คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
คิดว่าความคิดของคุณรอบคอบที่สุดค่ะ
ตอบในฐานะคนที่เป็นลูกและทำพลาดมาแล้ว ตอนนั้นไม่เคยมีใครมาเตือนเรา อายุน้อยแล้วเติบโตเร็ว ด้วยความรักครอบครัว เราเลยทำบ้านใหญ่โต ประโคมของดีทุกอย่างให้สำหรับบ้าน
ยิ่งห้องพ่อแม่ ห้องเดียวตกแต่งไปสองแสนกว่า
อยู่ๆ โชคชะตาก็พัดเข้ามา เราล้มจากพิษสถานการณ์บ้านเมือง ชนิดที่ว่าเกือบหมดตัว เคราะห์ซ้ำที่ผู้รับเหมาทำบ้านได้ชุ่ยมาก
ต้องตามล้างตามเช้ด ตามเก็บแก้กันจนบานปลาย
ห้องพ่อแม่มาอยู่ได้ไม่ถึงสิบหน น้ำท่วมใหญ่ แต่คุณรู้ไม๊ วันที่น้ำลด วันที่เราล้ม พ่อกับแม่ นั่งรถทัวร์มาหาเราเป็นคนแรก ไม่พูดอะไร มาทำอาหารให้กิน มาช่วยซ่อม ขัดล้าง อะไรที่พ่อทำได้
แม่ปลูกต้นไม้ ท่ามกลางซากเศษขยะ บอกว่า
ถ้าเห็นอะไรที่มันกำลังเติบโต ออกดอกออกใบให้ชม หนูจะได้มีกำลังใจ
เป็นกำลังใจให้เรากล้าจะกลับมาสร้างความฝันอีกหน
เราเสียใจที่ทำบ้านในฝันให้พ่อกับแม่ไม่ได้ แต่ไม่เคยละความพยายามที่จะทำความฝัน
แต่ตอนนี้มันต้องเป็นไปด้วยสติ และความระมัดระวังแล้ว
เก็บเงินค่อยๆซ่อมไป หลักๆคือพาท่านไปเที่ยว ไปทานอาหาร ซื้อของที่ท่านชอบ ดูแลท่านอย่างที่เราจะทำได้ให้ดีที่สุด เรื่องบ้านเอาไว้ทีหลัง สนุกมากๆคือ ทุกคนช่วยกันซ่อมและเลือกหาของเข้าบ้านแบบช่วยกันประหยัดหรือช่วยกันทำ มันรู้สึกดีกว่าตอนเรามีเงินและไปจับจ่ายของหรูๆแพงๆเสียอีก
บ้านไม่ต้องใหญ่ ไม่ต้องใหม่ แต่รักษาความเป็นครอบครัวให้ได้มากที่สุด คำว่าบ้านมันจะสำคัญกว่า อิฐ ดิน ปูนค่ะ
“A house is made of bricks and stone, but a home is made of love alone."
