.
.
Léo Ferré - L'affiche rouge
- L'armée du crime
.
.
ภาพการสังหารหมู่ชาวฝรั่งเศส
ที่เก็บเงียบมานานกว่า 70 ปี
เพิ่งจะมีการเปิดเผยและเผยแพร่เมื่อเร็ว ๆ นี้
ในภาพเป็นการยิงเป้าแนวร่วม
และผู้ต่อต้านชาวฝรั่งเศส
โดยเพชฌฆาตกองทัพนาซีเยอรมันนี
ที่ Mont Valérien ป้อมปราการ
ชานเมืองด้านตะวันตกของกรุงปารีส
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ช่วงคริสตศตวรรษที่ 20 (1901-2000)
จำนวนผู้ถูกสังหารในครั้งนั้นราว 1,000 คน
นับเป็นจำนวนมากที่สุดในฝรั่งเศสยุคนั้น
กองทัพนาซีเยอรมันได้จับกุม
ผู้ต่อต้านและแนวร่วมจำนวนมาก
ที่ส่วนมากเป็นชาวยิว
และผู้นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์
ด้วยข้อหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ
การลอบโจมตีสังหารทหารเยอรมันนี
ทุกคนถูกตัดสินประหารชีวิต
โดยตุลาการศาลทหารเยอรมันนี
นักโทษทุกคนจะขึ้นรถยนต์บรรทุกทหาร
มายังป้อมปราการด้านตะวันตกนอกเมืองปารีส
ภายในที่คุมขัง บางคนได้ขีดเขียนข้อความ
ระบุชื่อนามสกุลและวันตาย และบางรายเขียน
Vive la France ฝรั่งเศสจงเจริญ
หรือ ต้องมีเอกราช ลงบนฝาผนังเรือนจำ
.
.
.
ผู้ต่อต้านชาวฝรั่งเศสถูกยิงเป้าหมู่
โดยทหารนาซีที่ชานเมืองกรุงปารีส
ในกุมภาพันธ์ 1941
เพิ่งจะเผยแพร่ต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก
@
http://goo.gl/kBQl8b
.
.
" พวกมันพานักโทษมาที่นี่
เพื่อฆ่าได้อย่างเงียบ ๆ และอย่างเลือดเย็น
ไม่ต้องกังวลกับการรบเพื่อแย่งชิงนักโทษ "
Chloe Théault เจ้าหน้าที่ทหารผ่านศึก
ทำงานที่ Mont Valérien บอกกับผู้สื่อข่าว
นักโทษหญิงจะถูกนำตัวไปยังประเทศเยอรมัน
เพื่อประหารชีวิตด้วยการตัดคอ
(บางแหล่งข่าวระบุว่าแขวนคอ)
ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ชาวบ้านทราบเรื่อง
แล้วเกิดความโกรธแค้นกับกองทัพนาซีเยอรมัน
ส่วนนักโทษชายจะถูกผ้ามัดปิดตา
บางรายจะถูกมัดกับหลักประหารไม้
แต่บางรายจะยืนพิงหลักประหารไม้ด้วยตนเอง
หลักไม้ประหารชีวิตมีอยู่จำนวนทั้งสิ้น 5 หลัก
ส่วนด้านหลังเป็นเนินเขาโล่ง
ทหารที่ทำหน้าที่เป็นเพชฌฆาตมีจำนวน 60 คน
แบ่งกลุ่มกันทำหน้าที่ยิงเป้านักโทษ
เพราะคนที่ถูกประหารมีมาก
ทหารที่ยิงเป้าไม่รู้ตัวว่า
ยิงเป้าคนด้วยกระสุนจริงหรือไม่
เพราะมีปืนหนึ่งกระบอกที่ใส่กระสุนปลอม
(เพื่อลดความเคียด/วิตกจริตในการฆ่าคน
ได้แต่ปลอบใจตนเองว่า ยิงกระสุนปลอม
แต่คนเล่นปืนจะรู้แก่ใจว่า ยิงจริง/ยิงทิพย์)
.
