยาวๆพลิ้วๆสไตล์โบราณสีขาว สั่งซื้อคอร์เซ็ทรัดเอวมาตัวนึง(ถ้านึกไม่ออกลองไปหาหนังย้อนยุคฝรั่งดู ไอ้ที่มันเป็นเสื้อเกาะอกแบบโครงๆ เวลาจะใส่ทีต้องดึงเชือกกันจนเอวกิ่ว...นั่นเลยค่ะ) และสั่งกระโปรงบานสีแดงแปร๊ดมาอีกตัว เพราะตอนนั้นชั่งใจอยู่ระหว่างสีเขียวกับสีแดง ให้เข้ากะคริสต์มาส แล้วมั่นใจว่าใส่เขียวไม่ขึ้นชัวร์ ใส่แดงดีกว่า เพราะเผื่อจะทำให้หน้าดูขาวบ้าง(เกี่ยวมั้ย!?!)
ความพลาดอย่างร้ายแรงของ จขกท ก็คือ ลืมใส่คอร์เซ็ทซ้อม
บางคนอาจจะนึกไม่ออกว่า แล้วมันต่างกันยังไงล่ะ ใส่หรือไม่ใส่ ต่างมากค่ะ...เพราะคอร์เซ็ทที่รัดติ้วนั่นจะทำให้เราหายใจไม่ออก ="= แต่ถ้าไม่รัด ก็จะกลายเป็นแท่งๆไปทันที และถ้าไม่ใส่เลย คอสตูมที่ซ้อนกันหลายชั้นนั่นก็จะทำให้เรากลายร่างเป็นคนท้องแปดเดือนในทันที ซึ่งกรณีของ จขกท ก็ไม่ละเว้นค่ะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าเพราะอะไร
สรุปก็ไม่ได้ใส่ซ้อมจนแล้วจนรอดสิน่า...
อีกปัญหาคือ กระโปรงที่สั่งไว้ยังมาไม่ถึงสักที อุตส่าห์สั่งล่วงหน้าแล้ว เช็ควันแล้ว แต่ไปรษณีย์อเมริกาที่รักก็ดันทำพิษโดยการมาส่งทุกอย่างดีเลย์หมด!!! ตอนแรกขึ้นว่าจะึถึงภายในวันที่20 จู่ๆพอเช็คอีกทีพี่ท่านบอกจะถึงวันที่26 แทบกรีดร้อง คอนเสิร์ตตูมันวันที่22เฟ้ยยยยยยยยยยยยยยย
สรุปว่า จขกทก็ไปคุ้ยๆเอาในตู้ว่ามีอะไรพอจะเอามากล้อมแกล้มใส่ได้บ้าง ก็เลยได้เดรสยาวครอบจักรวาลมาตัวนึง ส่วนจะเอามาใส่ยังไงนั้นเดี๋ยวค่อยคิดละกัน ^^"
อีกเรื่องที่เป็นปัญหาโลกแตกก็คือ คิวแสดงค่ะ...
เดิมที จขกท เห็นคิวที่เค้าร่างไว้ เต้นอยู่พาร์ทแรก ก่อนพักครึ่ง แล้วก็ร้องเพลงอยู่พาร์ทหลัง แต่พอวันก่อนแสดง มาดูคิวที่พิมพ์แล้วอีกที ก็ได้กรี๊ดออกมาจริงๆ เพราะเหตุที่ยูกะซัง(ครูสอนเต้น)ไม่สามารถมาทันครึ่งแรกได้เพราะติดสอน ก็เลยเปลี่ยนคิวมาไว้ครึ่งหลัง เพื่อที่ครูจะได้เห็นผลงานของนักเรียนที่สอนด้วย ซึ่งไอ้เจ้าผลงานนั้นก็คือบัลเล่ต์มหาโหดที่ จขกท ต้องเต้นนั่นเอง T^T แล้วเอาไว้ไหนไม่ไว้ ดันเอามาไว้ตรงครึ่งหลัง หลังจากเพลงที่ จขกท ต้องร้องเพลง โดยมีเพลงร้องคั่นแค่เพลงเดียว!!! ซึ่งสรุปคือ จขกท ต้องใส่อีชุดอลังการงานงอกนั่นร้องเพลง และวิ่งตาเหลือกออกมากระชากทุกอย่างทิ้งเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดบัลเล่ต์ เกล้ามวยสวยงาม โดยมีเวลาประมาณหนึ่งหรือสองนาทีเท่านั้น!!
