อาจจะยาวสักนิดครับ เเต่ผมอยากได้ข้อคิดหรือคำเสนอเเนะจริงๆ
ผมคบกับผู้หญิงคนนี้มาได้ 4 ปีเศษเเล้วครับ เเรกๆก็ดีอย่างที่คนคบกันใหม่ๆควรจะเป็นกัน
เเต่จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้มันก็เริ่มมาจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อสองปีก่อน
เพราะน้ำท่วม ผมเลยต้องกลับบ้านที่เชียงใหม่เกือบเดือน ทำให้ช่วงนั้นเราต้องห่างกันเพราะไม่สามารถเจอกันได้ เเต่ตอนที่ผมกลับจากเชียงใหม่ลงมาทำงานต่อที่กรุงเทพ ผมเเอบดูมือถือเธอจังหวะที่เธอออกไปซื้อของที่ 7-11 หน้าหอ ผมเลยพบว่า เธอเเอบคุยอยู่กับคนอื่นร่วม 3 อาทิตย์ ข้อความที่คุยกันก็พอจับได้ว่า เเลกเบอร์โทรกันเเล้ว เปิดกล้องคุยกันเเล้ว ผู้ชายคนนี้ก็หนีน้ำท่วมไปอยู่เชียงใหม่เหมือนกัน ถึงขั้นนัดเเนะจะไปเจอกันที่เชียงใหม่ ซึ่งตรงกันกับที่เธอเคยบอกกับผมตอนอยู่เชียงใหม่ว่าจะขึ้นไปหา พอเธอกลับมา เเค่ผมถามว่า ''ที่คุยกันในกล่องข้อความในเฟซบุคคืออะไร?''
เท่านั้นล่ะครับ เกิดมาผมก็เพิ่งจะเคยเห็น คำว่า''หน้าซีดเป็นไก่ต้ม''เป็นยังไง เเต่ครั้งนั้นผมกลับให้อภัยเธอครับ...เพราะผมรักเธอ
เหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อปีที่เเล้วครับ จู่ๆผมก็จับผิดสังเกตุผู้หญิงคนนี้ได้อีก ที่พอถึงเวลาคุยกันก่อนนอนช่วง 5 ทุ่มจะมีสายซ้อนโทรเข้ามา พอผมได้ยินสายซ้อนนั่นดัง ตื้ดตื้ด ฝั่งเธอก็จะรีบกระวนกระวายหาเรื่องวางสายผมทันทีครับ เเรกๆผมก็ไม่เอะใจอะไร พอเป็นได้เกือบอาทิตย์ หลังจากที่เธอขอวางสายผม ผมก็ลองโทรกลับไปดูครับ ก็ปรากฎว่าเธอมีสายซ้อนอยู่จริงๆ ซ้ำผมยังเเกล้งส่งไอค่อนกับข้อความในไลน์ทิ้งเอาไว้ ปรากฎว่าเธอก็อ่านครับ อ่านหลังจากที่วางสายผมไปร่วม 20-30 นาที กระทั่งผมเริ่มทนไม่ไหว เพราะท่าทีที่เธอทำกับผมดูมีพิรุธ ผิดปกติมากขึ้นทุกทีๆ
วันนึงขณะที่นั่งกินข้าวอยุ่ด้วยกัน ผมเลยถามเธอไปว่า ''ถามจริง คุยกับใครหลังขอวางสายไปทุกคืน''
เเต่เธอกลับยื่นมือถือมาให้ผมดูการโทรเข้าโทรออก เเล้วตอบมาว่า''เเล้วมันมีไหมล่ะ!?''