.
.
หลักไม้ประหารชีวิต มีรอยกระสุน
.
.
.
โลงศพที่ใส่นักโทษประหารชีวิต
ก่อนพาไปฝังแบบไร้โลงศพ/ไร้ญาติ
.
.
.
โบสถ์คริสต์เก่าที่แปลงสภาพเป็น
ที่เก็บหลักไม้ประหารชีวิต กับ โลงศพ
.
.
.
อนุสรณ์สถาน Mont Valérien
.
.
.
อนุสรณ์สถาน Mont Valérien
(สังเกตเนินดินด้านหลังคล้าย ๆ กับภาพแรก)
ที่มา
http://goo.gl/FgCEsV
.
.
.
เพราะคนที่ถูกประหารชีวิตมีจำนวนมาก
จึงมีคำสั่งห้ามถ่ายภาพโดยเด็ดขาด
เพราะกองทัพนาซีเยอรมันกลัวว่า
ถ้าหากมีภาพหลุดออกไป
อาจจะมีการนำไปขยายผล
โฆษณาชวนเชื่อต่อต้านกองทัพนาซีเยอรมัน
แต่ Clemens Rüter ทหารชั้นประทวน
ได้ขับรถจักรยานยนต์คุ้มกัน
ไปแอบซ่อนตัวที่หลังพุ่มไม้
แล้วถ่ายภาพได้จำนวน 3 ภาพ
ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 1941
ด้วยกล้องMinox (กล้องสายลับ)
.
.
.
.
.
กล้องฟิล์ม Minox
มีชื่อเสียงมากเรื่องกล้องจารชน
ยังมีสายการผลิตอยู่แวะชมได้ที่
http://www.minox.com
.
.
.
Clemens Rüter ทหารรายนี้
นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค
ไม่เคยเอ่ยปากเล่าเรื่องนี้กับใคร
และปล่อยให้ฟิล์มคงค้างอยู่
ในกล้องถ่ายรูปเป็นเวลากว่า 40 ปี
แต่ในช่วงก่อนที่ใกล้ตาย
ตอนเดินทางไปแสวงบุณย์ที่กรุงโรม
(นครรัฐวาติกัน ที่มีพระสันตปาปา
เป็นประมุขรัฐทางโลกในนครรัฐแห่งนี้
ประมุขทางธรรมสำหรับ
ชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค)
ท่านจึงได้เล่าเรื่องนี้กับเพื่อน
ที่ร่วมเดินทางที่ไปแสวงบุณย์ด้วยกัน
และได้เข้าพักร่วมกันในห้องพักเดียวกัน
ถึงเรื่องความลับดำมืดที่ปกปิดมานาน
.
.
.
ทหารนาซีเยอรมันนีนั่งด้านนอก
ร้านกาแฟในกรุงปารีส์ ที่ Champs Elysees
ในวันบุกคุกบาสตีล์ Bastille Day
หรือวันชาติฝรั่งเศส 14 กรกฎาคมในปี 1940
ฝรั่งเศสถูกปกครองโดยกองทัพนาซีเยอรมันนี
เมื่อตอนต้นปีและได้รับเอกราชในปี 1944
ที่มา
http://goo.gl/kBQl8b
.
.
.
" เขารู้สึกสำนีกผิดและเขาละอายใจ
เพราะเขาต่อต้านการประหารชีวิตนักโทษ
เขาพูดอย่างเปิดอกกับสหายของเขา "
Jean-Louis Macron อดีตอนุศาสนาจารย์
ที่ป้อมปราการ Mont Valérien กล่าวเรื่องนี้
.
.
.
.
.
เรื่องมันบังเอิญอย่างยิ่ง
ที่สหายร่วมห้องพักของ Clemens Rüter
ทำงานให้กับสมาคม Franz Stock
(บาทหลวงชาวเยอรมันนี
ทำหน้าที่เจ้าอาวาสในฝรั่งเศส
ได้ทำพิธีศีลล้างบาปให้กับ
นักโทษ 863 คนใน Mont Valérien
ตามบันทึกย่อส่วนตัวของท่าน
ที่ค้นพบในภายหลัง บันทึกไว้ว่า
ท่านทำหน้าที่พิธีศีลล้างบาปได้
น่าจะเพียง 1/ 4 ของคน
ที่ถูกประหารชีวิตในครั้งนั้น
ท่านระบุว่าน่าจะมากกว่า 2,000 คน
แต่ในอนุสรณ์สถาน Mont Valérien
ระบุว่ามากกว่า 4,500 คน)
สรุปย่อ/ที่มา
https://bit.ly/2wIhsQi
.
.
.
.
Franz Stock - a video portrait
.
.
.
สหาย Clemens Rüter มักจะเดินทาง
ไปที่ Mont Valérien เสมอ ๆ
รู้จักกันในชื่อว่า Hell's chaplain (ป้อมนรก)
เพื่อสวดมนตร์วิงวอนขอให้พระผู้เป็นเจ้า
ได้โปรดยกโทษและไถ่โทษบาปวาระสุดท้าย
ให้กับบรรดานักโทษที่ถูกประหารชีวิต
รวมทั้งทหารนาซีเยอรมัน
ที่ร่วมกระทำการฆ่าในครั้งนั้นด้วย
ทำให้ท่านเป็นสมาชิกคนหนึ่งของสมาคม
ที่เป็นสัญลักษณ์ของความสมานฉันท์
ระหว่างชาวฝรั่งเศสกับชาวเยอรมันนี
(Symbol of Franco-German reconciliation)
สมาคมแห่งนี้ไม่เปิดเผยตัวตนมาหลายปีแล้ว
และมักจะดำเนินกิจกรรมที่ไม่เห็นด้วย
กับการกระทำของกองทัพนาซีเยอรมัน
ในการสังหารหมู่ชาวฝรั่งเศส
จำนวนมากที่ Mont Valérien
เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ลึกลับ
และไม่มีประจักษ์พยานหลักฐานที่ชัดเจน
จนทำให้นักประวัติศาสตร์รายหนึ่ง
ถึงกลับกล้าระบุออกมา/ฟันธงเลยว่า
เรื่องนี้เป็นเรื่องโกหกหลอกลวง
เป็นเรื่องเล่าแต่งเสริมเติมแต่งขึ้นมา
แต่เมื่อพบกับหลักฐานชิ้นสำคัญ
ที่ได้มาจากบาทหลวง Franz Stock
จึงมีการรื้อฟื้นประวัติศาสตร์
และทำอนุสรณ์สถานที่ Mont Valérien
.
.
.
บันทึกย่อของบาทหลวง Franz Stock
.
.
.
ประวัติย่อ Missak Manouchian
.
.
.
Serge Klarsfield ชาวฝรั่งเศส
ที่มีชื่อเสียงมากในการตามล่า
พวกอาชญากรสงครามนาซีเยอรมัน
เพราะคดีอาชญากรสงครามไม่มีอายุความ
จนกว่าผู้ต้องหาตาย/มีหลักฐานยืนยันว่าตาย
จึงจะจำหน่ายคดีออกจากสารบบการติดตาม
Serge Klarsfield เกิดความสนใจ
กับภาพถ่ายชุดนี้มากจึงนำไปตรวจสอบ
และเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
ท่านได้สรุปผลการตรวจสอบและระบุว่า
คนที่ถูกประหารในรูปเป็นสมาชิกเครือข่าย
กองกำลังติดอาวุธของ Missak Manouchian
ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในฐานะนักรบกองโจร
มีทั้งกวีและกรรมกรในโรงงาน
ที่เก่งกล้าในการทำการสู้รบแบบกองโจร
มีการบริหารจัดการภายในองค์กรใต้ดิน
ในการต่อต้านกองทัพนาซีเยอรมันในกรุงปารีส
ทุกคนต่างทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมมาก
.