คือตามปกติ เวลาแสดง มันก็มีควิกเชนจ์แบบนี้อยู่แล้ว แต่อย่างน้อยๆ มันก็เปลี่ยนแค่ชุดนี่นา ไม่ใช่เปลื่ยนมันหมดตั้งกะหัวจรดเท้าขนาดนี้ เพราะผม จขกท ก็ต้องติดแฮร์พีซ เนื่องจากเราผมไม่ยาวพอ และถ้าจะให้เกล้ามวยก็จะเกลายเป็นยัยหัวไม้ขีดทันที เพราะหัวเล็กนิดเดียว แต่ชุดอย่างพองเลยทีเดียวเชียว และอีกปัญหาคือ เสื้อชั้นในนั่นเอง เพราะเพลงเต้น เราต้องใส่ไอ้เจ้าเสื้อชั้นในสำหรับเต้น ซึ่งจะทำให้ออกมาดูราบเรียบแบนแต๊ดแต๋ แต่เวลาร้องเพลง ถ้าแบนขนาดนั้น แน่นอนว่าคอเสื้อคงจะเหี่ยวและห้อยลงมากองที่พุงกันแน่นอน แต่เอาเถอะ ไม่มีเวลาจะคิดแล้ว เปลี่ยนทันก็เปลี่ยน เปลี่ยนไม่ทันก็โหสิละกันนะคะท่านปรมาจารย์ยูกะ ^^"
สรุปว่า คอนตูมทั้งหมดที่ จขกท ใส่ก็เลยเป็นแบบนี้...
ชั้นใน...ถุงน้องบัลเล่ต์...ชุดบัลเล่ต์...เดรส ที่เอามาพับครึ่งบนลงแล้ว ใส่เป็นกระโปรงอย่างเดียว...เสื้อคอกว้างนั้น และคอร์เซ็ท รองเ้ท้าก็ไม่มีเวลาจะเปลี่ยน ใส่รองเท้าบัลเล่ต์ร้องเพลงมันนี่ล่ะ(วะ) โชคดีจริงๆที่เป็นกระโปรงยาว และผม ก็มีเพื่อนอาสาจะช่วยจัดการให้ โดยการถอดแฮร์พีซแบบคลิปประมาณเจ็ดแปดช่อออกแล้วเกล้ามวยให้เรียบร้อย ติดเครื่องประดับเข้าไป และเพราะชุดมันพองกันซะขนาดนั้น พอใส่คอร์เซ็ทเข้าไปก็ทำเอา จขกท แทบขาดใจตายเพราะความแน่น
แล้วชั้นจะร้องเพลงยังไงล่ะนั่น!?!?!?!
ปรากฏว่าความบัดซบชีวิตยังไม่จบเท่านั้น หลังจากที่ซ้อมเต้น รันเทคนิค จขกท ก็พบว่า ไอ้ที่ซ้อมๆมานั่น ตูยังจำไม่ได้เลย ซวยแล้วคร้าบบบบ คุณจะเป็นจุดอ่อนของทีมอย่างแน่นอน ฮืออออออ
หลังรันเต้นเสร็จ จริงๆมันควรจะได้รันร้องเพลง ลองดนตรี ลองไฟ แต่ไหงดันหมดเวลาซะก่อน และการแสดงก็จะต้องเริ่มแล้ว สติแตกก็งานนี้ล่ะค่ะ
เมื่อกลับมาถึงสตูดิโอสำหรับนักแสดงเตรียมตัวซึ่งอยู่อีกชั้นนึง จขกท ก็ต้องกลับมาซ้อมเต้น เพราะดูจะเป็เคสเร่งด่วนกว่า เอาน่า ไม่เป็นไร เมื่อวานเราร้องได้เพอร์เฟคแล้ว(เหรอออออ) เอาเรื่องเต้นก่อนละกัน ไม่อยากเป็นคนเดียวที่ดูง่อกแง่กเหมือนลูกเป็นขาเป๋
มาคิดได้ว่า เรายังไม่ได้ลองซ้อมร้องเพลง ยังไม่ได้วอร์มเสียงเลยนี่หว่าเฮ้ยยยยยย ไม่ทันแล้ว แงๆๆๆ
ตามปกติเวลามีโชว์เคสแบบนี้ จขกท จะชอบแอบเข้าไปยืนดูเพื่อนๆแสดงจากด้านหลังห้อง แต่วันนี้คงเป็นครั้งแรกจริงๆที่ไม่สามารถไปดูใครได้เลย เพราะเราเองก็จะเอาตัวไม่รอดอยู่แ้ล้ว
สุดท้ายความเครียดก็ทำให้คุณนายแพนจังนั่งร้องไห้กระซิกๆอยู่กะวากิโกะซัง ผู้ช่วยครูที่เป็นเหมือนพี่สาวสุดที่รักไปเรียบร้อยแล้ว ^^" ก็มันเครียดง่าาาา