ผมก็เงิบเบาๆครับ ไม่คิดว่าจะกล้าตอบออกมาอย่างนี้ ทั้งๆที่ก็รู้อยู่เเก่ใจว่าความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น
เเละความเเปลกมันก็ดำเนินอยู่อย่างเรื่อยๆครับ เธอเริ่มสาธยายข้อเสียของผม เริ่มถามคำถามเเปลกๆอย่างเช่นว่า
''คนสองคนที่นิสัยดีเหมือนกัน เเต่อีกคนหน้าตาดีกว่า เป็นตัวจะเลือกใคร เป็นเค้าเค้าก็เลือกคนหลังนะ'' เป็นต้นครับ
ผมก็เคยถามเธอออกมาโต้งๆนะครับ ว่ากับพี่ผู้ชายคนนี้เป็นอะไรกัน ทำไมดูสนิทสนมผิดปกติ
เเต่เธอก็ตอบกลับมาว่า ''เป็นรุ่นพี่ ไม่ได้มีอะไรจริงๆนะ''
หลังจากนั้นระหว่างที่เราไปไหนมาไหนด้วยกัน มือถือของเธอไม่เคยมีเสียงดังออกมาอีกเลยครับ สั่นตลอด ดูเธอพยายามจะไม่เปิดไลน์อ่าน ทั้งๆที่มีไลน์เด้งเข้ามา 3 4 5 6 ข้อความก็เเล้ว เเต่ผมก็เเอบเห็นครับ ว่าผู้ชายคนนั้นนั่นเเหล่ะที่เป็นคนทักเธอเข้ามา เผลอเเพล๊บเดียว จังหวะที่เธอปลีกไปเข้าห้องน้ำ ข้อความพวกนั้นก็หายไปหมดเเล้วครับ ตัวเเดงหาย เเชทห้องนั้นก็หาย
กระทั่งจุดยุติของผู้ชายคนที่ 2 ก็มาถึงครับ วันนั้นเธอคงเผลอลืมลบเเชททิ้ง ผมเลยเห็นข้อความที่ผู้ชายคนนั้นส่งมาหาเธอว่า ''ขอดู...(ของลับ)หน่อยสิ จะออกเเล้ว'' เท่านั้นล่ะครับ ผมถามเธอเลย ว่าคนเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันเขาคุยกันถึงขั้นนี้เลยเหรอ เเต่เธอก็บ่ายเบี่ยงครับว่า เเล้วให้ดูรึเปล่าล่ะ ในเเชทนั่นก็ไม่ได้บอกไปว่าจะให้ดู พอผมบอกว่า นี่มันมากเกินไปเเล้วล่ะ คงต้องขอคุยกับผู้ชายคนนี้หน่อยเเล้ว เเต่เธอไม่ให้ผมดูครับ เธอบอกว่า เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผู้ชายคนนี้ชอบมายุ่งกับเธอ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวบล็อกไลน์เเล้วดีลีทเลย จะได้จบๆไป ผมก็ถามไปว่าทำเเบบนั้นมันกู้กลับคืนมาได้ไม่ใช่เหรอ เธอกลับตอบผมมาว่า ไม่ได้...ทั้งๆที่ความจริงมันสามารถทำได้
เหตุการณ์ครั้งที่ 2 ก็ผ่านไปครับ ผมก็ถือซะว่า หลักฐานยังเเน่นหนาไม่เพียงพอ จำเลยปากเเข็งนัก ก็ยอมยกประโยชน์ให้จำเลย
กระทั่งมาถึงครั้งที่ 3 ครับ คราวนี้ผมจับได้คาหนังคาเขาเลยว่า เธอกับเพื่อนผู้ชายคนนึงที่ทำงานอยู่ในออฟฟิศเดียวกันเเอบกิ๊กกันมาได้ 2 เดือนกว่าเเล้ว เช่นเคยครับ เเอบฉวยโอกาสอ่านเเชทเธอจังหวะที่เธอเผลอ หลังจากที่เเอบสังเกตุเห็นสิ่งผิดปกติมานาน ที่เพื่อนๆที่ออฟฟิศเธอชอบพูดจาเเปลกๆกับเธอบนเฟซ ทำนอง เเซวๆหยอดๆเธอเรื่องความรักอยู่บ่อยๆ ดูรู้เห็นเป็นใจกันในหมู่คณะ
