ไม่ว่าจะยังไงพวกเราโตขึ้นก็ล้วนแล้วหางานทำ บางที่ บางแห่งส่วนใหญ่ก็จะมีการให้สัมภาษณ์ในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประวัติส่วนตัว ประสบการณ์การทำงาน สาเหตุที่ออกจากงานหรือทำงานที่นี่ ซึ่งก็เป็นบททดสอบที่ถือว่าสำคัญมากในการที่จะได้งานที่เราต้องการ แต่ว่าจะประสบความสำเร็จได้อย่างไรล่ะ ลองมาดู 10 อันดับกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
10.หากเราไม่รู้คำถาม ก็ยอมรับซะว่าไม่รู้จริงๆ
ในระหว่างที่เราสัมภาษณ์งานแล้วจู่ก็เจอคำถามที่เราตอบไม่ได้ เราก็อย่าไปพยายามหาคำตอบหรือไปตอบแบบมั่วๆเป็นอันขาด ดีที่สุดก็คือก็ยอมรับซะว่าไม่รู้จริงๆ เพราะว่าคงไม่มีใครในโลกนี้หรอกที่จะรู้คำถามไปเสียทั้งหมด
9.เตรียมตัวสัมภาษณ์ให้ดีๆ
การเตรียมตัวถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลยเป็นอันขาด โดยเฉพาะในการสัมภาษณ์ ที่จะต้องพยายามหาข้อมูลในองค์กรที่เราทำงานให้ดีๆ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะถามเราเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เราจึงต้องพยายามฝึกฝนหาข้อมูลพวกนี้ให้มากๆ
8.จงพูดถึงจุดแข็งของเราด้วยความหนักแน่นและเชื่อมั่น
ส่วนใหญ่ผู้ที่สัมภาษณ์เราก็มักจะถามถึงจุดแข็งหรือจุดอ่อน ด้วยเหตุนี้เราจะต้องเน้นย้ำให้ความสำคัญที่จะพูดถึงจุดแข็งของเราเป็นพิเศษ แต่ก็อย่าไปอายที่จะพูดถึงจุดอ่อนของตัวเอง แล้วก็พูดส่วนที่เราจะต้องทำการปรับปรุงแก้ไข ก็ทำให้ผู้ที่สัมภาษณ์เราเกิดความประทับใจในตัวเราขึ้นมาทันที
7.จะต้องแน่ใจว่าเราให้ข้อมูลตามความเป็นจริง
ข้อมูลที่เราเขียนไว้ในประวัติส่วนตัวไม่ว่าจะเป็นเรื่องประสบการณ์การทำงาน ระดับการศึกษา เกรดเฉลี่ยจะต้องระบุตามความเป็นจริง ซึ่งผู้สัมภาษณ์เขาจะอ่านประวัติส่วนตัวเราอย่างละเอียดถี่ถ้วน และก็พยายามถามรายละเอียดตามที่เราได้กรอกประวัติส่วนตัวมา และก็พยายามอย่าให้ข้อมูลที่ฟังดูแล้วเว่อร์เกินไป ควรให้ข้อมูลตามความเหมาะสมและเป็นจริง
6.ใจเย็นๆ ค่อยๆพูดออกมา
ทุกๆคำถามที่ผู้สัมภาษณ์เขาถามเรา เราจะต้องค่อยๆพูดออกมาอย่างใจเย็น ไม่ต้องรีบร้อนจนเกินเหตุ เพื่อที่จะทำให้เราสามารถพูดออกมาได้อย่างชัดเจนและหนักแน่น ทำให้เราไม่ต้องไปวิตกกังวลมากเกินเหตุ
5.จะต้องอธิบายจุดแข็งหรือจุดอ่อนอย่างชัดแจ้ง
เป็นคำถามที่ผู้สัมภาษณ์แทบทุกๆแห่งเขาจะถามเราเกี่ยวกับจุดแข็งหรือจุดอ่อนของเรา และพวกเขาก็มักจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เราจะต้องอธิบายจุดแข็งจุดอ่อนของตัวเองแบบเรียบง่าย ไม่ซับซ้อนจนเกินไป ซึ่งเราจะต้องตอบจุดแข็ง จุดอ่อนของเราไปในทางด้านบวกเสมอ จะทำให้เขาเข้าใจจุดอ่อนของเราและก็พยายามให้ความสำคัญกับเรามากขึ้น