ในที่สุดก็ถึงเวลาแสดง อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เพลงแรก The First Noel อืม...ไม่อยากโกหกทุกคนว่าทำออกมาโอเค ไม่แย่ เพราะอันที่จริงแล้วมันพังมาก...พังถึงขั้นรับไม่ได้กันเลยทีเดียวค่ะ ร้องแฟลต ร้องไม่จบประโยคก็หมดลมซะแล้ว หายใจได้ทีละนิดๆ แทบเป็นลม ไม่เข้าใจจริงๆว่านักร้องโอเปร่าเค้าทำกันได้ยังไงเนี่ย ทั้งคอสตูมมหาประลัยพวกนั้น โฮกกกกกกกก
เพลงที่สอง For Good เหมือนจะแก้หน้าให้ตัวเองได้พอสมควร เพราะเป็นเพลงพิเศษที่เราอยากร้องให้เพื่อนๆและครูๆที่โรงเรียน เนื่องจากเราก็ประกาศมันในคอนเสิร์ตนั่นแหละค่ะ ว่าเก๊าจะกลับไทยล้ว นี่คงเป็นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายที่นี่แล้วจริงๆ ก็เลยอยากร้องเพลงนี้แทนความรู้สึกให้ทุกคน และเพลงนั้น ก็คือเพลงที่ จขกท เคยร้องให้ตาสนูปี้บอยตอนที่ฮีกลับประเทศไป แต่เนื้อหาเพลงในภาษาญี่ปุ่นมันดูเป้นเพลงรักมากกว่าเวอร์ชั่นอังกฤษ ซึ่งค่อนข้างจะเป็นแนวเพื่อนกันซะมากกว่า และเพราะมันเป็นเพลงคู่ที่หาคู่ร้องไม่ทัน จขกท ก็เลยร้องคนเดียวมันซะเลย หุหุหุ
เพลงที่สองนี่จริงๆก็หวิดๆจะล่มเหมือนกันค่ะ เพราะร้องๆไปกลางๆเพลง หันไปเห็นอีสเตอร์ ไดเรคเตอร์โรงเรียน เห็นมายูมิซัง อดีตแดนเซอร์ที่แต่งงานไปหลายปีแล้ว ตอนนี้มาเป็นรีเซปชั่นให้โรงเรียน เห็นยูกะซัง และเพื่อนๆอีกหลายคน ทุกคนกำลังร้องไห้!!! อย่านะเฟ้ยยยย ว่าแล้วยัยแพนจังซึ่งกำลังร้องท่อนที่ว่า It well maybe that we will never meet again in this lifetime, so let me say before we part. So much of me is made of what I learned from you. You'll be with me like a handprint on my heart. มายูมิก็เดินไปแอบปาดน้ำตาป้อยๆอยู่หลังประตูเรียบร้อย และยัยแพนจังก็เริ่มจะร้องเป๋ขึ่นเพราะเราเองก็เริ่มจะน้ำตาไหลกะเค้ามั่งเหมือนกัน
ร้องจบ อีสเตอร์เดินออกมา เราเดินไปกอด ร้องไห้กันทั้งคู่ เหลือบไปเห็นยูกะซังโบกไม้โบกมือประมาณว่าชั้นไม่ออกนะ เพราะกำลังปาดน้ำตา เอ่อ...ร้อยวันพันปีไม่เคยทำใครร้องไห้เลยง่ะ แปลกดี ^^"
หลังร้องจบ ช่วงเวลาซึ้งก็หมดไป แทนที่ด้วยความโกหลาหล เพราะไอ้การต้องเปลี่ยนชุดนี่แล หลังจากกระชากทุกอย่างทิ้งแทบไม่ทัน ยังไม่ทันขอบคุณเพื่อนสาวๆทั้งหลายที่มาช่วยเปลี่ยนชุดให้ ก็ต้องวิ่งหอบแฮกๆไปแสดงซะแล้ว
แต่ออกมาไม่แย่เว้ยเฮ้ยยยยยย วะฮะฮ่า อย่างน้อยก็ไล่ตามชาวบ้านทันหมดเรียบร้อย ไม่หลุดออกมาเป็นจุดอ่อนให้หลอนตัวเอง แค่นี่ก็พอจายยยยย (แต่ยังคงจิตตกนิดๆกับเพลงร้องเพลงแรกจริงๆนะ)
วันนี้จบกันทื่อๆแบบนี้เลยละกันค่ะ ฮ่าๆๆๆ เอารุปตาสนูปี้มาแปะเพิ่มด้วยค่า ^^ (ทำไมไม่แปะรูปคอนเสิร์ต!?!?!?)