เเต่ครั้งนี้ผมไม่ไหวเเล้วจริงๆครับ ขืนยังปล่อยไปอยู่ ถึงขั้นที่ว่าขับรถไปรับผู้ชายคนนั้นจากที่บ้านมาทำงานด้วยกัน ถึงขั้นนัดเเนะจะไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันสองต่อสอง ซ้ำยังเเอบมาใช้เฟซบุคผม(เคยให้รหัสเธอไว้เพื่อเเสดงความบริสุทธิ์ใจ)เข้ามาบล็อกเฟซผู้ชายคนนี้ทิ้ง เพื่อไม่ให้ผมกับผู้ชายคนใหม่ที่กำลังคุยอยู่ของเธอได้เห็นกัน
พอผมจับได้ ผมเลิกกับเธอทันทีครับ ตัดการติดต่อเธอทุกวิถีทาง เเต่ผมกลับมารู้ทีหลังจากเพื่อนผมที่มีเฟซบุคเธอ
เธอโพสบนเฟซบุค ด้วยเนื้อหาประมาณว่า เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ผมเป็นฝ่ายผิดที่ทอดทิ้งเธอ เเล้วที่ผมตลกไปกว่านั้นก็คือ เพื่อนๆในเฟซบุคของเธอต่างก็หลั่งไหลเข้ามาเเสดงความเสียใจ พูดจาให้กำลังใจ คนไม่ดีเเบบนี้อย่าไปเสียใจเลย สวยๆอย่างเราหาใหม่ได้ ฯลฯ
คือ ผมงงมากครับ ว่าทำไมเธอถึงเปลี่ยนขาวเป็นดำได้ถึงขนาดนี้ ผมกลายเป็นผู้ร้ายทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิด
มันเป็นกลไกในการป้องกันตัวอย่างนึงเหรอครับ ผมไม่เข้าใจ
ผมก็ไม่ได้บอกนะครับว่าตัวผมเป็นคนดีอะไร เเต่ตลอดเวลาที่ผมคบกับเธอมาร่วม 4 ปี ผมทำสิ่งดีๆให้กับเธอมากกว่าสิ่งเเย่ๆครับ ผมจริงใจกับเธอ เพื่อนผมถามว่าคนนี้เป็นใคร หรือเเฟนคนไหน ผมก็โชว์ให้เพื่อนผมดูตลอด เเสดงให้เห็น ไม่เคยปิดบัง เเละที่สำคัญตลอดระยะเวลา 4 ปี ผมไม่เคยนอกลู่นอกทางกับคนอื่นเลย ผมไม่เคยดึงคนที่ 3 เข้ามา ผมมีเเต่เธอคนเดียวเท่านั้นจริงๆ
อาจจะยาวเเละค่อนข้างอ่านยากไปสักนิดครับ เเต่ผมเเค่อยากรับรู้ในมุมมองของคนอื่นๆบ้าง เพราะหลังจากที่ผมรู้ว่าเธอป้ายสีให้ผมเป็นคนผิด ผมก็คิดเเต่ว่า ความจริงของเรื่องนี้มีเเค่ผมกับเธอเท่านั้นที่รู้ครับ
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นนะครับ ^^
ผมจับได้ว่าเเฟนเเอบคุยกับคนอื่นเป็นครั้งที่สาม เเล้วผมบอกเลิกเธอ ผมเป็นฝ่ายผิดเหรอครับ?
ผมคบกับผู้หญิงคนนี้มาได้ 4 ปีเศษเเล้วครับ เเรกๆก็ดีอย่างที่คนคบกันใหม่ๆควรจะเป็นกัน
เเต่จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้มันก็เริ่มมาจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อสองปีก่อน
เพราะน้ำท่วม ผมเลยต้องกลับบ้านที่เชียงใหม่เกือบเดือน ทำให้ช่วงนั้นเราต้องห่างกันเพราะไม่สามารถเจอกันได้ เเต่ตอนที่ผมกลับจากเชียงใหม่ลงมาทำงานต่อที่กรุงเทพ ผมเเอบดูมือถือเธอจังหวะที่เธอออกไปซื้อของที่ 7-11 หน้าหอ ผมเลยพบว่า เธอเเอบคุยอยู่กับคนอื่นร่วม 3 อาทิตย์ ข้อความที่คุยกันก็พอจับได้ว่า เเลกเบอร์โทรกันเเล้ว เปิดกล้องคุยกันเเล้ว ผู้ชายคนนี้ก็หนีน้ำท่วมไปอยู่เชียงใหม่เหมือนกัน ถึงขั้นนัดเเนะจะไปเจอกันที่เชียงใหม่ ซึ่งตรงกันกับที่เธอเคยบอกกับผมตอนอยู่เชียงใหม่ว่าจะขึ้นไปหา พอเธอกลับมา เเค่ผมถามว่า ''ที่คุยกันในกล่องข้อความในเฟซบุคคืออะไร?''