.
.
Serge Klarsfield ชาวฝรั่งเศส
นักล่าอาชญากรสงครามพลพรรคนาซีเยอรมัน
ระบุว่า ผู้ที่ถูกประหารชีวิตในภาพ
เป็นสมาชิกกองกำลังติดอาวุธเครือข่าย
ผู้ต่อต้านกองทัพนาซีเยอรมัน
มีแกนนำคือ Missak Manouchian
ที่มา
http://goo.gl/kBQl8b
.
.
.
กองกำลังติดอาวุธ Missak Manouchian
ฝ่ายต่อต้านนิยมลัทธิคอมมิวนิสต์ FTP-MOI
(Les Francs-tireurs et partisans
- Main d'œuvre immigrée)
กองทัพนาซีเยอรมันตั้งฉายากลุ่มนี้ว่า
The Army of Crime กองทัพพวกอาชญากร
เรื่องราวของ Missak Manouchian
และสหายร่วมรบในการต่อต้านนาซีเยอรมัน
ได้มีการจัดสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่องยาว
โดยมีภาพโฆษณาภาพยนต์เรื่องนี้เป็น
ภาพชื่ิอนามสกุลผู้ต้องหารูปขาวดำ
บนพื้นกระดาษหมายจับสีแดง
หรือที่เรียกกันว่า Affiche Rouge
ที่เคยปิดไปทั่วประเทศฝรั่งเศส
ตามคำโฆษณาชวนเชื่อของนาซีเยอรมันว่า
กลุ่มก่อการร้ายนี้อยู่ภายใต้ร่มเงา
พวกคนต่างชาติ/พวกอาชญากร
.
.
มีจดหมายจำนวน 19 ฉบับ
ของ Missak Manouchian
ที่จัดแสดงไว้ในสถานสุสานรำลึก
ได้กล่าวอำลากับภริยาด้วยถ้อยคำว่า
" Mélinée ที่รัก และลูกน้อยกำพร้าของพ่อ
ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้
พ่อคงไม่มีชีวิตอยู่ต่อไปบนโลกนี้แล้ว "
ในจดหมายมีถ้อยคำระบุอย่างชัดเจน
และขอร้องให้ภริยาแต่งงานใหม่ได้เลย
หลังจากที่ท่านตาย
ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 1943
ท่านยังระบุว่า ไม่ขออาฆาตแค้นผู้ใด
ยกเว้นแต่คนที่ปรักปรำใส่ร้าย
ท่านกับสหายร่วมรบอีก 23 คน
" ในช่วงเวลาก่อนที่ผมจะตาย
ผมขอยืนยันว่า
ผมไม่ได้โกรธเกลียดชาวเยอรมัน
หรือต่อต้านต่อทุกคนในทุก ๆ เรื่อง
ทุกคนต่างต้องได้รับผลกรรมของตนเอง
สงครามครั้งนี้คงไม่ยาวนานนัก "
ในประโยคสุดท้าย
.
.
.
.
.
70 ปีแล้วนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 1944
ที่นายพล Charles de Gaulle
ประกาศผ่านสถานีวิทยุ BBC ที่นครลอนดอน
เรียกร้องให้ชาวฝรั่งเศสทุกคนลุกขึ้นมา
จับอาวุธสู้กับกองทัพนาซีเยอรมันนี
(วัน D-Day วันยกพลขึ้นบก
ที่ชายหาดนอร์มังดี ฝรั่งเศส
ในวันที่ 6 มิถุนายน 2487
เป็นวันเริ่มต้นยุติสงครามโลกครั้งที่ 2
กองทัพพันธมิตรมีชัยชนะเหนือ
กองทัพฝ่ายอักษะ เยอรมันนี อิตาลี
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://bit.ly/2MAHHmJ
.
.
เรียบเรียง/ที่มา
http://goo.gl/x2J0Dg
http://goo.gl/kBQl8b
http://goo.gl/iVfRtQ
70 กว่าปีจึงได้เห็นภาพการประหารชีวิตหมู่ชาวฝรั่งเศส
.