4.จะต้องทำตัวเป็นมิตร
แม้ว่าตัวเองจะเก่ง ดี ฉลาดปราดเปรื่องแค่ไหนหรือมาจากไหนก็ตามแต่ แต่หากเราไม่สามารถผูกมิตรกับใครได้เลย โอกาสที่จะได้งานทำก็ถือว่ามีน้อยมาก ซึ่งองค์กรจะให้ความสำคัญกับการทำตัวเป็นมิตรกับเพื่อนร่วมงานเป็นอันดับต้นๆ และสำคัญก็คือเราจะต้องทำตัวเป็นมิตรกับผู้สัมภาษณ์เราด้วย
3.ทำตัวเองให้มีความกระตือรือร้น
คำถามที่ทดสอบความกระตือรือร้นก็อย่างเช่น “คุณมองเห็นอนาคตของตัวเองภายใน 5 ปียังไงบ้าง” เป็นคำถามที่อาจจะพบอยู่บ่อยๆ และเราอาจจะตอบไปว่า “ผมเห็นนั่งอยู่ในตำแหน่งใหญ่โตในบริษัทนี้ครับ” ซึ่งการตอบแบบนี้เป็นการตอบในเชิงที่ไม่ค่อยให้ความกระตือรือร้นมากเท่าไรนัก เราก็ควรจะตอบไปว่า “ผมเห็นว่า ผมสามารถมีความรู้ความเข้าใจกับบริษัทนี้ครับ” หรือ “ผมเห็นว่าตัวเองมีส่วนสำคัญในบริษัทนี้ในการทำงานแต่ละเรื่องครับ” ประมาณนี้ก็ได้ จะทำให้เขาเห็นความกระตือรือร้นของเราออกมา
2.พยายามจบการสัมภาษณ์อย่างน่าประทับใจ
การสัมภาษณ์ควรที่จะพยายามจบการสัมภาษณ์ให้ผู้สัมภาษณ์เกิดความประทับใจในตัวเรา พยายามทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่เป็นทัศนะเชิงบวก และก็พยายามถ่ายทอดความรู้สึกออกมาทั้งร่ายกายและจิตใจออกมาให้พวกเขาประทับใจ เช่นการสบตา การจับมือแบบนี้เป็นต้น
1.พยายามซักถามข้อมูลเชิงลึกอยู่เสมอ
แน่นอนว่าเราจะต้องถามคำถามเกี่ยวกับบริษัทไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม นโยบาย กลไกการทำงานของบริษัท ซึ่งเรื่องพวกนี้ล้วนมีผลกระทบต่ออาชีพการงานของเราแน่นอน และการถามแบบนี้ทำให้ผู้สัมภาษณ์มองเห็นตัวเราว่ามีความจริงใจที่จะทำงานบริษัทนี้จริงๆ
ผู้เขียน Mr.lawrence10
(เรื่องน่ารู้) 10 อันดับแนวทางที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในการสัมภาษณ์งาน
ในระหว่างที่เราสัมภาษณ์งานแล้วจู่ก็เจอคำถามที่เราตอบไม่ได้ เราก็อย่าไปพยายามหาคำตอบหรือไปตอบแบบมั่วๆเป็นอันขาด ดีที่สุดก็คือก็ยอมรับซะว่าไม่รู้จริงๆ เพราะว่าคงไม่มีใครในโลกนี้หรอกที่จะรู้คำถามไปเสียทั้งหมด
การเตรียมตัวถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลยเป็นอันขาด โดยเฉพาะในการสัมภาษณ์ ที่จะต้องพยายามหาข้อมูลในองค์กรที่เราทำงานให้ดีๆ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะถามเราเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เราจึงต้องพยายามฝึกฝนหาข้อมูลพวกนี้ให้มากๆ
ส่วนใหญ่ผู้ที่สัมภาษณ์เราก็มักจะถามถึงจุดแข็งหรือจุดอ่อน ด้วยเหตุนี้เราจะต้องเน้นย้ำให้ความสำคัญที่จะพูดถึงจุดแข็งของเราเป็นพิเศษ แต่ก็อย่าไปอายที่จะพูดถึงจุดอ่อนของตัวเอง แล้วก็พูดส่วนที่เราจะต้องทำการปรับปรุงแก้ไข ก็ทำให้ผู้ที่สัมภาษณ์เราเกิดความประทับใจในตัวเราขึ้นมาทันที
