สวัสดีอีกครั้งค่า หลังจากหายไปอีกพักนึง ฮี่ๆๆ ช่วงนี้แพนจังเกิดอาการเปื่อยขึ้นมาอีกรอบเพราะจู่ๆอากาศก็เย็นลงอีกแล้วค่ะ สาวเมืองร้อนแบบนี้ก็ย่อมจะปรับสภาพร่างกายไม่ทันกันเป็นธรรมดาเนอะ แถมช่วงนี้ จขกท ก็ทั้งซ้อม ทั้งเรียน ทั้งทำงาน ก็เลยพักไม่พอนิดหน่อยค่ะ แหะๆๆๆ
เข้าเรื่องเลยก็แล้วกันเนาะ หุหุหุ
คือว่าเมื่อวันก่อน จขกท ได้วันหยุดพอดี ไม่ต้องทำอะไรเลย ทั้งเรียน ทั้งงาน ก็เลยมีเวลาว่างมานั่งคุยกับอีตาสนูปี้บอยเยอะขึ้นค่ะ
ก็เลยถามข้อข้องใจหลายๆข้อที่สงสัยมานาน แต่ไมไ่ด้ถาม ไม่ก็ถามแล้วแต่ไม่ได้คำตอบ เพราะตอนนั้นภาษาอังกฤษของฮียังอยู่ในระดับที่สื่อสารไม่ค่อยเข้าใจซักเท่าไหร่ หลังจากฝึกทุกวันมาเป้นเวลาเดือนครึ่ง ตอนนี้ฮีสามารถตอบข้อสงสัยของ จขกท ได้เกือบหมดแล้วนะคะ ดังนั้นใครที่กำลังกังวลเรื่องการฝึกภาษาอังกฤษอยู่ก็อย่าท้อนะคะ พยายามใช้ทุกวัน จขกท คอนเฟิร์มว่าดีขึ้นแน่นอนฮ่า ^_^
หลังจากคุยสัพเพเหระกันมาสักพัก จขกท ก็เลยถามออกไปในที่สุดว่า เธอชอบเราตั้งแต่ตอนไหนอ้ะ
ชะรอยคงเป็นคำถามที่ตอบยาก ไม่ก็เรียบเรียงยากเป้นแน่แท้ เพราะฮีเงียบไปพักนึง พร้อมทำเสียงงึมมัมในคอเหมือนพยายามจะสรรหาศัพท์ออกมาอธิบายให้ได้ ก่อนจะบอกว่า ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันนั่นแหละ (กรี๊ดดดดดดดดดดดดด) แต่ จขกท ก็ยังไม่วายสงสัยค่ะ เพราะเพื่อนที่เป้นพาร์ทเนอร์ของฮีเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนที่ จขกท มาถึงได้สักพัก ช่วงแรกๆที่เจอกัน ฮีก็พูดถึง จขกท ให้พาร์ทเนอร์ฟัง เพื่อนก็เลยถามว่า ชอบแพนจังเหรอ ซึ่งฮีก็ตอบทันทีเลยว่า เปล่าซะหน่อย
เจอคำถามนี้เข้าไป สนูปี้บอยก็เลยเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะตอบเสียงอ้อมแอ้มว่า "ก็ตอนนั้นเธอชอบแกล้งเราอะ เราก็เลยไม่กล้าชอบ กลัวโดนต่อย"
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ชั้นขอโต้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
แน่นอน ว่าคำถามถัดไปที่ยิงออกมาก็คือ...แล้วทำไมถึงชอบเราอะ
ฮีก็บอกว่า "เธอตอนนั้นเธอน่ารัก (เอาไปร้อยคะแนนบวกบวกเลยดาร์ลิ้งงงง) และเธอก็ตลกดี (ควรภูมิใจปะ) เราก็เลยชอบ"