สำหรับคนที่อยากได้รูปคู่ เนื่องจาก จขกท หน้าไม่พร้อมจะออกสื่ออย่างแรง T^T ก็เลยได้มาแค่นี้นะก๊ะ
ส่วนนี่คอสตูมร้องเพลงเจ้าปัญหาค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ
สำหรับคลิปร้อง...มีเพลงที่สองเพลงเดียวง่ะ 5555 ใครอยากล่าท้าผีก็เชิญหลังไมค์นะคะ ^^"
เผ่นดีกว่า แว้บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
เกือบลืม...กลับมาเต้นออกฉากไปตามเคย หุหุหุหุ สวัสดีค่า ^_^
เรื่องเล่าจากสาวเอ๋อ :: แพนจังกับการแสดงครั้งสุดท้ายในนิวยอร์ค
วันนี้จะมาเล่าให้ฟังถึงคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายที่ได้แสดงในนิวยอร์คก่อนกลับเมืองไทยค่ะ เพราะเป้นคอนเสิร์ตที่วุ่นวาย และชวนให้ลุ้นที่สุดแทบจะทุกๆสามชั่วโมงเลยสิน่า(เวอร์ไป)
ตามที่เคยอัพไปแล้วตามนี้ค่ะ http://ppantip.com/topic/31352595 ว่าแพนจังต้องเต้นบัลเล่ต์ แต่มันไม่ใช่แค่นั้นแน่นอน สุดท้ายเก๊าก็ได้ร้องเพลงด้วย อิอิอิ
แต่ว่า หลังจากส่งรายชื่อเพลงไปสักพัก จนอีกสามสี่วันจะถึงวันคอนเสิร์ต ก็มารู้จากเพื่อนอีกคนว่า เพลงที่เธอร้อง มันไปซ้ำกะมาเรีย นักร้องคบาสสิคชาวเกาหบีที่เป็นดิว่าของคลาสร้องเพลง แล้วเพลงเดียวกัน นางใช้ร้องเปิดคอนเสิร์ต นังแพนเอามาร้องกลางคอนเสิร์ต แน่นอนว่าเรามันไม่ใช่สาวคลาสสิคอย่างเค้า...ฆ่าตัวตายชัดๆ!! เรื่องอะไรชั้นจะร้องเพลงเดียวกันกะเธอล่ะยะ แต่เหลือเวลาอีกแค่สามสี่วัน แล้วเพลงก็ซ้อมไปแล้ว เอาไงดีล่ะนั่น...สุดท้าย จขกท ก็เลยใช้วิธีทางไสยศาสตร์ เขียนรายชื่อเพลงคริสต์มาสอื่นๆลงในกระดาษ พับ แล้วพึมพำไปด้วยว่า รักกู หลงกู รักกู หลงกู...เอ่อ ไม่ใช่ละ ^^" แล้วก็จับฉลากเอา โดยการแอบงุ้งงิ้งว่า ขอให้ได้เพลงที่ร้องแล้วรุ่งเลยนะ คอนสุดท้ายแล้ว เอาแบบ คนฟังอึ้งไปเลยนะ
จับหมับ!! เปิดดู แทบกรีดร้อง....