.
Léo Ferré - L'affiche rouge
- L'armée du crime
.
ภาพการสังหารหมู่ชาวฝรั่งเศส
ที่เก็บเงียบมานานกว่า 70 ปี
เพิ่งจะมีการเปิดเผยและเผยแพร่เมื่อเร็ว ๆ นี้
ในภาพเป็นการยิงเป้าแนวร่วม
และผู้ต่อต้านชาวฝรั่งเศส
โดยเพชฌฆาตกองทัพนาซีเยอรมันนี
ที่ Mont Valérien ป้อมปราการ
ชานเมืองด้านตะวันตกของกรุงปารีส
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ช่วงคริสตศตวรรษที่ 20 (1901-2000)
จำนวนผู้ถูกสังหารในครั้งนั้นราว 1,000 คน
นับเป็นจำนวนมากที่สุดในฝรั่งเศสยุคนั้น
กองทัพนาซีเยอรมันได้จับกุม
ผู้ต่อต้านและแนวร่วมจำนวนมาก
ที่ส่วนมากเป็นชาวยิว
และผู้นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์
ด้วยข้อหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ
การลอบโจมตีสังหารทหารเยอรมันนี
ทุกคนถูกตัดสินประหารชีวิต
โดยตุลาการศาลทหารเยอรมันนี
นักโทษทุกคนจะขึ้นรถยนต์บรรทุกทหาร
มายังป้อมปราการด้านตะวันตกนอกเมืองปารีส
ภายในที่คุมขัง บางคนได้ขีดเขียนข้อความ
ระบุชื่อนามสกุลและวันตาย และบางรายเขียน
Vive la France ฝรั่งเศสจงเจริญ
หรือ ต้องมีเอกราช ลงบนฝาผนังเรือนจำ
.
.
ผู้ต่อต้านชาวฝรั่งเศสถูกยิงเป้าหมู่
โดยทหารนาซีที่ชานเมืองกรุงปารีส
ในกุมภาพันธ์ 1941
เพิ่งจะเผยแพร่ต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก
@ http://goo.gl/kBQl8b
.
" พวกมันพานักโทษมาที่นี่
เพื่อฆ่าได้อย่างเงียบ ๆ และอย่างเลือดเย็น
ไม่ต้องกังวลกับการรบเพื่อแย่งชิงนักโทษ "
Chloe Théault เจ้าหน้าที่ทหารผ่านศึก
ทำงานที่ Mont Valérien บอกกับผู้สื่อข่าว
นักโทษหญิงจะถูกนำตัวไปยังประเทศเยอรมัน
เพื่อประหารชีวิตด้วยการตัดคอ
(บางแหล่งข่าวระบุว่าแขวนคอ)
ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ชาวบ้านทราบเรื่อง
แล้วเกิดความโกรธแค้นกับกองทัพนาซีเยอรมัน
ส่วนนักโทษชายจะถูกผ้ามัดปิดตา
บางรายจะถูกมัดกับหลักประหารไม้
แต่บางรายจะยืนพิงหลักประหารไม้ด้วยตนเอง
หลักไม้ประหารชีวิตมีอยู่จำนวนทั้งสิ้น 5 หลัก
ส่วนด้านหลังเป็นเนินเขาโล่ง
ทหารที่ทำหน้าที่เป็นเพชฌฆาตมีจำนวน 60 คน
แบ่งกลุ่มกันทำหน้าที่ยิงเป้านักโทษ
เพราะคนที่ถูกประหารมีมาก
ทหารที่ยิงเป้าไม่รู้ตัวว่า
ยิงเป้าคนด้วยกระสุนจริงหรือไม่
เพราะมีปืนหนึ่งกระบอกที่ใส่กระสุนปลอม
(เพื่อลดความเคียด/วิตกจริตในการฆ่าคน
ได้แต่ปลอบใจตนเองว่า ยิงกระสุนปลอม
แต่คนเล่นปืนจะรู้แก่ใจว่า ยิงจริง/ยิงทิพย์)
.