ไม่พอใจค่ะ ยังไม่พอ จขกท ก็เลยถามต่ออีกว่า...แล้วตอนนั้น ที่ไปบ้านไมโกะซํง (ครูที่โรงเรียน) ที่ปาร์ตี้วันนั้น เราเดินออกไปซื้อของ ทำไมเธอจับมือเราล่ะ
คราวนี้ฮีม้วนลงไปใต้โต๊ะก่อนสามรอบ แล้วก็ค่อยๆโผล่ขึ้นมา บอกอ้อมแอ้ม "ก็วันนั้นเธอเมา แล้วเธอก็หนาว มือเย็นเจี๊ยบเลย เราก็เมา เธอเดินมาด้วยกันแบบนี้ เธอก็รู้ว่าเราชอบเธอมาตั้งแต่แรกแล้ว เราก็เลยอดไมไ่ด้จริงๆ แล้วเราก็มั่นใจด้วยว่าเธอเมา เธอต่อยเราไม่ทันหรอก เราหลบได้ก่อน (เอ่อ....) แต่ว่า...วันนั้น ตอนเธอกลับบ้าน มีคนมาบอกว่า แฟนเธอรอกลับบ้านด้วยกันอยู่ เธอก็เลยต้องรีบกลับ เราก็เลยช๊อค เพราะทุกคนพูดเหมือนกันหมดเลยว่าเธอมีแฟนแล้ว"
...คือ...เมื่อวันนั้น เพื่อนสาวที่ร้านไทยที่ จขกท เคยทำเค้าจะขอไปค้างด้วยที่บ้านน่ะค่ะ และเมื่อนางเลิกงานตีสอง จขกท ก็เลยบอกว่างั้นจะไปปาร์ตี้ก่อน เลิกงานแล้วโทรมาละกัน ปรากฏว่านางเล่นโทรมาตอนเกือบตีสาม และเกือบจะถึงสถานีบ้าน จขกท อยู่แล้ว ก็เลยต้องผลุนผลันกลับแบบไม่มีที่มาที่ไป เล่นเอาทุกคนงงกันไปหมด และด้วยเหตุผลที่ว่า ต้องกลับแล้วล่ะ เพื่อนรออยู่ที่สถานี วันนี้เพื่อนไปค้างที่บ้าน แค่นั้นจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะโดนเข้าใจผิดไปเรียบโร้ยยยยยย
และแน่นอน จขกท ยิงคำถามต่อไปราวกับกำลังซักผู้ต้องหาทันที...แล้วมารู้ตอนไหนว่าเราไม่มีแฟน
ฮีตอบอ่อมแอ้มว่า "สองวันก่อนเรากลับ คาโยโกะจังบอกว่า แพนจังไม่มีแฟน แต่เราไม่กล้าบอกเธอตอนนั้นจริงๆ เพราะเรากลัวเธอบอกว่าเธอไม่ชอบเรา...รู้มั้ย ตอนนี้เราอยากได้ไทม์แมชชีนมากเลย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เราจะรีบบอกเธอตั้งแต่ตอนแรกแล้วล่ะ" (โอยยยยยย เลือดกำเดาไหลหมดตัว)
ยิงคำถามต่ออีกทันทีค่ะ...แล้วทำไมสุดท้ายก็บอกล่ะ
คุณชายนั่งเอาคางพาดแขนคิดอยู่สักพัก ก็ตอบออกมาเบาๆ "เพราะเราชอบเธอมากเกินไปแล้วน่ะสิ มากๆจริงๆ แล้วก่อนเรากลับ เธอก็บอกเราว่าเธอชอบเราเหมือนกัน เราก็เลยคิดว่า เราน่าจะบอกเธอเหมือนกัน ขอโทษนะ เราน่าจะบอกเธอตั้งแต่ก่อนกลับ ไม่อย่างนั้นเราคงมีโอกาสได้คุยกันแบบตัวเป็นๆในฐานะแฟน ได้แตะตัวเธอจริงๆ ไม่ใช่แค่ผ่านโทรศัพท์แบบนี้" (อย่านะ เดี๋ยวร้องไห้ อย่ามาทำซึ้ง อีตาแห้ง!!!!)