ทำไมได้เพลงนี้วะเฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
มันคือเพลง The First Noel ซึ่งเป็นเพลงนึงที่คนรู้จักกันเยอะมาก แต่ไม่ค่อยมีคนเบือกเอามาร้องเท่าไหร่ เพราะมาก แต่ร้องยากโคตรรรรรรร
เพียงเท่านี้ แพนจังก็เกิดอาการที่เพื่อนเรียกว่า แพนิค แพน ขึ้นมาทันใด ต้องวิ่งไปอ้อนวอนเพื่อนสาวคนไทยที่อยู่อีกโรงเรียน ซึ่งเธอคนนี้เรียนจบเอกร้องมาจากเมืองไทย เพลงมาแนวไหนเธอได้หมด และอ้อนวอนพี่อีกคนที่เคยช่วยอัดเสียงให้บ่อยๆว่า ช่วยลดคีย์ของBacking track ให้หนูโหน่ยยยยย มันสูง หนูร้องไม่ถึงง่ะ T^T
แต่แล้ว กว่าจะได้ไปซ้อมร้องกับเพื่อนสาวจริงๆก็คือวันเสาร์ ส่วนคอนเสิร์ตจัดวันอาทิตย์...
วันเดียวก่อนแสดง เอาวะ!! แล้วแพนจังก็ไปร้องเพลงงุ้งงิ้งนั่นให้เพื่อนฟัง และเจอประกาศิตนางพญาเข้าเต็มๆ เพราะเพื่อนสาวบอกว่า จะลดคีย์ทำไม ใช้คีย์ออริจินัลของมันสิ แบคกิงแทรคก็เพราะกว่า เสียงแพนก็พุ่งกว่า แค่แรงไม่พอเท่านั้นเอง มาๆๆ เดี๋ยวเราสอนให้
ผ่านไปสองชั่วโมง...เออเฮ้ย ร้องดีขึ้นจริงๆง่ะ ไอ้ที่กะว่าไม่ถึงแน่ก็ร้องถึง ซ้อมจนมั่นใจล่ะ งานนี้ตูไม่พลาดแน่ หึหึหึ แต่จนกระทั่งก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน แพนจังก็นึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้เรื่องนึง...คอสตูมตู...ไม่ทันแย้ว
คือว่า ชุดที่ จขกท จะใส่แสดง มันเป็นชุดที่ จขกท เรียกเองว่ามิกซ์แอนด์ไม่แมทช์ โดยการเอาเสื้อที่ซื้อมาจากร้านขายของมือสองตัวละสิบดอลล่าร์(ถือว่าถูกม้ากมาก) เป็นเสื้อคอกว้างแขนยาวๆพลิ้วๆสไตล์โบราณสีขาว สั่งซื้อคอร์เซ็ทรัดเอวมาตัวนึง(ถ้านึกไม่ออกลองไปหาหนังย้อนยุคฝรั่งดู ไอ้ที่มันเป็นเสื้อเกาะอกแบบโครงๆ เวลาจะใส่ทีต้องดึงเชือกกันจนเอวกิ่ว...นั่นเลยค่ะ) และสั่งกระโปรงบานสีแดงแปร๊ดมาอีกตัว เพราะตอนนั้นชั่งใจอยู่ระหว่างสีเขียวกับสีแดง ให้เข้ากะคริสต์มาส แล้วมั่นใจว่าใส่เขียวไม่ขึ้นชัวร์ ใส่แดงดีกว่า เพราะเผื่อจะทำให้หน้าดูขาวบ้าง(เกี่ยวมั้ย!?!)
ความพลาดอย่างร้ายแรงของ จขกท ก็คือ ลืมใส่คอร์เซ็ทซ้อม
บางคนอาจจะนึกไม่ออกว่า แล้วมันต่างกันยังไงล่ะ ใส่หรือไม่ใส่ ต่างมากค่ะ...เพราะคอร์เซ็ทที่รัดติ้วนั่นจะทำให้เราหายใจไม่ออก ="= แต่ถ้าไม่รัด ก็จะกลายเป็นแท่งๆไปทันที และถ้าไม่ใส่เลย คอสตูมที่ซ้อนกันหลายชั้นนั่นก็จะทำให้เรากลายร่างเป็นคนท้องแปดเดือนในทันที ซึ่งกรณีของ จขกท ก็ไม่ละเว้นค่ะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าเพราะอะไร
สรุปก็ไม่ได้ใส่ซ้อมจนแล้วจนรอดสิน่า...