.
หลักไม้ประหารชีวิต มีรอยกระสุน
.
.
.
โลงศพที่ใส่นักโทษประหารชีวิต
ก่อนพาไปฝังแบบไร้โลงศพ/ไร้ญาติ
.
.
.
โบสถ์คริสต์เก่าที่แปลงสภาพเป็น
ที่เก็บหลักไม้ประหารชีวิต กับ โลงศพ
.
.
.
อนุสรณ์สถาน Mont Valérien
.
.
.
อนุสรณ์สถาน Mont Valérien
(สังเกตเนินดินด้านหลังคล้าย ๆ กับภาพแรก)
ที่มา http://goo.gl/FgCEsV
.
.
เพราะคนที่ถูกประหารชีวิตมีจำนวนมาก
จึงมีคำสั่งห้ามถ่ายภาพโดยเด็ดขาด
เพราะกองทัพนาซีเยอรมันกลัวว่า
ถ้าหากมีภาพหลุดออกไป
อาจจะมีการนำไปขยายผล
โฆษณาชวนเชื่อต่อต้านกองทัพนาซีเยอรมัน
แต่ Clemens Rüter ทหารชั้นประทวน
ได้ขับรถจักรยานยนต์คุ้มกัน
ไปแอบซ่อนตัวที่หลังพุ่มไม้
แล้วถ่ายภาพได้จำนวน 3 ภาพ
ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 1941
ด้วยกล้องMinox (กล้องสายลับ)
.
.
.
.
กล้องฟิล์ม Minox
มีชื่อเสียงมากเรื่องกล้องจารชน
ยังมีสายการผลิตอยู่แวะชมได้ที่
http://www.minox.com
.
.
Clemens Rüter ทหารรายนี้
นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค
ไม่เคยเอ่ยปากเล่าเรื่องนี้กับใคร
และปล่อยให้ฟิล์มคงค้างอยู่
ในกล้องถ่ายรูปเป็นเวลากว่า 40 ปี
แต่ในช่วงก่อนที่ใกล้ตาย
ตอนเดินทางไปแสวงบุณย์ที่กรุงโรม
(นครรัฐวาติกัน ที่มีพระสันตปาปา
เป็นประมุขรัฐทางโลกในนครรัฐแห่งนี้
ประมุขทางธรรมสำหรับ
ชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค)
ท่านจึงได้เล่าเรื่องนี้กับเพื่อน
ที่ร่วมเดินทางที่ไปแสวงบุณย์ด้วยกัน
และได้เข้าพักร่วมกันในห้องพักเดียวกัน
ถึงเรื่องความลับดำมืดที่ปกปิดมานาน
.
.
ทหารนาซีเยอรมันนีนั่งด้านนอก
ร้านกาแฟในกรุงปารีส์ ที่ Champs Elysees
ในวันบุกคุกบาสตีล์ Bastille Day
หรือวันชาติฝรั่งเศส 14 กรกฎาคมในปี 1940
ฝรั่งเศสถูกปกครองโดยกองทัพนาซีเยอรมันนี
เมื่อตอนต้นปีและได้รับเอกราชในปี 1944
ที่มา http://goo.gl/kBQl8b
.
.
" เขารู้สึกสำนีกผิดและเขาละอายใจ
เพราะเขาต่อต้านการประหารชีวิตนักโทษ
เขาพูดอย่างเปิดอกกับสหายของเขา "
Jean-Louis Macron อดีตอนุศาสนาจารย์
ที่ป้อมปราการ Mont Valérien กล่าวเรื่องนี้
.
.
.