ข้อมูลที่เราเขียนไว้ในประวัติส่วนตัวไม่ว่าจะเป็นเรื่องประสบการณ์การทำงาน ระดับการศึกษา เกรดเฉลี่ยจะต้องระบุตามความเป็นจริง ซึ่งผู้สัมภาษณ์เขาจะอ่านประวัติส่วนตัวเราอย่างละเอียดถี่ถ้วน และก็พยายามถามรายละเอียดตามที่เราได้กรอกประวัติส่วนตัวมา และก็พยายามอย่าให้ข้อมูลที่ฟังดูแล้วเว่อร์เกินไป ควรให้ข้อมูลตามความเหมาะสมและเป็นจริง
ทุกๆคำถามที่ผู้สัมภาษณ์เขาถามเรา เราจะต้องค่อยๆพูดออกมาอย่างใจเย็น ไม่ต้องรีบร้อนจนเกินเหตุ เพื่อที่จะทำให้เราสามารถพูดออกมาได้อย่างชัดเจนและหนักแน่น ทำให้เราไม่ต้องไปวิตกกังวลมากเกินเหตุ
เป็นคำถามที่ผู้สัมภาษณ์แทบทุกๆแห่งเขาจะถามเราเกี่ยวกับจุดแข็งหรือจุดอ่อนของเรา และพวกเขาก็มักจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เราจะต้องอธิบายจุดแข็งจุดอ่อนของตัวเองแบบเรียบง่าย ไม่ซับซ้อนจนเกินไป ซึ่งเราจะต้องตอบจุดแข็ง จุดอ่อนของเราไปในทางด้านบวกเสมอ จะทำให้เขาเข้าใจจุดอ่อนของเราและก็พยายามให้ความสำคัญกับเรามากขึ้น
แม้ว่าตัวเองจะเก่ง ดี ฉลาดปราดเปรื่องแค่ไหนหรือมาจากไหนก็ตามแต่ แต่หากเราไม่สามารถผูกมิตรกับใครได้เลย โอกาสที่จะได้งานทำก็ถือว่ามีน้อยมาก ซึ่งองค์กรจะให้ความสำคัญกับการทำตัวเป็นมิตรกับเพื่อนร่วมงานเป็นอันดับต้นๆ และสำคัญก็คือเราจะต้องทำตัวเป็นมิตรกับผู้สัมภาษณ์เราด้วย
คำถามที่ทดสอบความกระตือรือร้นก็อย่างเช่น “คุณมองเห็นอนาคตของตัวเองภายใน 5 ปียังไงบ้าง” เป็นคำถามที่อาจจะพบอยู่บ่อยๆ และเราอาจจะตอบไปว่า “ผมเห็นนั่งอยู่ในตำแหน่งใหญ่โตในบริษัทนี้ครับ” ซึ่งการตอบแบบนี้เป็นการตอบในเชิงที่ไม่ค่อยให้ความกระตือรือร้นมากเท่าไรนัก เราก็ควรจะตอบไปว่า “ผมเห็นว่า ผมสามารถมีความรู้ความเข้าใจกับบริษัทนี้ครับ” หรือ “ผมเห็นว่าตัวเองมีส่วนสำคัญในบริษัทนี้ในการทำงานแต่ละเรื่องครับ” ประมาณนี้ก็ได้ จะทำให้เขาเห็นความกระตือรือร้นของเราออกมา
การสัมภาษณ์ควรที่จะพยายามจบการสัมภาษณ์ให้ผู้สัมภาษณ์เกิดความประทับใจในตัวเรา พยายามทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่เป็นทัศนะเชิงบวก และก็พยายามถ่ายทอดความรู้สึกออกมาทั้งร่ายกายและจิตใจออกมาให้พวกเขาประทับใจ เช่นการสบตา การจับมือแบบนี้เป็นต้น
แน่นอนว่าเราจะต้องถามคำถามเกี่ยวกับบริษัทไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม นโยบาย กลไกการทำงานของบริษัท ซึ่งเรื่องพวกนี้ล้วนมีผลกระทบต่ออาชีพการงานของเราแน่นอน และการถามแบบนี้ทำให้ผู้สัมภาษณ์มองเห็นตัวเราว่ามีความจริงใจที่จะทำงานบริษัทนี้จริงๆ
ผู้เขียน Mr.lawrence10