อีกปัญหาคือ กระโปรงที่สั่งไว้ยังมาไม่ถึงสักที อุตส่าห์สั่งล่วงหน้าแล้ว เช็ควันแล้ว แต่ไปรษณีย์อเมริกาที่รักก็ดันทำพิษโดยการมาส่งทุกอย่างดีเลย์หมด!!! ตอนแรกขึ้นว่าจะึถึงภายในวันที่20 จู่ๆพอเช็คอีกทีพี่ท่านบอกจะถึงวันที่26 แทบกรีดร้อง คอนเสิร์ตตูมันวันที่22เฟ้ยยยยยยยยยยยยยยย
สรุปว่า จขกทก็ไปคุ้ยๆเอาในตู้ว่ามีอะไรพอจะเอามากล้อมแกล้มใส่ได้บ้าง ก็เลยได้เดรสยาวครอบจักรวาลมาตัวนึง ส่วนจะเอามาใส่ยังไงนั้นเดี๋ยวค่อยคิดละกัน ^^"
อีกเรื่องที่เป็นปัญหาโลกแตกก็คือ คิวแสดงค่ะ...
เดิมที จขกท เห็นคิวที่เค้าร่างไว้ เต้นอยู่พาร์ทแรก ก่อนพักครึ่ง แล้วก็ร้องเพลงอยู่พาร์ทหลัง แต่พอวันก่อนแสดง มาดูคิวที่พิมพ์แล้วอีกที ก็ได้กรี๊ดออกมาจริงๆ เพราะเหตุที่ยูกะซัง(ครูสอนเต้น)ไม่สามารถมาทันครึ่งแรกได้เพราะติดสอน ก็เลยเปลี่ยนคิวมาไว้ครึ่งหลัง เพื่อที่ครูจะได้เห็นผลงานของนักเรียนที่สอนด้วย ซึ่งไอ้เจ้าผลงานนั้นก็คือบัลเล่ต์มหาโหดที่ จขกท ต้องเต้นนั่นเอง T^T แล้วเอาไว้ไหนไม่ไว้ ดันเอามาไว้ตรงครึ่งหลัง หลังจากเพลงที่ จขกท ต้องร้องเพลง โดยมีเพลงร้องคั่นแค่เพลงเดียว!!! ซึ่งสรุปคือ จขกท ต้องใส่อีชุดอลังการงานงอกนั่นร้องเพลง และวิ่งตาเหลือกออกมากระชากทุกอย่างทิ้งเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดบัลเล่ต์ เกล้ามวยสวยงาม โดยมีเวลาประมาณหนึ่งหรือสองนาทีเท่านั้น!!
คือตามปกติ เวลาแสดง มันก็มีควิกเชนจ์แบบนี้อยู่แล้ว แต่อย่างน้อยๆ มันก็เปลี่ยนแค่ชุดนี่นา ไม่ใช่เปลื่ยนมันหมดตั้งกะหัวจรดเท้าขนาดนี้ เพราะผม จขกท ก็ต้องติดแฮร์พีซ เนื่องจากเราผมไม่ยาวพอ และถ้าจะให้เกล้ามวยก็จะเกลายเป็นยัยหัวไม้ขีดทันที เพราะหัวเล็กนิดเดียว แต่ชุดอย่างพองเลยทีเดียวเชียว และอีกปัญหาคือ เสื้อชั้นในนั่นเอง เพราะเพลงเต้น เราต้องใส่ไอ้เจ้าเสื้อชั้นในสำหรับเต้น ซึ่งจะทำให้ออกมาดูราบเรียบแบนแต๊ดแต๋ แต่เวลาร้องเพลง ถ้าแบนขนาดนั้น แน่นอนว่าคอเสื้อคงจะเหี่ยวและห้อยลงมากองที่พุงกันแน่นอน แต่เอาเถอะ ไม่มีเวลาจะคิดแล้ว เปลี่ยนทันก็เปลี่ยน เปลี่ยนไม่ทันก็โหสิละกันนะคะท่านปรมาจารย์ยูกะ ^^"
สรุปว่า คอนตูมทั้งหมดที่ จขกท ใส่ก็เลยเป็นแบบนี้...
