เปิดประเด็นไว้ในกระทู้เก่า ว่าด้วยประสบการณ์จากบ้านหลังแรก มาสู่หลังที่ 2 (และ 3, 4, 5 ถ้ามีปัญญา) เลยนึกได้ว่ามีเรื่องราวเยอะแยะมากมายที่น่าจะเอามาเล่าสู่กันฟังก่อนจะลืมเลือนกันไปเลยขอทำเป็นรีวิวบ้านตัวเองไว้ใน pantip ซะเลย
เกริ่นก่อนว่าบ้านหลังนี้ผมสร้างตั้งแต่ 14 ปีที่แล้วนะครับ และปัจจุบันก็ย้ายออกมาแล้ว เพราะลูกๆ เริ่มโตจึงต้องการบ้านที่มีบริเวณและพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น บ้านหลังที่รีวิวนี้ผมปล่อยให้เขาเช่าเป็น Office ซึ่งทำได้สวยมาก จะเอามารีวิวให้อีกครั้งถ้ามีโอกาส
บ้านหลังนี้ เป็นหลังแรกที่สร้างเองหลังจากเรียนจบได้ไม่นานครับ งบ 1.6 ล้านที่ว่าเป็นของเมื่อ 14 ปีที่แล้ว ซึ่งในเวลานั้นไม่มีใครคิดว่าจะสร้างอะไรได้ครับ จึงมีเสียงนกเสียงกาลอยมาเข้าหูอยู่เสมอว่า “สร้างทั้งทีสร้างให้มันดีๆ ไปเลย งบแค่นี้จะสร้างอะไรได้!” ก็ไม่มีเงินนี่ครับ แหม ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองเหมือนใครเขา
ก่อนจะสร้างบ้าน ต้องสำรวจตัวเองก่อนว่ามีกำลังได้แค่ไหน ตัวผมเองคิดจากเงินเดือนในเวลานั้นที่มีอยู่ 2 หมื่นนิดๆ คำนวณเบ็ดเสร็จจึงกู้ได้ราวๆ 1.2 ล้านบาท บวกกับเงินเก็บที่มีอีก 4 แสนก็ได้ 1.6 ล้านพอดี
งบประมาณเท่านี้ ถ้าใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านทั่วๆ ไปก็ได้แค่บ้านชั้นเดียวครับ อันนี้ใจดีแล้วนะ เพราะบางบริษัท (ที่โฆษณาเยอะแยะอยู่ในทุกวันนี้) ไม่คุยกับผมต่อด้วยซ้ำคงเพราะเห็นว่าไม่น่าจะมีปัญญาเป็นลูกค้าเขาได้
ทางเลือกเดียวในเวลานั้นก็คือการหาผู้รับเหมารายเล็กที่ไว้ใจได้ครับ หานานหน่อย เอาจากญาติพี่น้องที่เคยเห็นผลงานกันนี้แหละ
ส่วนแบบบ้าน ไม่ต้องคิดมากครับ เห็นหลังไหนถูกใจถ่ายรูปมาเลย แล้วให้ผู้รับเหมาถอดแบบเอา (ไม่อยากบอกเลยว่าหลังจากนั้นไม่นานดันได้งานทำด้านทรัพย์สินทางปัญญา 555)
ถอดแบบเสร็จ ตามคาดครับ “เกินงบ” คราวนี้มาสู่ขั้นตอนรัดเข็มขัดกันด้วยการหั่นสเป็ค ลดมันหมดเลยครับ สุขภัณฑ์ กระเบื้อง ประตู หน้าต่าง ฯลฯ อันใหญ่ที่สุดที่จำใจต้องตัดคือ “หลังคา” ลดไปได้เป็นแสนเลย
แล้วบ้านไม่มีหลังคามันจะหน้าตาเป็นยังไงหนอ...