ตอบในฐานะแม่ของลูกชายสองคน..เราจะรักลูกชายแบบคุณที่สุด ภูมิใจที่สุด และยืนอยู่ข้างๆลูกจนที่สุดของลมหายใจค่ะ
ภูมิใจแทนแม่ของคุณมากๆ
ตอบในฐานะคนที่เป็นลูกและทำพลาดมาแล้ว ตอนนั้นไม่เคยมีใครมาเตือนเรา อายุน้อยแล้วเติบโตเร็ว ด้วยความรักครอบครัว เราเลยทำบ้านใหญ่โต ประโคมของดีทุกอย่างให้สำหรับบ้าน
ยิ่งห้องพ่อแม่ ห้องเดียวตกแต่งไปสองแสนกว่า
อยู่ๆ โชคชะตาก็พัดเข้ามา เราล้มจากพิษสถานการณ์บ้านเมือง ชนิดที่ว่าเกือบหมดตัว เคราะห์ซ้ำที่ผู้รับเหมาทำบ้านได้ชุ่ยมาก
ต้องตามล้างตามเช้ด ตามเก็บแก้กันจนบานปลาย
ห้องพ่อแม่มาอยู่ได้ไม่ถึงสิบหน น้ำท่วมใหญ่ แต่คุณรู้ไม๊ วันที่น้ำลด วันที่เราล้ม พ่อกับแม่ นั่งรถทัวร์มาหาเราเป็นคนแรก ไม่พูดอะไร มาทำอาหารให้กิน มาช่วยซ่อม ขัดล้าง อะไรที่พ่อทำได้
แม่ปลูกต้นไม้ ท่ามกลางซากเศษขยะ บอกว่า
ถ้าเห็นอะไรที่มันกำลังเติบโต ออกดอกออกใบให้ชม หนูจะได้มีกำลังใจ
เป็นกำลังใจให้เรากล้าจะกลับมาสร้างความฝันอีกหน
เราเสียใจที่ทำบ้านในฝันให้พ่อกับแม่ไม่ได้ แต่ไม่เคยละความพยายามที่จะทำความฝัน
แต่ตอนนี้มันต้องเป็นไปด้วยสติ และความระมัดระวังแล้ว
เก็บเงินค่อยๆซ่อมไป หลักๆคือพาท่านไปเที่ยว ไปทานอาหาร ซื้อของที่ท่านชอบ ดูแลท่านอย่างที่เราจะทำได้ให้ดีที่สุด เรื่องบ้านเอาไว้ทีหลัง สนุกมากๆคือ ทุกคนช่วยกันซ่อมและเลือกหาของเข้าบ้านแบบช่วยกันประหยัดหรือช่วยกันทำ มันรู้สึกดีกว่าตอนเรามีเงินและไปจับจ่ายของหรูๆแพงๆเสียอีก
บ้านไม่ต้องใหญ่ ไม่ต้องใหม่ แต่รักษาความเป็นครอบครัวให้ได้มากที่สุด คำว่าบ้านมันจะสำคัญกว่า อิฐ ดิน ปูนค่ะ
“A house is made of bricks and stone, but a home is made of love alone."
ตอบในฐานะแม่ของลูกชายสองคน..เราจะรักลูกชายแบบคุณที่สุด ภูมิใจที่สุด และยืนอยู่ข้างๆลูกจนที่สุดของลมหายใจค่ะ
ภูมิใจแทนแม่ของคุณมากๆ
แสดงความคิดเห็น
เสียใจ ที่ทำให้แม่ต้องผิดหวัง
มีเรื่องไม่ค่อยสบายใจ เลยอยากจะขอคำปรึกษาจากเพื่อนๆ พี่ๆ หน่อยนะครับ
คือผมเคยคุยกับแม่เอาไว้ว่า อยากจะซื้อบ้านใหม่ให้แม่กับน้องอยู่ รอว่าขายบ้านเดิมได้เมื่อไหร่ จะได้มีทุนไว้ดาวน์บ้านใหม่ (บ้านเดิมอายุ 30 ปี) อยากจะหาบ้านใหม่อยู่ เพราะรอบๆข้าง สิ่งแวดล้อมไม่ค่อยดี มีปัญหายาเสพติด แต่ก็ยังดี ที่เค้าก็ไม่ได้มาวุ่นวายอะไรกับเรา
