เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณในการอ่านของแต่ละคนนะคะ แต่ จขกท สาบานได้เลยว่าไม่ได้เล่าเรื่องเกินจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหรือสร้างเรื่องขึ้นมาแต่อย่างใด มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเรา เมทเรา แล้วก็เพื่อนที่มานอนหอเราซึ่งทุกๆคนต่างเจอเหตุการณ์คล้ายๆกันค่ะ คือในห้องเก่าเรา และบริเวณตรงแอร์ค่ะ
เราเป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาลัยรัฐแห่งหนึ่งแถวๆท่าพระจันทร์ค่ะ ตอนแรกเราอยู่หอแถววังหลังแต่เรารู้สึกว่าหอมันค่อนข้างที่จะไม่โอเนื่องจากสกปรก มีหนู แมลงสาปยั้วเยี๊ยเต็มไปหมดเวลาเราลงมาหาอะไรกินข้างล่างตอนกลางคืนบวกกับค่าหอค่อนข้างแพงและกลางคืนเปลี่ยวเราเลยตัดสินใจย้ายหอมาแถวปิ่นเกล้าซึ่งเป็นอพาทเมนท์แห่งหนึ่งอยู่ใกล้แห่งช็อปปิ้งสำคัญย่านนี้ค่ะ หอตกแต่งสวยดีบวกกับรักษาความปลอดภัยแน่นหนาเรากับเพื่อนเลยเลือกที่นี่
วันที่เรามาเลือกห้องเรามากับเพื่อนคนหนึ่งขอเรียกแทนเพื่อนเราว่าเอนะคะ ตอนเลือกห้องพนักงานพาเรากับเอไปที่ชั้น 4 ของอพาทเมนท์ แต่พอเราเข้าไปเรารู้สึกว่าห้องไม่โอ กลิ่นอับๆ แล้วอะไรดลใจให้เรามองไปที่แอร์ไม่รู้เราเลยบอกแอร์ว่าไม่โอว่ะแก แอร์ไม่สวย ห้องอับด้วย เพื่อนเราก็โอเคเลยขอให้พนักงานพาเราไปดูห้องอื่นซึ่งพนักงานพาเราลงมาที่ชั้น 3 ค่ะ (จาก 14 ชั้น) พอเราเข้าห้องไปเรามองไปที่แอร์อย่างแรกเลยแล้วเรารู้สึกว่าแอร์โอเคดี ห้องก็ไม่มีกลิ่นอับด้วยเลยตัดสินใจเซ็นสัญญาเลือกห้องนี้ค่ะ พอเซ็นสัญญาเสร็จเอต้องกลับบ้าน ซึ่งเราไม่ได้กลับเพราะมีนัดกับเมทอีกคนคือบี (ซึ่งบีไม่ได้มาเลือกห้องด้วยในตอนเช้าแต่จะตามมาหาอะไรกินด้วยกันตอนเย็นที่สยาม) ขณะที่เรารอบีตอนนั้นเวลาประมาณเที่ยงๆ ซึ่งตอนนั้นทีวีก็ยังไม่มี แล้วเราก็ว่างมากๆไม่มีอะไรทำเลยเราเลยตัดสินใจนอนรอบีดีกว่า ระหว่างที่เรานอนรอบีเราได้ยินเสียงคนแก่ 2 คนคุยกันว่า เนี่ย ห้องนี้เคยมีคนตายนะ เป็นนักศึกษาผู้หญิง ผูกคอตาย ตอนแรกที่เราได้ยินเรานึกว่าเราคงคิดกลัวไปเองไม่มีอะไรหรอก (ปกติเราเป็นคนเห็นนั่นเห็นนี่ได้ยินนั่นนี่ปกติอยู่แล้ว) เราเลยพลิกตัวมาอีกข้างหนึ่งมาดูนาฬิกาว่าตอนนี้กี่โมงแล้วใจก็ภาวนาขอให้บีมาไวไวมากๆ แต่เวลาเพิ่งผ่านไปแปปเดียวเอง เราเลยคิดว่านอนต่อละกันไม่มีอะไรหรอกเราคงกลัวไปเองแหละ คิดมากน่า เราเลยหลับ เคลิ้มๆ ตอนนั้นจำได้ว่าเรานอนหลับตาอยู่ เหมือนมีคนจ้องมาที่เรา เราพยายามที่จะลืมตาขึ้นแต่เราลืมไม่ได้ พยายามขยับตัวแต่ก็ขยับไม่ได้เช่นกัน ทั้งๆที่เราหลับตาอยู่แต่เรากลับเห็นผู้หญิงคนหนึ่งลอยตัวเหนือพื้นจ้องลงมาที่เรา เรายังจำภาพนั้นได้ติดตาคือ ผมยามถึงกลางหลัง ใบหน้าไม่มีอะไรเลยมีแต่หนังล้วนๆ คือไม่มีตา จมูก คิ้ว หรือปากเลย เราพยายามดิ้น แต่ทำยังไงก็ขยับไม่ได้เราเลยนึกถึงหลวงพ่อที่เรานับถือ สักพักเราก็หลุดค่ะ
หลังจากนั้นเราไม่นอนต่อเลยค่ะ นั่งรอบีจนบีมา พอบีมาเราออกไปกินข้าวกับบี พอกลับมาตอนกำลังจะนอนเราบอกบีว่าไม่ปิดไฟได้ไหม บีก็ถามเราว่าทำไมเราเลยบอกบีว่าไม่มีอะไรหรอกกลัวเลยๆ ด้วยความที่บีเข้าใจในสิ่งที่เราเป็นอยู่แล้วบีเลยบอกเราว่างั้นปิดไฟดวงตรงกลางห้องละกันเดี๋ยวเปิดไฟตรงประตูหน้าห้องไว้เราเลยโอเค พอตกดึกเรากำลังนอนหลับอยู่เราก็ได้ยินเสียงคนแก่ 2 คนเดิมที่คุยให้เราได้ยินตอนกลางคืนมาคุยกันคิกคักให้เราฟังเหมือนเดิมว่า ‘เนี่ยย ห้องเนี๊ยะอะไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก ยกเว้นเจ้าของห้อง’ ตอนนั้นเราฟังเราก็รู้สึกว่านี่เค้ามาคุยกันให้เรารู้สึกดีขึ้นใช่ไหมหรือยังไง -0- พอเช้ามาก็ยังไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟังอยู่ดีค่ะ จนผ่านไปสักพักเราถึงตัดสินใจเล่าให้เพื่อนฟัง (ตอนนั้นยังไม่เปิดเทอมนะคะ ต่างคนต่างอยู่บ้านเหมือนเดิมรอเวลาเปิดเทอมแต่เราคุยกันผ่านโทรศัพท์) พอคุยกันสักพักเราเลยคิดไว้ว่าเพราะเราจะไปบวชรึป่าวเค้ารู้เลยมาขอส่วนบุญ เราเลยบอกเพื่อนว่างั้นยังไม่ต้องย้ายห้องดีไหม เค้าคงมาขอส่วนบุญแหละ ตอนเราไปบวชเราเวลาเรากรวดน้ำหรือทำอะไรที่เป็นบุญกุศลเราจะนึกถึงเค้าตลอดแล้วอธิษฐานบอกเค้าว่าให้เค้าไปอยู่ในภพในชาติที่ดีๆ อยู่ในสถานที่ที่ดีดีแล้วอย่ามาให้เราเห็นอีกเลยเพราะเรากลัว กลัวมากๆ คิดว่าเดี๋ยวกลับไปคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วหละ สบายใจขึ้นเยอะแล้ว แต่เราคิดผิดค่ะ นี่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นเท่านั้นซึ่งเรา เอ บี และเพื่อนที่มานอนห้องเราต่างเจอในรูปแบบที่คล้ายๆกันคือ แอร์ และผู้หญิงค่ะ เดี๋ยวเรามาเล่าต่อนะคะ
