(คิม ยองมิน คือ CEO ของ SM)

"ปีนี้เราคาดว่ารายได้จากคอนเสิร์ตและอีเว้นท์ในจีนจะเพิ่มขึ้นราว ๕๐ เปอร์เซ็นต์ เราจะเอาเอ็กโซเป็นพระเอกสำหรับการเพิ่มคอนเสิร์ตและกิจกรรมต่างๆในจีนตามด้วย ศิลปินอย่างเอฟเอ็กซ์ โบอา และคังตา"
"ปีนี้เรามีแผนจะเบนเข็มจากตลาดญี่ปุ่นเป็นจีน"
ด้วยยอดขายของเอ็กโซที่ทะลุล้าน เอสเอ็มมองเป็นสัญญาณบวกถึงการตลาดของบริษัท "อัลบั้มเดียวขายได้เกินล้าน นี่แสดงว่าเราอยู่ในฐานะที่รักษากระแสเคป็อปในตลาดได้ ถ้าเราประสบความสำเร็จขนาดนี้กับตลาดในประเทศ เราน่าจะประสบความสำเร็จในตลาดต่างประเทศได้เช่นกัน
นี่หมายความว่าเราจะมีอัลบั้มที่ขายได้ถึงล้านอีกในเร็วๆนี้ กรณีของเอ็กโซ ๔ แสน ใน ๑ ล้าน แผ่น เป็นยอดขายจากเวอร์ชั่นภาษาจีน นี่การันตีได้ถึงความนิยมของเอ็กโซในจีน"
จากการสำรวจของเขา ในกลุ่มแฟนเคป็อปชาวจีนบนช่องทางอินเตอร์เน็ท ประมาณ ๓๐ ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นแฟนของเอ็กโซ เขากล่าวว่าความนิยมไม่ได้มาจากการแสดงและความสามารถเท่านั้น แต่เพราะสมาชิก ๔ คนเป็นชาวจีน นี่เป็นอีกเหตุผลให้ชาวจีนชอบวงนี้
"ที่ผ่านมาตลาดจีนถูกมองว่าให้ผลตอบแทนไม่สูงนัก แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว เงินที่เขาใช้กับโฆษณา ภาพยนตร์ และละคร เพิ่มขึ้นจนสูงกว่าเกาหลี ๒-๓ เท่า
ประเทศก็พัฒนาอย่างรวดเร็ว เรามองว่าจีนเป็นประเทศที่พัฒนาทางเศรษฐกิจสูงที่สุด เราจึงวางแผนจะเน้นโปรโมทในจีน แน่นอนว่าเราจะยังโปรโมทในยุโรป สหรัฐ และเอเชียอาคเนย์ ตามแนวนโยบายของเราต่อไป"
"ยอดขายอัลบั้มในตลาดญี่ปุ่นลดลงเรื่อยๆเช่นเดียวกับในหลายๆประเทศ ความนิยมในเคป็อปค่อยๆลดลง อย่างไรก็ดี การแสดงของศิลปินอย่างทงบังชินกิดีขึ้น ผิดกับยอดขายซีดีและดีวีดี ยอดขายตั๋วคอนเสิร์ตเพิ่มขึ้นมาก ทัวร์คอนเสิร์ตของทงบังเรียกคนดูได้ราว ๘ แสน ๕ หมื่น คน แม้แต่ศิลปินท็อปๆของญี่ปุ่นบางคนยังทำไม่ได้ง่ายๆ"
http://omonatheydidnt.livejournal.com/12620255.html#comments#comments#ixzz2sIk4kSMP

* ลือกันว่า อี ซูมาน กลับมากุมบังเหียนเอสเอ็มแล้ว หลังจากลดบทบาทตัวเองไปเฝ้าสวนองุ่นอยู่พักใหญ่