แต่ไปๆมาๆ มีคนกำลังจะมาซื้ออยู่แล้ว เพราะความกลัว และคิดมากของตัวเองว่า จะต้องรับผิดชอบ ส่งค่างวดบ้านคนเดียว ประมาณ 10,000 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 20-25 ปี เงินเดือน 30,000 ไหนจะต้องส่งรถอีกเดือนละ 7,000 (เพิ่งส่งมาได้เกือบ 2ปี)ไหนจะค่าใช้จ่ายประจำเดือนอีก ค่าห้องเช่า, ค่ากินอยู่ ฯลฯ
ซึ่งได้ลองมานั่งทบทวน และคำนวณดู กับรายได้ ซึ่งมีแค่เงินเดือนอยู่ทางเดียว เงินที่จะเอามาส่งบ้าน มันตึงเกินไปที่รับได้ถึง 20-25 ปี (ตึง คือไม่มีเงินเหลือเก็บ และทุกอย่างต้องพอดีเป๊ะ ในแต่ละเดือน) ซึ่งถ้ามีเหตุฉุกเฉิน จะเอาเงินที่ไหน ถ้าเราเจ็บ เราตายไป ใครจะรับช่วงต่อ
น้องก็ทำงานแล้ว แต่เงินเดือนไม่สูง และคิดว่าไม่พอสำหรับรับภาระตรงนี้แน่ๆ หากผมมีเหตุอะไรไปเสียก่อน
เลยให้แม่ ไปคุยกับคนที่จะซื้อ (ซึ่งเค้าเองก็กำลังเดินเรื่องทางแบงค์อยู่) ว่าจะขอระงับการขายไปก่อน แบบไม่มีกำหนด
ผมก็เลย รู้สึกเสียใจเหมือนกันที่บอกแม่ไปอย่างนั้น ทั้งๆ ที่แม่ก็ดีใจมาก ตอนที่บอกจะย้ายบ้าน เพราะแม่ผมเอง เค้าก็คิดอยู่เสมอว่า "บ้านยิ่งเก่า ราคาก็ยิ่งตก อยากรีบย้าย เพราะยิ่งอยู่ไป จากวันนี้อาจจะขายได้ล้านนึง ปีหน้าก็อาจจะเหลือแค่หลักแสน" นี่เป็นความคิดของแม่ผมนะ ไม่รู้ว่าถูกผิดอย่างไร
ผมก็เลยไม่รู้จะทำยังไง เสียใจก็เสียใจ ที่ทำตามที่แม่ขอไม่ได้ แต่แม่ก็บอกว่า "ไม่ต้องคิดมาก ไม่ขายก็ไม่เป็นไร บ้านเดิมแม่อยู่ได้ปกติดี" (แต่ในใจลึกๆ ผมว่าแม่เองก็เสียใจเหมือนกันนะ ผมคิดอย่างนั้น )
แต่อีกใจ ก็เป็นกังวลว่า ถ้าเราเลือกที่จะซื้อบ้านใหม่ โดยที่ภาระต่อเดือนมันตึงเกินไป จากที่เราเคยกินอยู่กันอย่างอุดมสมบูรณ์ ต้องมากินแบบเขียมๆ ถึง 20 ปี อะไรมันน่าจะมีความสุขมากกว่ากัน
แล้วถ้าผมตายไปล่ะ หรือตกงาน หรือพิการไปล่ะ คนที่เหลือจะอยู่กันยังไง ถ้าบ้านโดนยึดล่ะ แม่กับน้อง จะไปอยู่ที่ไหน
เลยบอกกับแม่ว่า ขอเวลาซัก 2 ปี ขอเก็บเงิน ให้ได้สักแสน สองแสนก็ยังดี ให้มีเงินก้อนบ้าง เพราะตอนนี้ เราไม่มีเงินเก็บกันเลย เงินจะดาวน์บ้านใหม่ คือก็ต้องรอจากการขายบ้านเดิมอย่างเดียว เผื่อเหลือเผื่อขาดอะไร ก็ไม่มีซักแดงเดียว
ถึงผมจะเสียใจมากแค่ไหน แต่ก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว ไม่รู้ว่ามันจะถูกผิดอย่างไร
แต่ก็ยังเสียใจอยู่ ที่ทำตามที่ให้สัญญากับแม่ไม่ได้
ขอบคุณทุกๆ ท่านนะครับ ที่ทนอ่านจนจบ เพราะบางที เรื่องบางเรื่อง เราเองก็ไม่อยากจะเล่าให้ทางบ้านฟัง เพราะกลัวว่าเค้าจะเครียดไปกับเราด้วย คิดอยู่คนเดียวก็มึนๆอึนๆ ปวดหัว นอนไม่หลับเพราะเรื่องนี้มาหลายคืนแล้ว
ขอขอบคุณอีกครั้งนะครับ