ชั้นใน...ถุงน้องบัลเล่ต์...ชุดบัลเล่ต์...เดรส ที่เอามาพับครึ่งบนลงแล้ว ใส่เป็นกระโปรงอย่างเดียว...เสื้อคอกว้างนั้น และคอร์เซ็ท รองเ้ท้าก็ไม่มีเวลาจะเปลี่ยน ใส่รองเท้าบัลเล่ต์ร้องเพลงมันนี่ล่ะ(วะ) โชคดีจริงๆที่เป็นกระโปรงยาว และผม ก็มีเพื่อนอาสาจะช่วยจัดการให้ โดยการถอดแฮร์พีซแบบคลิปประมาณเจ็ดแปดช่อออกแล้วเกล้ามวยให้เรียบร้อย ติดเครื่องประดับเข้าไป และเพราะชุดมันพองกันซะขนาดนั้น พอใส่คอร์เซ็ทเข้าไปก็ทำเอา จขกท แทบขาดใจตายเพราะความแน่น
แล้วชั้นจะร้องเพลงยังไงล่ะนั่น!?!?!?!
ปรากฏว่าความบัดซบชีวิตยังไม่จบเท่านั้น หลังจากที่ซ้อมเต้น รันเทคนิค จขกท ก็พบว่า ไอ้ที่ซ้อมๆมานั่น ตูยังจำไม่ได้เลย ซวยแล้วคร้าบบบบ คุณจะเป็นจุดอ่อนของทีมอย่างแน่นอน ฮืออออออ
หลังรันเต้นเสร็จ จริงๆมันควรจะได้รันร้องเพลง ลองดนตรี ลองไฟ แต่ไหงดันหมดเวลาซะก่อน และการแสดงก็จะต้องเริ่มแล้ว สติแตกก็งานนี้ล่ะค่ะ
เมื่อกลับมาถึงสตูดิโอสำหรับนักแสดงเตรียมตัวซึ่งอยู่อีกชั้นนึง จขกท ก็ต้องกลับมาซ้อมเต้น เพราะดูจะเป็เคสเร่งด่วนกว่า เอาน่า ไม่เป็นไร เมื่อวานเราร้องได้เพอร์เฟคแล้ว(เหรอออออ) เอาเรื่องเต้นก่อนละกัน ไม่อยากเป็นคนเดียวที่ดูง่อกแง่กเหมือนลูกเป็นขาเป๋
มาคิดได้ว่า เรายังไม่ได้ลองซ้อมร้องเพลง ยังไม่ได้วอร์มเสียงเลยนี่หว่าเฮ้ยยยยยย ไม่ทันแล้ว แงๆๆๆ
ตามปกติเวลามีโชว์เคสแบบนี้ จขกท จะชอบแอบเข้าไปยืนดูเพื่อนๆแสดงจากด้านหลังห้อง แต่วันนี้คงเป็นครั้งแรกจริงๆที่ไม่สามารถไปดูใครได้เลย เพราะเราเองก็จะเอาตัวไม่รอดอยู่แ้ล้ว
สุดท้ายความเครียดก็ทำให้คุณนายแพนจังนั่งร้องไห้กระซิกๆอยู่กะวากิโกะซัง ผู้ช่วยครูที่เป็นเหมือนพี่สาวสุดที่รักไปเรียบร้อยแล้ว ^^" ก็มันเครียดง่าาาา
ในที่สุดก็ถึงเวลาแสดง อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เพลงแรก The First Noel อืม...ไม่อยากโกหกทุกคนว่าทำออกมาโอเค ไม่แย่ เพราะอันที่จริงแล้วมันพังมาก...พังถึงขั้นรับไม่ได้กันเลยทีเดียวค่ะ ร้องแฟลต ร้องไม่จบประโยคก็หมดลมซะแล้ว หายใจได้ทีละนิดๆ แทบเป็นลม ไม่เข้าใจจริงๆว่านักร้องโอเปร่าเค้าทำกันได้ยังไงเนี่ย ทั้งคอสตูมมหาประลัยพวกนั้น โฮกกกกกกกก