เท่านั้นล่ะครับ เกิดมาผมก็เพิ่งจะเคยเห็น คำว่า''หน้าซีดเป็นไก่ต้ม''เป็นยังไง เเต่ครั้งนั้นผมกลับให้อภัยเธอครับ...เพราะผมรักเธอ
เหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อปีที่เเล้วครับ จู่ๆผมก็จับผิดสังเกตุผู้หญิงคนนี้ได้อีก ที่พอถึงเวลาคุยกันก่อนนอนช่วง 5 ทุ่มจะมีสายซ้อนโทรเข้ามา พอผมได้ยินสายซ้อนนั่นดัง ตื้ดตื้ด ฝั่งเธอก็จะรีบกระวนกระวายหาเรื่องวางสายผมทันทีครับ เเรกๆผมก็ไม่เอะใจอะไร พอเป็นได้เกือบอาทิตย์ หลังจากที่เธอขอวางสายผม ผมก็ลองโทรกลับไปดูครับ ก็ปรากฎว่าเธอมีสายซ้อนอยู่จริงๆ ซ้ำผมยังเเกล้งส่งไอค่อนกับข้อความในไลน์ทิ้งเอาไว้ ปรากฎว่าเธอก็อ่านครับ อ่านหลังจากที่วางสายผมไปร่วม 20-30 นาที กระทั่งผมเริ่มทนไม่ไหว เพราะท่าทีที่เธอทำกับผมดูมีพิรุธ ผิดปกติมากขึ้นทุกทีๆ
วันนึงขณะที่นั่งกินข้าวอยุ่ด้วยกัน ผมเลยถามเธอไปว่า ''ถามจริง คุยกับใครหลังขอวางสายไปทุกคืน''
เเต่เธอกลับยื่นมือถือมาให้ผมดูการโทรเข้าโทรออก เเล้วตอบมาว่า''เเล้วมันมีไหมล่ะ!?''
ผมก็เงิบเบาๆครับ ไม่คิดว่าจะกล้าตอบออกมาอย่างนี้ ทั้งๆที่ก็รู้อยู่เเก่ใจว่าความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น
เเละความเเปลกมันก็ดำเนินอยู่อย่างเรื่อยๆครับ เธอเริ่มสาธยายข้อเสียของผม เริ่มถามคำถามเเปลกๆอย่างเช่นว่า
''คนสองคนที่นิสัยดีเหมือนกัน เเต่อีกคนหน้าตาดีกว่า เป็นตัวจะเลือกใคร เป็นเค้าเค้าก็เลือกคนหลังนะ'' เป็นต้นครับ
ผมก็เคยถามเธอออกมาโต้งๆนะครับ ว่ากับพี่ผู้ชายคนนี้เป็นอะไรกัน ทำไมดูสนิทสนมผิดปกติ
เเต่เธอก็ตอบกลับมาว่า ''เป็นรุ่นพี่ ไม่ได้มีอะไรจริงๆนะ''
หลังจากนั้นระหว่างที่เราไปไหนมาไหนด้วยกัน มือถือของเธอไม่เคยมีเสียงดังออกมาอีกเลยครับ สั่นตลอด ดูเธอพยายามจะไม่เปิดไลน์อ่าน ทั้งๆที่มีไลน์เด้งเข้ามา 3 4 5 6 ข้อความก็เเล้ว เเต่ผมก็เเอบเห็นครับ ว่าผู้ชายคนนั้นนั่นเเหล่ะที่เป็นคนทักเธอเข้ามา เผลอเเพล๊บเดียว จังหวะที่เธอปลีกไปเข้าห้องน้ำ ข้อความพวกนั้นก็หายไปหมดเเล้วครับ ตัวเเดงหาย เเชทห้องนั้นก็หาย
กระทั่งจุดยุติของผู้ชายคนที่ 2 ก็มาถึงครับ วันนั้นเธอคงเผลอลืมลบเเชททิ้ง ผมเลยเห็นข้อความที่ผู้ชายคนนั้นส่งมาหาเธอว่า ''ขอดู...(ของลับ)หน่อยสิ จะออกเเล้ว'' เท่านั้นล่ะครับ ผมถามเธอเลย ว่าคนเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันเขาคุยกันถึงขั้นนี้เลยเหรอ เเต่เธอก็บ่ายเบี่ยงครับว่า เเล้วให้ดูรึเปล่าล่ะ ในเเชทนั่นก็ไม่ได้บอกไปว่าจะให้ดู พอผมบอกว่า นี่มันมากเกินไปเเล้วล่ะ คงต้องขอคุยกับผู้ชายคนนี้หน่อยเเล้ว เเต่เธอไม่ให้ผมดูครับ เธอบอกว่า เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผู้ชายคนนี้ชอบมายุ่งกับเธอ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวบล็อกไลน์เเล้วดีลีทเลย จะได้จบๆไป ผมก็ถามไปว่าทำเเบบนั้นมันกู้กลับคืนมาได้ไม่ใช่เหรอ เธอกลับตอบผมมาว่า ไม่ได้...ทั้งๆที่ความจริงมันสามารถทำได้