เรื่องมันบังเอิญอย่างยิ่ง
ที่สหายร่วมห้องพักของ Clemens Rüter
ทำงานให้กับสมาคม Franz Stock
(บาทหลวงชาวเยอรมันนี
ทำหน้าที่เจ้าอาวาสในฝรั่งเศส
ได้ทำพิธีศีลล้างบาปให้กับ
นักโทษ 863 คนใน Mont Valérien
ตามบันทึกย่อส่วนตัวของท่าน
ที่ค้นพบในภายหลัง บันทึกไว้ว่า
ท่านทำหน้าที่พิธีศีลล้างบาปได้
น่าจะเพียง 1/ 4 ของคน
ที่ถูกประหารชีวิตในครั้งนั้น
ท่านระบุว่าน่าจะมากกว่า 2,000 คน
แต่ในอนุสรณ์สถาน Mont Valérien
ระบุว่ามากกว่า 4,500 คน)
สรุปย่อ/ที่มา https://bit.ly/2wIhsQi
.
.
.
Franz Stock - a video portrait
.
.
สหาย Clemens Rüter มักจะเดินทาง
ไปที่ Mont Valérien เสมอ ๆ
รู้จักกันในชื่อว่า Hell's chaplain (ป้อมนรก)
เพื่อสวดมนตร์วิงวอนขอให้พระผู้เป็นเจ้า
ได้โปรดยกโทษและไถ่โทษบาปวาระสุดท้าย
ให้กับบรรดานักโทษที่ถูกประหารชีวิต
รวมทั้งทหารนาซีเยอรมัน
ที่ร่วมกระทำการฆ่าในครั้งนั้นด้วย
ทำให้ท่านเป็นสมาชิกคนหนึ่งของสมาคม
ที่เป็นสัญลักษณ์ของความสมานฉันท์
ระหว่างชาวฝรั่งเศสกับชาวเยอรมันนี
(Symbol of Franco-German reconciliation)
สมาคมแห่งนี้ไม่เปิดเผยตัวตนมาหลายปีแล้ว
และมักจะดำเนินกิจกรรมที่ไม่เห็นด้วย
กับการกระทำของกองทัพนาซีเยอรมัน
ในการสังหารหมู่ชาวฝรั่งเศส
จำนวนมากที่ Mont Valérien
เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ลึกลับ
และไม่มีประจักษ์พยานหลักฐานที่ชัดเจน
จนทำให้นักประวัติศาสตร์รายหนึ่ง
ถึงกลับกล้าระบุออกมา/ฟันธงเลยว่า
เรื่องนี้เป็นเรื่องโกหกหลอกลวง
เป็นเรื่องเล่าแต่งเสริมเติมแต่งขึ้นมา
แต่เมื่อพบกับหลักฐานชิ้นสำคัญ
ที่ได้มาจากบาทหลวง Franz Stock
จึงมีการรื้อฟื้นประวัติศาสตร์
และทำอนุสรณ์สถานที่ Mont Valérien
.
.
บันทึกย่อของบาทหลวง Franz Stock
.
.
.
ประวัติย่อ Missak Manouchian
.
.
Serge Klarsfield ชาวฝรั่งเศส
ที่มีชื่อเสียงมากในการตามล่า
พวกอาชญากรสงครามนาซีเยอรมัน
เพราะคดีอาชญากรสงครามไม่มีอายุความ
จนกว่าผู้ต้องหาตาย/มีหลักฐานยืนยันว่าตาย
จึงจะจำหน่ายคดีออกจากสารบบการติดตาม
Serge Klarsfield เกิดความสนใจ
กับภาพถ่ายชุดนี้มากจึงนำไปตรวจสอบ
และเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
ท่านได้สรุปผลการตรวจสอบและระบุว่า
คนที่ถูกประหารในรูปเป็นสมาชิกเครือข่าย
กองกำลังติดอาวุธของ Missak Manouchian
ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในฐานะนักรบกองโจร
มีทั้งกวีและกรรมกรในโรงงาน
ที่เก่งกล้าในการทำการสู้รบแบบกองโจร
มีการบริหารจัดการภายในองค์กรใต้ดิน
ในการต่อต้านกองทัพนาซีเยอรมันในกรุงปารีส
ทุกคนต่างทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมมาก
.
.