ปล.นี่เป็นกระทู้แรกเราไม่รู้ว่าต้องแท็คห้องไหนบ้างถ้าแท็คพลาดไปเราขอโทษด้วยนะคะ T_____________T
มาแชร์ประสบการณ์ในหอพักกันค่ะ
เราเป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาลัยรัฐแห่งหนึ่งแถวๆท่าพระจันทร์ค่ะ ตอนแรกเราอยู่หอแถววังหลังแต่เรารู้สึกว่าหอมันค่อนข้างที่จะไม่โอเนื่องจากสกปรก มีหนู แมลงสาปยั้วเยี๊ยเต็มไปหมดเวลาเราลงมาหาอะไรกินข้างล่างตอนกลางคืนบวกกับค่าหอค่อนข้างแพงและกลางคืนเปลี่ยวเราเลยตัดสินใจย้ายหอมาแถวปิ่นเกล้าซึ่งเป็นอพาทเมนท์แห่งหนึ่งอยู่ใกล้แห่งช็อปปิ้งสำคัญย่านนี้ค่ะ หอตกแต่งสวยดีบวกกับรักษาความปลอดภัยแน่นหนาเรากับเพื่อนเลยเลือกที่นี่
วันที่เรามาเลือกห้องเรามากับเพื่อนคนหนึ่งขอเรียกแทนเพื่อนเราว่าเอนะคะ ตอนเลือกห้องพนักงานพาเรากับเอไปที่ชั้น 4 ของอพาทเมนท์ แต่พอเราเข้าไปเรารู้สึกว่าห้องไม่โอ กลิ่นอับๆ แล้วอะไรดลใจให้เรามองไปที่แอร์ไม่รู้เราเลยบอกแอร์ว่าไม่โอว่ะแก แอร์ไม่สวย ห้องอับด้วย เพื่อนเราก็โอเคเลยขอให้พนักงานพาเราไปดูห้องอื่นซึ่งพนักงานพาเราลงมาที่ชั้น 3 ค่ะ (จาก 14 ชั้น) พอเราเข้าห้องไปเรามองไปที่แอร์อย่างแรกเลยแล้วเรารู้สึกว่าแอร์โอเคดี ห้องก็ไม่มีกลิ่นอับด้วยเลยตัดสินใจเซ็นสัญญาเลือกห้องนี้ค่ะ พอเซ็นสัญญาเสร็จเอต้องกลับบ้าน ซึ่งเราไม่ได้กลับเพราะมีนัดกับเมทอีกคนคือบี (ซึ่งบีไม่ได้มาเลือกห้องด้วยในตอนเช้าแต่จะตามมาหาอะไรกินด้วยกันตอนเย็นที่สยาม) ขณะที่เรารอบีตอนนั้นเวลาประมาณเที่ยงๆ ซึ่งตอนนั้นทีวีก็ยังไม่มี แล้วเราก็ว่างมากๆไม่มีอะไรทำเลยเราเลยตัดสินใจนอนรอบีดีกว่า ระหว่างที่เรานอนรอบีเราได้ยินเสียงคนแก่ 2 คนคุยกันว่า เนี่ย ห้องนี้เคยมีคนตายนะ เป็นนักศึกษาผู้หญิง ผูกคอตาย ตอนแรกที่เราได้ยินเรานึกว่าเราคงคิดกลัวไปเองไม่มีอะไรหรอก (ปกติเราเป็นคนเห็นนั่นเห็นนี่ได้ยินนั่นนี่ปกติอยู่แล้ว) เราเลยพลิกตัวมาอีกข้างหนึ่งมาดูนาฬิกาว่าตอนนี้กี่โมงแล้วใจก็ภาวนาขอให้บีมาไวไวมากๆ แต่เวลาเพิ่งผ่านไปแปปเดียวเอง เราเลยคิดว่านอนต่อละกันไม่มีอะไรหรอกเราคงกลัวไปเองแหละ คิดมากน่า เราเลยหลับ เคลิ้มๆ ตอนนั้นจำได้ว่าเรานอนหลับตาอยู่ เหมือนมีคนจ้องมาที่เรา