เหตุการณ์ครั้งที่ 2 ก็ผ่านไปครับ ผมก็ถือซะว่า หลักฐานยังเเน่นหนาไม่เพียงพอ จำเลยปากเเข็งนัก ก็ยอมยกประโยชน์ให้จำเลย
กระทั่งมาถึงครั้งที่ 3 ครับ คราวนี้ผมจับได้คาหนังคาเขาเลยว่า เธอกับเพื่อนผู้ชายคนนึงที่ทำงานอยู่ในออฟฟิศเดียวกันเเอบกิ๊กกันมาได้ 2 เดือนกว่าเเล้ว เช่นเคยครับ เเอบฉวยโอกาสอ่านเเชทเธอจังหวะที่เธอเผลอ หลังจากที่เเอบสังเกตุเห็นสิ่งผิดปกติมานาน ที่เพื่อนๆที่ออฟฟิศเธอชอบพูดจาเเปลกๆกับเธอบนเฟซ ทำนอง เเซวๆหยอดๆเธอเรื่องความรักอยู่บ่อยๆ ดูรู้เห็นเป็นใจกันในหมู่คณะ
เเต่ครั้งนี้ผมไม่ไหวเเล้วจริงๆครับ ขืนยังปล่อยไปอยู่ ถึงขั้นที่ว่าขับรถไปรับผู้ชายคนนั้นจากที่บ้านมาทำงานด้วยกัน ถึงขั้นนัดเเนะจะไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันสองต่อสอง ซ้ำยังเเอบมาใช้เฟซบุคผม(เคยให้รหัสเธอไว้เพื่อเเสดงความบริสุทธิ์ใจ)เข้ามาบล็อกเฟซผู้ชายคนนี้ทิ้ง เพื่อไม่ให้ผมกับผู้ชายคนใหม่ที่กำลังคุยอยู่ของเธอได้เห็นกัน
พอผมจับได้ ผมเลิกกับเธอทันทีครับ ตัดการติดต่อเธอทุกวิถีทาง เเต่ผมกลับมารู้ทีหลังจากเพื่อนผมที่มีเฟซบุคเธอ
เธอโพสบนเฟซบุค ด้วยเนื้อหาประมาณว่า เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ผมเป็นฝ่ายผิดที่ทอดทิ้งเธอ เเล้วที่ผมตลกไปกว่านั้นก็คือ เพื่อนๆในเฟซบุคของเธอต่างก็หลั่งไหลเข้ามาเเสดงความเสียใจ พูดจาให้กำลังใจ คนไม่ดีเเบบนี้อย่าไปเสียใจเลย สวยๆอย่างเราหาใหม่ได้ ฯลฯ
คือ ผมงงมากครับ ว่าทำไมเธอถึงเปลี่ยนขาวเป็นดำได้ถึงขนาดนี้ ผมกลายเป็นผู้ร้ายทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิด
มันเป็นกลไกในการป้องกันตัวอย่างนึงเหรอครับ ผมไม่เข้าใจ
ผมก็ไม่ได้บอกนะครับว่าตัวผมเป็นคนดีอะไร เเต่ตลอดเวลาที่ผมคบกับเธอมาร่วม 4 ปี ผมทำสิ่งดีๆให้กับเธอมากกว่าสิ่งเเย่ๆครับ ผมจริงใจกับเธอ เพื่อนผมถามว่าคนนี้เป็นใคร หรือเเฟนคนไหน ผมก็โชว์ให้เพื่อนผมดูตลอด เเสดงให้เห็น ไม่เคยปิดบัง เเละที่สำคัญตลอดระยะเวลา 4 ปี ผมไม่เคยนอกลู่นอกทางกับคนอื่นเลย ผมไม่เคยดึงคนที่ 3 เข้ามา ผมมีเเต่เธอคนเดียวเท่านั้นจริงๆ
อาจจะยาวเเละค่อนข้างอ่านยากไปสักนิดครับ เเต่ผมเเค่อยากรับรู้ในมุมมองของคนอื่นๆบ้าง เพราะหลังจากที่ผมรู้ว่าเธอป้ายสีให้ผมเป็นคนผิด ผมก็คิดเเต่ว่า ความจริงของเรื่องนี้มีเเค่ผมกับเธอเท่านั้นที่รู้ครับ
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นนะครับ ^^