คราวนี้เริ่มเปลี่ยนประเด็นถามบ้าง...แล้วถ้าเจอกันครั้งนี้ เธอจะทำยังไงบ้างอะ
คราวนี้ฮีนิ่งไปเลยค่ะ พักนึงเลยจน จขกท ต้องถามซ้ำ "ก็...ขอกอดได้มั้ย แล้วก็...Kiss" เจอคำตอบนี้เข้าไป เล่นเอาแพนจังเงิบไปเหมือนกันเจ้าค่ะ แต่ก็ยังต้องอธิบายให้ฮีเข้าใจด้วย ว่าที่ญี่ปุ่นอาจจะทำได้นะ แต่ที่เมืองไทยมันไม่ใช่แบบนั้น ยิ่งต่อหน้าแม่เราด้วย แม่เราฆ่าเธอตายแหงๆ ซึ่งฮีคิดอีกนิด แล้วถามด้วยเสียงเกรงใจมากๆว่า..."งั้น เราKiss แม่เธอแทนได้มั้ย"
จบข่าว อีตาบ้า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
(ประเด็นนี้เล่าให้ท่านแม่ฟัง แม่บอกว่า...เออ กล้าก็มาเดะ...เอิ๊กกกก พอกัน)
ข่าวดีก็คือ ตอนนี้ฮีสารภาพกับที่บ้านอย่างเป็นทางการแล้วว่า แพนจังได้มาพรากความโสดของฮีที่เก็บรักษาไว้มาเกือบ25ปีไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทั้งแม่และพี่สาว(ซึ่งแพนจังสารภาพกับพี่สาวไปเรียบร้อยตั้งแต่ที่นิวยอร์คแล้ว)ก็เห็นดีเห้นงามด้วย และไฟเขียงเรียบร้อยค่ะ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
แต่สิ่งที่ทำเอาแพนจังแอบขนลุกไปเลยก็คือ แม่ฮีถามคำถามแรกหลังจากนั่งหัวเราะจนเหนื่อยทันทีที่รู้เรื่องว่า...จุ๊บกันยังอะลูก? (แม่เค้าถามลูกชายกันแบบนี้จริงง่ะ??????)
ฮีตอบไปซะด้วยว่า...เรียบร้อยแล้วกั๊บ พร้อมทั้งเล่าเรื่องวันนั้น...ให้แม่ฟัง แน่นอนว่า รวมทั้งที่ จขกท บอกฮีว่าชอบด้วย ฮืออออ คิดว่าอายมั้ย...จะเหลือเร้อออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
ยังค่ะ คำถามที่สองแรงกว่า...แล้ว...XXX กันไปยัง?
คำถามนี้ แม้แต่ฮีก็สะดุ้งค่ะ แล้วตอบได้แบบไม่ต้องคิดเลย ยังค้าบแม่!!!!! เพิ่งจะมาเป็นแฟนกันตอนอยู่คนละซีกโลก จะเอาเวลาตอนไหนมา XX กันล่ะคร้าบบบบ (และคงโดนแพนจังตบหัวหลุดแน่ บอกแม่ไปดิเธอ...)
อายมั้ย...
และตาฮีถามแม่บ้าง...งั้น ป๋มขอไปหาแพนจังที่เมืองไทยได้มั้ยฮับ
แม่ตอบทันทีแบบไม่ได้หยุดคิดเลยซํกนิด...อื้อ ไปสิลูก
ตอนที่ได้ยิน จขกท ก็อ้าปากค้างไปนิดนึง แบบว่า ห๊ะ แม่ไม่หวง ไม่ถงไม่ถามเลยเรอะ ว่าไปมะไหร่ นานแค่ไหน ไปอยู่ไหน อะไรยังไง ฮีบอกว่า ไม่มี๊ไม่มี แม่ก็แค่บอกว่า...ไปดิ เดือนมกราว่างพอดีไม่ใช่เหรอ
(อิจฉาลูกบ้านนี้ชะมัด!!)
เรื่องที่ฮาที่สุดแต่ จขกท ขำไม่ออกก็คือ วันนั้น ที่ฮีสารภาพกับแม่ คืนก่อนหน้า จขกท ทำงานแล้วผู้จัดการที่ร้านทำคอกเทลเลี้ยงพนักงาน เลยได้เมากันถ้วนหน้า ซึ่งระดับ จขกท แล้ว แน่นอนค่ะว่าแก้วเดียวก็น๊อคแล้ว กลับมาบ้านก็หัวทิ่มหมอนเลยโดยไม่ได้ล้างหน้าและอาบน้ำแต่อย่างใด ทำให้ทุกคนคงเดาได้ว่าเช้าขึ้นมา สภาพเครื่องสำอางค์เลอะ มาสคาร่าและอายไลเนอร์ย้อยลงมายันโหนกแก้ม กับผมทรงทาร์ซาน มันจะน่าเร้าใจขนาดไหน (โปรดเปิดหนังชัตเตอร์ เพื่ออรรถรสในการจินตนาการภาพประกอบ)
ไม่รู้ว่าอารมณ์ไหน ปกติฮีก็คุยกะ จขกท แค่ในห้องนอน วันนี้ดันเกิดอยากจะคุยในห้องกินข้าวขึ้นมาซะอย่างนั้น ที่สำคัญก็คือ...พอคอนเน็คเรียบร้อยปุ๊บ ก็หันหน้าจอไปหาแม่และพี่สาวทันทีโดยไม่ปรึกษาซ้ากกกกคำ แล้วบอกว่า เซย์ไฮเร้ววววว
เสียงหัวเราะก๊ากดังมาจากปลายสาย...พร้อมกับที่ จขกท มุดหัวลงไปใต้หมอนทันทีพร้อมทั้งควานหาแว่นตามาใส่เพื่อพยายามอำพรางรอยมารทั้งหลาย แว่วๆได้ยินเสียงแม่ฮีหัวเราะก๊ากพร้อมทั้งถามว่า เธอเป้นใครอ้ะ!?!?!