เราพยายามที่จะลืมตาขึ้นแต่เราลืมไม่ได้ พยายามขยับตัวแต่ก็ขยับไม่ได้เช่นกัน ทั้งๆที่เราหลับตาอยู่แต่เรากลับเห็นผู้หญิงคนหนึ่งลอยตัวเหนือพื้นจ้องลงมาที่เรา เรายังจำภาพนั้นได้ติดตาคือ ผมยามถึงกลางหลัง ใบหน้าไม่มีอะไรเลยมีแต่หนังล้วนๆ คือไม่มีตา จมูก คิ้ว หรือปากเลย เราพยายามดิ้น แต่ทำยังไงก็ขยับไม่ได้เราเลยนึกถึงหลวงพ่อที่เรานับถือ สักพักเราก็หลุดค่ะ
หลังจากนั้นเราไม่นอนต่อเลยค่ะ นั่งรอบีจนบีมา พอบีมาเราออกไปกินข้าวกับบี พอกลับมาตอนกำลังจะนอนเราบอกบีว่าไม่ปิดไฟได้ไหม บีก็ถามเราว่าทำไมเราเลยบอกบีว่าไม่มีอะไรหรอกกลัวเลยๆ ด้วยความที่บีเข้าใจในสิ่งที่เราเป็นอยู่แล้วบีเลยบอกเราว่างั้นปิดไฟดวงตรงกลางห้องละกันเดี๋ยวเปิดไฟตรงประตูหน้าห้องไว้เราเลยโอเค พอตกดึกเรากำลังนอนหลับอยู่เราก็ได้ยินเสียงคนแก่ 2 คนเดิมที่คุยให้เราได้ยินตอนกลางคืนมาคุยกันคิกคักให้เราฟังเหมือนเดิมว่า ‘เนี่ยย ห้องเนี๊ยะอะไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก ยกเว้นเจ้าของห้อง’ ตอนนั้นเราฟังเราก็รู้สึกว่านี่เค้ามาคุยกันให้เรารู้สึกดีขึ้นใช่ไหมหรือยังไง -0- พอเช้ามาก็ยังไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟังอยู่ดีค่ะ จนผ่านไปสักพักเราถึงตัดสินใจเล่าให้เพื่อนฟัง (ตอนนั้นยังไม่เปิดเทอมนะคะ ต่างคนต่างอยู่บ้านเหมือนเดิมรอเวลาเปิดเทอมแต่เราคุยกันผ่านโทรศัพท์) พอคุยกันสักพักเราเลยคิดไว้ว่าเพราะเราจะไปบวชรึป่าวเค้ารู้เลยมาขอส่วนบุญ เราเลยบอกเพื่อนว่างั้นยังไม่ต้องย้ายห้องดีไหม เค้าคงมาขอส่วนบุญแหละ ตอนเราไปบวชเราเวลาเรากรวดน้ำหรือทำอะไรที่เป็นบุญกุศลเราจะนึกถึงเค้าตลอดแล้วอธิษฐานบอกเค้าว่าให้เค้าไปอยู่ในภพในชาติที่ดีๆ อยู่ในสถานที่ที่ดีดีแล้วอย่ามาให้เราเห็นอีกเลยเพราะเรากลัว กลัวมากๆ คิดว่าเดี๋ยวกลับไปคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วหละ สบายใจขึ้นเยอะแล้ว แต่เราคิดผิดค่ะ นี่เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นเท่านั้นซึ่งเรา เอ บี และเพื่อนที่มานอนห้องเราต่างเจอในรูปแบบที่คล้ายๆกันคือ แอร์ และผู้หญิงค่ะ เดี๋ยวเรามาเล่าต่อนะคะ
ปล.นี่เป็นกระทู้แรกเราไม่รู้ว่าต้องแท็คห้องไหนบ้างถ้าแท็คพลาดไปเราขอโทษด้วยนะคะ T_____________T