- ออกมาเป็นกล่องแบบนี้ละครับ พยายามดัดแปลงให้ดู Modern ที่สุด แต่ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าบ้านทรงแบบนี้ โคตรไม่เหมาะกับบ้านเราเลยครับ ทั้ง “ร้อนและรั่ว” ใครชอบทรงนี้จริงๆ ต้องลงทุนเรื่องกันความร้อนให้มากๆ กับระบบระบายน้ำและกันซึม ซึ่งไม่มีทางทำได้ดีเท่าหลังคากระเบื้องทั่วไปเลย
ส่วนหลังข้างๆ ที่ติดกันนั้นเป็นคนละหลังกันนะครับ แค่สร้างพร้อมๆ กันเท่านั้นแต่เขาใช้งบมากกว่าผม 6 เท่า…
- สร้างเสร็จ แทบจะกินแกลบ ไม่เหลือแม้ตังค์ซื้อกระถางต้นไม้ เลยต้องปล่อยให้สนามหน้าบ้านเป็นสนามดินไปพลางๆ (ปีกว่าๆ)
- หลังจากทำ OT สอนพิเศษ เขียนหนังสือ รับจ็อบทั่วราชอาณาจักร ก็ได้เงินมาปูหญ้าเขียวขจีอย่างที่เห็น ที่จะฝากเตือนเพื่อนๆ ก็คืออย่าลืมเผื่องบ “ถมดิน” เอาไว้ด้วยเพราะมันมักจะบานปลายกว่าที่คิด ส่วนเรื่องทำสวน... รอไปก่อนนะ
- อยู่มาได้ระยะหนึ่งก็พบว่าพื้นที่ใช้สอย 130 ตารางเมตรมันช่างเหมาะกับช่วงข้าวใหม่ปลามันจริงๆ แต่พอมีลูกแล้วแทบจะตะแคงตัวไม่ได้เลยต้องหาพื้นที่เพิ่มครับ Option ง่ายสุดคือสร้างห้องนั่งเล่นจากโรงรถนี่แหละ ได้เนื้อที่เพิ่มมาอีก 30 ตรม. แต่งานนี้ได้ผู้รับเหมาห่วยครับ ผลคือทรุดในระยะเวลาแค่ 3 ปี เสียเงินซ่อมอีกเพราะไม่รอบคอบ
- โรงรถย้ายมาไว้หน้าบ้าน แต่ดันขี้เหนียวไม่ทำหลังคาให้ดี ถ้าเจอพายุนี่เปียกเข้าบ้านแน่นอน เป็นบทเรียนที่ 322
- อันนี้ห้องรับแขก ด้านหลังขยายครัวเพิ่มเข้าไปอีก แต่เจอปัญหาสามัญคือน้ำรั่วซึมช่วงรอยต่อ แถมแก้ไม่ตก จึงขอเตือนทุกท่านว่าจะต่อขยายอะไรนี่ระวังเรื่องนี้ให้ดีครับ
- อยู่มาได้ 5 ปีเพิ่งมีตังค์ทำสวน T_T
สรุปว่าบ้านหลังนี้ถึงจะมีปัญหาเยอะจากงบที่จำกัดเหลือเกิน แถมต่อเติมแล้วก็กลายเป็นการเพิ่มปัญหามากมาย แต่ก็เป็นบ้านที่อบอุ่นและพิสูจน์ให้ใครๆ ได้เห็นว่าทุกอย่างเป็นไปได้เสมอถ้าเราตั้งใจจริง
ผ่านไป 10 ปีทั้งผมและภรรยาจึงตัดสินใจสร้างบ้านใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการเราได้มากขึ้น โดยเฉพาะลูกคนเล็กที่เพิ่งคลอดออกมา จึงย้ายออกและรีโนเวทเป็นออฟฟิศให้เช่า แต่ยังไม่มีรูปครับ ขอยกยอดไปรีวิวครั้งหน้าก็แล้วกัน
สำหรับคนที่คิดจะสร้างบ้านและเจออุปสรรคมากมาย ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ และยืนยันว่าฝันของเราเป็นจริงได้เสมอถ้าเรามุ่งมั่นพอครับ
[CR] ประสบการณ์ : บ้านปลูกเองในงบ 1.6 ล้าน จะสร้างอะไรด๊าย...