ขอโทษค่ะคุณแม่ หนูให้คุณแม่เห็นแต่ตอนสวยๆ(ก็สวยกว่าตอนนี้ล่ะน่า) หนูไม่ได้ทำคุณแม่ตกใจใช่ไหมก๊ะ ฮือๆ
เหมือนฮีจะเพิ่งสำเหนียกได้ว่าแพนจังอยู่ในสภาพไหน ก็เลยเอามือถือเดินกลับเข้าห้อง แล้วขอตัวไปกินข้าวต่ออีกนิดหน่อย...ยังคงแว่วได้ยินเสียงหัวเราะก๊ากดังมาเป็นระยะๆ...เอวัง
...ว่าแต่ เห็นแล้วใช่ไหมคะ ร่างที่แท้จริงของแพนจัง ฮือๆๆ
โอ่ย...อาการไข้เริ่มกลับมาเยี่ยมเยือนอีกแล้ว จขกท ขอตัวไปกินยานอนก่อนนะก๊ะ หวังว่าทู้นี้คงทำให้หลายๆคนกระจ่างกับความจริงในส่วนของอีตานั่นขึ้นมาบ้างเนาะ ^^
อีกเดือนเดียวก็จะเจอกันแล้ววววววววววว แล้วจะมาเล่าให้ฟังนะคะ ว่าระหว่างนิวยอร์ค ถึง โอซาก้า ระหว่างนั้นจะตบตีกันอีกแค่ไหนกว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้ง
ดูแลสุขภาพ สวัสดีทุกคนค่า
เต้นออกฉากไหวแล้ว เต้นออกไปแบบเนียนๆอีกครั้ง อิอิอิ
เรื่องเล่าจากสาวเอ๋อ :: คำสารภาพของ Snoopy Boy
เข้าเรื่องเลยก็แล้วกันเนาะ หุหุหุ
คือว่าเมื่อวันก่อน จขกท ได้วันหยุดพอดี ไม่ต้องทำอะไรเลย ทั้งเรียน ทั้งงาน ก็เลยมีเวลาว่างมานั่งคุยกับอีตาสนูปี้บอยเยอะขึ้นค่ะ ก็เลยถามข้อข้องใจหลายๆข้อที่สงสัยมานาน แต่ไมไ่ด้ถาม ไม่ก็ถามแล้วแต่ไม่ได้คำตอบ เพราะตอนนั้นภาษาอังกฤษของฮียังอยู่ในระดับที่สื่อสารไม่ค่อยเข้าใจซักเท่าไหร่ หลังจากฝึกทุกวันมาเป้นเวลาเดือนครึ่ง ตอนนี้ฮีสามารถตอบข้อสงสัยของ จขกท ได้เกือบหมดแล้วนะคะ ดังนั้นใครที่กำลังกังวลเรื่องการฝึกภาษาอังกฤษอยู่ก็อย่าท้อนะคะ พยายามใช้ทุกวัน จขกท คอนเฟิร์มว่าดีขึ้นแน่นอนฮ่า ^_^
หลังจากคุยสัพเพเหระกันมาสักพัก จขกท ก็เลยถามออกไปในที่สุดว่า เธอชอบเราตั้งแต่ตอนไหนอ้ะ
ชะรอยคงเป็นคำถามที่ตอบยาก ไม่ก็เรียบเรียงยากเป้นแน่แท้ เพราะฮีเงียบไปพักนึง พร้อมทำเสียงงึมมัมในคอเหมือนพยายามจะสรรหาศัพท์ออกมาอธิบายให้ได้ ก่อนจะบอกว่า ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันนั่นแหละ (กรี๊ดดดดดดดดดดดดด) แต่ จขกท ก็ยังไม่วายสงสัยค่ะ เพราะเพื่อนที่เป้นพาร์ทเนอร์ของฮีเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนที่ จขกท มาถึงได้สักพัก ช่วงแรกๆที่เจอกัน ฮีก็พูดถึง จขกท ให้พาร์ทเนอร์ฟัง เพื่อนก็เลยถามว่า ชอบแพนจังเหรอ ซึ่งฮีก็ตอบทันทีเลยว่า เปล่าซะหน่อย
เจอคำถามนี้เข้าไป สนูปี้บอยก็เลยเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะตอบเสียงอ้อมแอ้มว่า "ก็ตอนนั้นเธอชอบแกล้งเราอะ เราก็เลยไม่กล้าชอบ กลัวโดนต่อย"