เพลงที่สอง For Good เหมือนจะแก้หน้าให้ตัวเองได้พอสมควร เพราะเป็นเพลงพิเศษที่เราอยากร้องให้เพื่อนๆและครูๆที่โรงเรียน เนื่องจากเราก็ประกาศมันในคอนเสิร์ตนั่นแหละค่ะ ว่าเก๊าจะกลับไทยล้ว นี่คงเป็นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายที่นี่แล้วจริงๆ ก็เลยอยากร้องเพลงนี้แทนความรู้สึกให้ทุกคน และเพลงนั้น ก็คือเพลงที่ จขกท เคยร้องให้ตาสนูปี้บอยตอนที่ฮีกลับประเทศไป แต่เนื้อหาเพลงในภาษาญี่ปุ่นมันดูเป้นเพลงรักมากกว่าเวอร์ชั่นอังกฤษ ซึ่งค่อนข้างจะเป็นแนวเพื่อนกันซะมากกว่า และเพราะมันเป็นเพลงคู่ที่หาคู่ร้องไม่ทัน จขกท ก็เลยร้องคนเดียวมันซะเลย หุหุหุ
เพลงที่สองนี่จริงๆก็หวิดๆจะล่มเหมือนกันค่ะ เพราะร้องๆไปกลางๆเพลง หันไปเห็นอีสเตอร์ ไดเรคเตอร์โรงเรียน เห็นมายูมิซัง อดีตแดนเซอร์ที่แต่งงานไปหลายปีแล้ว ตอนนี้มาเป็นรีเซปชั่นให้โรงเรียน เห็นยูกะซัง และเพื่อนๆอีกหลายคน ทุกคนกำลังร้องไห้!!! อย่านะเฟ้ยยยย ว่าแล้วยัยแพนจังซึ่งกำลังร้องท่อนที่ว่า It well maybe that we will never meet again in this lifetime, so let me say before we part. So much of me is made of what I learned from you. You'll be with me like a handprint on my heart. มายูมิก็เดินไปแอบปาดน้ำตาป้อยๆอยู่หลังประตูเรียบร้อย และยัยแพนจังก็เริ่มจะร้องเป๋ขึ่นเพราะเราเองก็เริ่มจะน้ำตาไหลกะเค้ามั่งเหมือนกัน
ร้องจบ อีสเตอร์เดินออกมา เราเดินไปกอด ร้องไห้กันทั้งคู่ เหลือบไปเห็นยูกะซังโบกไม้โบกมือประมาณว่าชั้นไม่ออกนะ เพราะกำลังปาดน้ำตา เอ่อ...ร้อยวันพันปีไม่เคยทำใครร้องไห้เลยง่ะ แปลกดี ^^"
หลังร้องจบ ช่วงเวลาซึ้งก็หมดไป แทนที่ด้วยความโกหลาหล เพราะไอ้การต้องเปลี่ยนชุดนี่แล หลังจากกระชากทุกอย่างทิ้งแทบไม่ทัน ยังไม่ทันขอบคุณเพื่อนสาวๆทั้งหลายที่มาช่วยเปลี่ยนชุดให้ ก็ต้องวิ่งหอบแฮกๆไปแสดงซะแล้ว
แต่ออกมาไม่แย่เว้ยเฮ้ยยยยยย วะฮะฮ่า อย่างน้อยก็ไล่ตามชาวบ้านทันหมดเรียบร้อย ไม่หลุดออกมาเป็นจุดอ่อนให้หลอนตัวเอง แค่นี่ก็พอจายยยยย (แต่ยังคงจิตตกนิดๆกับเพลงร้องเพลงแรกจริงๆนะ)
วันนี้จบกันทื่อๆแบบนี้เลยละกันค่ะ ฮ่าๆๆๆ เอารุปตาสนูปี้มาแปะเพิ่มด้วยค่า ^^ (ทำไมไม่แปะรูปคอนเสิร์ต!?!?!?)
สำหรับคนที่อยากได้รูปคู่ เนื่องจาก จขกท หน้าไม่พร้อมจะออกสื่ออย่างแรง T^T ก็เลยได้มาแค่นี้นะก๊ะ
ส่วนนี่คอสตูมร้องเพลงเจ้าปัญหาค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ
สำหรับคลิปร้อง...มีเพลงที่สองเพลงเดียวง่ะ 5555 ใครอยากล่าท้าผีก็เชิญหลังไมค์นะคะ ^^"
เผ่นดีกว่า แว้บบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
เกือบลืม...กลับมาเต้นออกฉากไปตามเคย หุหุหุหุ สวัสดีค่า ^_^