เกริ่นก่อนว่าบ้านหลังนี้ผมสร้างตั้งแต่ 14 ปีที่แล้วนะครับ และปัจจุบันก็ย้ายออกมาแล้ว เพราะลูกๆ เริ่มโตจึงต้องการบ้านที่มีบริเวณและพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น บ้านหลังที่รีวิวนี้ผมปล่อยให้เขาเช่าเป็น Office ซึ่งทำได้สวยมาก จะเอามารีวิวให้อีกครั้งถ้ามีโอกาส
บ้านหลังนี้ เป็นหลังแรกที่สร้างเองหลังจากเรียนจบได้ไม่นานครับ งบ 1.6 ล้านที่ว่าเป็นของเมื่อ 14 ปีที่แล้ว ซึ่งในเวลานั้นไม่มีใครคิดว่าจะสร้างอะไรได้ครับ จึงมีเสียงนกเสียงกาลอยมาเข้าหูอยู่เสมอว่า “สร้างทั้งทีสร้างให้มันดีๆ ไปเลย งบแค่นี้จะสร้างอะไรได้!” ก็ไม่มีเงินนี่ครับ แหม ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองเหมือนใครเขา
ก่อนจะสร้างบ้าน ต้องสำรวจตัวเองก่อนว่ามีกำลังได้แค่ไหน ตัวผมเองคิดจากเงินเดือนในเวลานั้นที่มีอยู่ 2 หมื่นนิดๆ คำนวณเบ็ดเสร็จจึงกู้ได้ราวๆ 1.2 ล้านบาท บวกกับเงินเก็บที่มีอีก 4 แสนก็ได้ 1.6 ล้านพอดี
งบประมาณเท่านี้ ถ้าใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านทั่วๆ ไปก็ได้แค่บ้านชั้นเดียวครับ อันนี้ใจดีแล้วนะ เพราะบางบริษัท (ที่โฆษณาเยอะแยะอยู่ในทุกวันนี้) ไม่คุยกับผมต่อด้วยซ้ำคงเพราะเห็นว่าไม่น่าจะมีปัญญาเป็นลูกค้าเขาได้
ทางเลือกเดียวในเวลานั้นก็คือการหาผู้รับเหมารายเล็กที่ไว้ใจได้ครับ หานานหน่อย เอาจากญาติพี่น้องที่เคยเห็นผลงานกันนี้แหละ
ส่วนแบบบ้าน ไม่ต้องคิดมากครับ เห็นหลังไหนถูกใจถ่ายรูปมาเลย แล้วให้ผู้รับเหมาถอดแบบเอา (ไม่อยากบอกเลยว่าหลังจากนั้นไม่นานดันได้งานทำด้านทรัพย์สินทางปัญญา 555)
ถอดแบบเสร็จ ตามคาดครับ “เกินงบ” คราวนี้มาสู่ขั้นตอนรัดเข็มขัดกันด้วยการหั่นสเป็ค ลดมันหมดเลยครับ สุขภัณฑ์ กระเบื้อง ประตู หน้าต่าง ฯลฯ อันใหญ่ที่สุดที่จำใจต้องตัดคือ “หลังคา” ลดไปได้เป็นแสนเลย
แล้วบ้านไม่มีหลังคามันจะหน้าตาเป็นยังไงหนอ...