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ชั้นขอโต้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
แน่นอน ว่าคำถามถัดไปที่ยิงออกมาก็คือ...แล้วทำไมถึงชอบเราอะ
ฮีก็บอกว่า "เธอตอนนั้นเธอน่ารัก (เอาไปร้อยคะแนนบวกบวกเลยดาร์ลิ้งงงง) และเธอก็ตลกดี (ควรภูมิใจปะ) เราก็เลยชอบ"
ไม่พอใจค่ะ ยังไม่พอ จขกท ก็เลยถามต่ออีกว่า...แล้วตอนนั้น ที่ไปบ้านไมโกะซํง (ครูที่โรงเรียน) ที่ปาร์ตี้วันนั้น เราเดินออกไปซื้อของ ทำไมเธอจับมือเราล่ะ
คราวนี้ฮีม้วนลงไปใต้โต๊ะก่อนสามรอบ แล้วก็ค่อยๆโผล่ขึ้นมา บอกอ้อมแอ้ม "ก็วันนั้นเธอเมา แล้วเธอก็หนาว มือเย็นเจี๊ยบเลย เราก็เมา เธอเดินมาด้วยกันแบบนี้ เธอก็รู้ว่าเราชอบเธอมาตั้งแต่แรกแล้ว เราก็เลยอดไมไ่ด้จริงๆ แล้วเราก็มั่นใจด้วยว่าเธอเมา เธอต่อยเราไม่ทันหรอก เราหลบได้ก่อน (เอ่อ....) แต่ว่า...วันนั้น ตอนเธอกลับบ้าน มีคนมาบอกว่า แฟนเธอรอกลับบ้านด้วยกันอยู่ เธอก็เลยต้องรีบกลับ เราก็เลยช๊อค เพราะทุกคนพูดเหมือนกันหมดเลยว่าเธอมีแฟนแล้ว"
...คือ...เมื่อวันนั้น เพื่อนสาวที่ร้านไทยที่ จขกท เคยทำเค้าจะขอไปค้างด้วยที่บ้านน่ะค่ะ และเมื่อนางเลิกงานตีสอง จขกท ก็เลยบอกว่างั้นจะไปปาร์ตี้ก่อน เลิกงานแล้วโทรมาละกัน ปรากฏว่านางเล่นโทรมาตอนเกือบตีสาม และเกือบจะถึงสถานีบ้าน จขกท อยู่แล้ว ก็เลยต้องผลุนผลันกลับแบบไม่มีที่มาที่ไป เล่นเอาทุกคนงงกันไปหมด และด้วยเหตุผลที่ว่า ต้องกลับแล้วล่ะ เพื่อนรออยู่ที่สถานี วันนี้เพื่อนไปค้างที่บ้าน แค่นั้นจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะโดนเข้าใจผิดไปเรียบโร้ยยยยยย
และแน่นอน จขกท ยิงคำถามต่อไปราวกับกำลังซักผู้ต้องหาทันที...แล้วมารู้ตอนไหนว่าเราไม่มีแฟน
ฮีตอบอ่อมแอ้มว่า "สองวันก่อนเรากลับ คาโยโกะจังบอกว่า แพนจังไม่มีแฟน แต่เราไม่กล้าบอกเธอตอนนั้นจริงๆ เพราะเรากลัวเธอบอกว่าเธอไม่ชอบเรา...รู้มั้ย ตอนนี้เราอยากได้ไทม์แมชชีนมากเลย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เราจะรีบบอกเธอตั้งแต่ตอนแรกแล้วล่ะ" (โอยยยยยย เลือดกำเดาไหลหมดตัว)
ยิงคำถามต่ออีกทันทีค่ะ...แล้วทำไมสุดท้ายก็บอกล่ะ
คุณชายนั่งเอาคางพาดแขนคิดอยู่สักพัก ก็ตอบออกมาเบาๆ "เพราะเราชอบเธอมากเกินไปแล้วน่ะสิ มากๆจริงๆ แล้วก่อนเรากลับ เธอก็บอกเราว่าเธอชอบเราเหมือนกัน เราก็เลยคิดว่า เราน่าจะบอกเธอเหมือนกัน ขอโทษนะ เราน่าจะบอกเธอตั้งแต่ก่อนกลับ ไม่อย่างนั้นเราคงมีโอกาสได้คุยกันแบบตัวเป็นๆในฐานะแฟน ได้แตะตัวเธอจริงๆ ไม่ใช่แค่ผ่านโทรศัพท์แบบนี้" (อย่านะ เดี๋ยวร้องไห้ อย่ามาทำซึ้ง อีตาแห้ง!!!!)