Serge Klarsfield ชาวฝรั่งเศส
นักล่าอาชญากรสงครามพลพรรคนาซีเยอรมัน
ระบุว่า ผู้ที่ถูกประหารชีวิตในภาพ
เป็นสมาชิกกองกำลังติดอาวุธเครือข่าย
ผู้ต่อต้านกองทัพนาซีเยอรมัน
มีแกนนำคือ Missak Manouchian
ที่มา http://goo.gl/kBQl8b
.
.
กองกำลังติดอาวุธ Missak Manouchian
ฝ่ายต่อต้านนิยมลัทธิคอมมิวนิสต์ FTP-MOI
(Les Francs-tireurs et partisans
- Main d'œuvre immigrée)
กองทัพนาซีเยอรมันตั้งฉายากลุ่มนี้ว่า
The Army of Crime กองทัพพวกอาชญากร
เรื่องราวของ Missak Manouchian
และสหายร่วมรบในการต่อต้านนาซีเยอรมัน
ได้มีการจัดสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่องยาว
โดยมีภาพโฆษณาภาพยนต์เรื่องนี้เป็น
ภาพชื่ิอนามสกุลผู้ต้องหารูปขาวดำ
บนพื้นกระดาษหมายจับสีแดง
หรือที่เรียกกันว่า Affiche Rouge
ที่เคยปิดไปทั่วประเทศฝรั่งเศส
ตามคำโฆษณาชวนเชื่อของนาซีเยอรมันว่า
กลุ่มก่อการร้ายนี้อยู่ภายใต้ร่มเงา
พวกคนต่างชาติ/พวกอาชญากร
.
.
ที่มา https://bit.ly/31gijpz
.
.
มีจดหมายจำนวน 19 ฉบับ
ของ Missak Manouchian
ที่จัดแสดงไว้ในสถานสุสานรำลึก
ได้กล่าวอำลากับภริยาด้วยถ้อยคำว่า
" Mélinée ที่รัก และลูกน้อยกำพร้าของพ่อ
ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้
พ่อคงไม่มีชีวิตอยู่ต่อไปบนโลกนี้แล้ว "
ในจดหมายมีถ้อยคำระบุอย่างชัดเจน
และขอร้องให้ภริยาแต่งงานใหม่ได้เลย
หลังจากที่ท่านตาย
ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 1943
ท่านยังระบุว่า ไม่ขออาฆาตแค้นผู้ใด
ยกเว้นแต่คนที่ปรักปรำใส่ร้าย
ท่านกับสหายร่วมรบอีก 23 คน
" ในช่วงเวลาก่อนที่ผมจะตาย
ผมขอยืนยันว่า
ผมไม่ได้โกรธเกลียดชาวเยอรมัน
หรือต่อต้านต่อทุกคนในทุก ๆ เรื่อง
ทุกคนต่างต้องได้รับผลกรรมของตนเอง
สงครามครั้งนี้คงไม่ยาวนานนัก "
ในประโยคสุดท้าย
.
.
.
70 ปีแล้วนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 1944
ที่นายพล Charles de Gaulle
ประกาศผ่านสถานีวิทยุ BBC ที่นครลอนดอน
เรียกร้องให้ชาวฝรั่งเศสทุกคนลุกขึ้นมา
จับอาวุธสู้กับกองทัพนาซีเยอรมันนี
(วัน D-Day วันยกพลขึ้นบก
ที่ชายหาดนอร์มังดี ฝรั่งเศส
ในวันที่ 6 มิถุนายน 2487
เป็นวันเริ่มต้นยุติสงครามโลกครั้งที่ 2
กองทัพพันธมิตรมีชัยชนะเหนือ
กองทัพฝ่ายอักษะ เยอรมันนี อิตาลี
ข้อมูลเพิ่มเติม https://bit.ly/2MAHHmJ
.
.
เรียบเรียง/ที่มา
http://goo.gl/x2J0Dg
http://goo.gl/kBQl8b
http://goo.gl/iVfRtQ