- ออกมาเป็นกล่องแบบนี้ละครับ พยายามดัดแปลงให้ดู Modern ที่สุด แต่ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าบ้านทรงแบบนี้ โคตรไม่เหมาะกับบ้านเราเลยครับ ทั้ง “ร้อนและรั่ว” ใครชอบทรงนี้จริงๆ ต้องลงทุนเรื่องกันความร้อนให้มากๆ กับระบบระบายน้ำและกันซึม ซึ่งไม่มีทางทำได้ดีเท่าหลังคากระเบื้องทั่วไปเลย
ส่วนหลังข้างๆ ที่ติดกันนั้นเป็นคนละหลังกันนะครับ แค่สร้างพร้อมๆ กันเท่านั้นแต่เขาใช้งบมากกว่าผม 6 เท่า…
- สร้างเสร็จ แทบจะกินแกลบ ไม่เหลือแม้ตังค์ซื้อกระถางต้นไม้ เลยต้องปล่อยให้สนามหน้าบ้านเป็นสนามดินไปพลางๆ (ปีกว่าๆ)
- หลังจากทำ OT สอนพิเศษ เขียนหนังสือ รับจ็อบทั่วราชอาณาจักร ก็ได้เงินมาปูหญ้าเขียวขจีอย่างที่เห็น ที่จะฝากเตือนเพื่อนๆ ก็คืออย่าลืมเผื่องบ “ถมดิน” เอาไว้ด้วยเพราะมันมักจะบานปลายกว่าที่คิด ส่วนเรื่องทำสวน... รอไปก่อนนะ
- อยู่มาได้ระยะหนึ่งก็พบว่าพื้นที่ใช้สอย 130 ตารางเมตรมันช่างเหมาะกับช่วงข้าวใหม่ปลามันจริงๆ แต่พอมีลูกแล้วแทบจะตะแคงตัวไม่ได้เลยต้องหาพื้นที่เพิ่มครับ Option ง่ายสุดคือสร้างห้องนั่งเล่นจากโรงรถนี่แหละ ได้เนื้อที่เพิ่มมาอีก 30 ตรม. แต่งานนี้ได้ผู้รับเหมาห่วยครับ ผลคือทรุดในระยะเวลาแค่ 3 ปี เสียเงินซ่อมอีกเพราะไม่รอบคอบ
- โรงรถย้ายมาไว้หน้าบ้าน แต่ดันขี้เหนียวไม่ทำหลังคาให้ดี ถ้าเจอพายุนี่เปียกเข้าบ้านแน่นอน เป็นบทเรียนที่ 322
- อันนี้ห้องรับแขก ด้านหลังขยายครัวเพิ่มเข้าไปอีก แต่เจอปัญหาสามัญคือน้ำรั่วซึมช่วงรอยต่อ แถมแก้ไม่ตก จึงขอเตือนทุกท่านว่าจะต่อขยายอะไรนี่ระวังเรื่องนี้ให้ดีครับ
- อยู่มาได้ 5 ปีเพิ่งมีตังค์ทำสวน T_T
สรุปว่าบ้านหลังนี้ถึงจะมีปัญหาเยอะจากงบที่จำกัดเหลือเกิน แถมต่อเติมแล้วก็กลายเป็นการเพิ่มปัญหามากมาย แต่ก็เป็นบ้านที่อบอุ่นและพิสูจน์ให้ใครๆ ได้เห็นว่าทุกอย่างเป็นไปได้เสมอถ้าเราตั้งใจจริง
ผ่านไป 10 ปีทั้งผมและภรรยาจึงตัดสินใจสร้างบ้านใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการเราได้มากขึ้น โดยเฉพาะลูกคนเล็กที่เพิ่งคลอดออกมา จึงย้ายออกและรีโนเวทเป็นออฟฟิศให้เช่า แต่ยังไม่มีรูปครับ ขอยกยอดไปรีวิวครั้งหน้าก็แล้วกัน
สำหรับคนที่คิดจะสร้างบ้านและเจออุปสรรคมากมาย ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ และยืนยันว่าฝันของเราเป็นจริงได้เสมอถ้าเรามุ่งมั่นพอครับ