คราวนี้เริ่มเปลี่ยนประเด็นถามบ้าง...แล้วถ้าเจอกันครั้งนี้ เธอจะทำยังไงบ้างอะ
คราวนี้ฮีนิ่งไปเลยค่ะ พักนึงเลยจน จขกท ต้องถามซ้ำ "ก็...ขอกอดได้มั้ย แล้วก็...Kiss" เจอคำตอบนี้เข้าไป เล่นเอาแพนจังเงิบไปเหมือนกันเจ้าค่ะ แต่ก็ยังต้องอธิบายให้ฮีเข้าใจด้วย ว่าที่ญี่ปุ่นอาจจะทำได้นะ แต่ที่เมืองไทยมันไม่ใช่แบบนั้น ยิ่งต่อหน้าแม่เราด้วย แม่เราฆ่าเธอตายแหงๆ ซึ่งฮีคิดอีกนิด แล้วถามด้วยเสียงเกรงใจมากๆว่า..."งั้น เราKiss แม่เธอแทนได้มั้ย"
จบข่าว อีตาบ้า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
(ประเด็นนี้เล่าให้ท่านแม่ฟัง แม่บอกว่า...เออ กล้าก็มาเดะ...เอิ๊กกกก พอกัน)
ข่าวดีก็คือ ตอนนี้ฮีสารภาพกับที่บ้านอย่างเป็นทางการแล้วว่า แพนจังได้มาพรากความโสดของฮีที่เก็บรักษาไว้มาเกือบ25ปีไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทั้งแม่และพี่สาว(ซึ่งแพนจังสารภาพกับพี่สาวไปเรียบร้อยตั้งแต่ที่นิวยอร์คแล้ว)ก็เห็นดีเห้นงามด้วย และไฟเขียงเรียบร้อยค่ะ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
แต่สิ่งที่ทำเอาแพนจังแอบขนลุกไปเลยก็คือ แม่ฮีถามคำถามแรกหลังจากนั่งหัวเราะจนเหนื่อยทันทีที่รู้เรื่องว่า...จุ๊บกันยังอะลูก? (แม่เค้าถามลูกชายกันแบบนี้จริงง่ะ??????)
ฮีตอบไปซะด้วยว่า...เรียบร้อยแล้วกั๊บ พร้อมทั้งเล่าเรื่องวันนั้น...ให้แม่ฟัง แน่นอนว่า รวมทั้งที่ จขกท บอกฮีว่าชอบด้วย ฮืออออ คิดว่าอายมั้ย...จะเหลือเร้อออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
ยังค่ะ คำถามที่สองแรงกว่า...แล้ว...XXX กันไปยัง?
คำถามนี้ แม้แต่ฮีก็สะดุ้งค่ะ แล้วตอบได้แบบไม่ต้องคิดเลย ยังค้าบแม่!!!!! เพิ่งจะมาเป็นแฟนกันตอนอยู่คนละซีกโลก จะเอาเวลาตอนไหนมา XX กันล่ะคร้าบบบบ (และคงโดนแพนจังตบหัวหลุดแน่ บอกแม่ไปดิเธอ...)
อายมั้ย...
และตาฮีถามแม่บ้าง...งั้น ป๋มขอไปหาแพนจังที่เมืองไทยได้มั้ยฮับ
แม่ตอบทันทีแบบไม่ได้หยุดคิดเลยซํกนิด...อื้อ ไปสิลูก
ตอนที่ได้ยิน จขกท ก็อ้าปากค้างไปนิดนึง แบบว่า ห๊ะ แม่ไม่หวง ไม่ถงไม่ถามเลยเรอะ ว่าไปมะไหร่ นานแค่ไหน ไปอยู่ไหน อะไรยังไง ฮีบอกว่า ไม่มี๊ไม่มี แม่ก็แค่บอกว่า...ไปดิ เดือนมกราว่างพอดีไม่ใช่เหรอ
(อิจฉาลูกบ้านนี้ชะมัด!!)
เรื่องที่ฮาที่สุดแต่ จขกท ขำไม่ออกก็คือ วันนั้น ที่ฮีสารภาพกับแม่ คืนก่อนหน้า จขกท ทำงานแล้วผู้จัดการที่ร้านทำคอกเทลเลี้ยงพนักงาน เลยได้เมากันถ้วนหน้า ซึ่งระดับ จขกท แล้ว แน่นอนค่ะว่าแก้วเดียวก็น๊อคแล้ว กลับมาบ้านก็หัวทิ่มหมอนเลยโดยไม่ได้ล้างหน้าและอาบน้ำแต่อย่างใด ทำให้ทุกคนคงเดาได้ว่าเช้าขึ้นมา สภาพเครื่องสำอางค์เลอะ มาสคาร่าและอายไลเนอร์ย้อยลงมายันโหนกแก้ม กับผมทรงทาร์ซาน มันจะน่าเร้าใจขนาดไหน (โปรดเปิดหนังชัตเตอร์ เพื่ออรรถรสในการจินตนาการภาพประกอบ)
ไม่รู้ว่าอารมณ์ไหน ปกติฮีก็คุยกะ จขกท แค่ในห้องนอน วันนี้ดันเกิดอยากจะคุยในห้องกินข้าวขึ้นมาซะอย่างนั้น ที่สำคัญก็คือ...พอคอนเน็คเรียบร้อยปุ๊บ ก็หันหน้าจอไปหาแม่และพี่สาวทันทีโดยไม่ปรึกษาซ้ากกกกคำ แล้วบอกว่า เซย์ไฮเร้ววววว
เสียงหัวเราะก๊ากดังมาจากปลายสาย...พร้อมกับที่ จขกท มุดหัวลงไปใต้หมอนทันทีพร้อมทั้งควานหาแว่นตามาใส่เพื่อพยายามอำพรางรอยมารทั้งหลาย แว่วๆได้ยินเสียงแม่ฮีหัวเราะก๊ากพร้อมทั้งถามว่า เธอเป้นใครอ้ะ!?!?!
ขอโทษค่ะคุณแม่ หนูให้คุณแม่เห็นแต่ตอนสวยๆ(ก็สวยกว่าตอนนี้ล่ะน่า) หนูไม่ได้ทำคุณแม่ตกใจใช่ไหมก๊ะ ฮือๆ
เหมือนฮีจะเพิ่งสำเหนียกได้ว่าแพนจังอยู่ในสภาพไหน ก็เลยเอามือถือเดินกลับเข้าห้อง แล้วขอตัวไปกินข้าวต่ออีกนิดหน่อย...ยังคงแว่วได้ยินเสียงหัวเราะก๊ากดังมาเป็นระยะๆ...เอวัง
...ว่าแต่ เห็นแล้วใช่ไหมคะ ร่างที่แท้จริงของแพนจัง ฮือๆๆ
โอ่ย...อาการไข้เริ่มกลับมาเยี่ยมเยือนอีกแล้ว จขกท ขอตัวไปกินยานอนก่อนนะก๊ะ หวังว่าทู้นี้คงทำให้หลายๆคนกระจ่างกับความจริงในส่วนของอีตานั่นขึ้นมาบ้างเนาะ ^^
อีกเดือนเดียวก็จะเจอกันแล้ววววววววววว แล้วจะมาเล่าให้ฟังนะคะ ว่าระหว่างนิวยอร์ค ถึง โอซาก้า ระหว่างนั้นจะตบตีกันอีกแค่ไหนกว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้ง
ดูแลสุขภาพ สวัสดีทุกคนค่า
เต้นออกฉากไหวแล้ว เต้นออกไปแบบเนียนๆอีกครั้ง อิอิอิ