อยากสอบถามความเห็น วิธีการ ในการ ปฏิบัติสมาธิกรรมฐาน ของเพื่อน พี่ น้อง ในห้องศาสนา ว่า มีวิธีการปฏิบัติกันอย่างไรบ้าง มีวิธีกรรมฐานอย่างไร บริกรรมอย่างไร ที่ผ่านมา ประสบการณ์ หรือ ปัญหาที่เกิดคืออะไร และ มีวิธีการแก้ไข ให้ผ่านสถานการณ์ หรือ มารที่เข้ามารบกวนในช่วงนั้นได้อย่างไร และ ณ ปัจจุบัน เป็นอย่างไรบ้างกับการปฏิบัติธรรม ได้ผลดีอย่างไรเกิดขึ้นกับตนเองบ้าง เพื่อให้เกิดประโยชน์ กับผู้ที่เริ่มปฏิบัติธรรม หรือ ผู้ที่กำลังปฏิบัติอยู่ เพื่อให้ก้าวหน้า หรือ เพิ่มวิธีทางความคิดให้ตนเองค่ะ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จขกท เพิ่งเริ่มปฏิบัติมาได้ประมาณ 1 ปีค่ะ แต่ที่เริ่มแบบเอาจริงเอาจังก็คือ 4 เดือนค่ะ สิ่งที่ทำคือ ...
เช้า (6 โมงครึ่ง) : สวดมนต์ประมาณ 15 นาที + นั่งสมาธิ 20-30 นาที + แผ่เมตตา กรวดน้ำ
เย็น (3 ทุ่ม) : สวดมนต์ยาวประมาณ 40 นาที + นั่งสมาธิ 30-60 นาที + แผ่เมตตา กรวดน้ำ
วิธีก็การปฏิบัติกรรมฐานคือ หลัก อาณาปาณสติ กำหนดดูลมหายใจเข้าออก พิจารณาลมค่ะ
โดยบางครั้งจะบริกรรม พุทโธ นึกถึงพระพุทธรูป บางครั้งก็จะบริกรรม เกษา โลมา นขา ทันตา ตะโจ โดยนึกถึงภาพร่างกายแต่ละส่วนไปด้วย
เคยมีครั้งหนึ่งที่เกิดอาการตัวพอง แล้วก้อตัวหด แต่เกิดความสงสัย จากนั้นก้อไม่เคยเกิดอาการอะไรอีกเลย
ปัญหาที่เกิด ณ ปัจจุบันคือ การนั่งสมาธิช่วงกลางคืน มักจะวูบ ตกภวังค์บ่อยมาก แทบทุกวัน โดยจะวูบแปบเดียว เหมือนจะตกเหวก็จะสะดุ้งรู้ตัวกลับมาดูลมต่อ แล้วสักพักก็วูบอีก ถ้าวันไหนไม่วูบ ก้อจะฟุ้งโดยจับไม่ได้ว่าฟุ้งเรื่องอะไร แต่พอรู้ว่าฟุ้งจะตั้งสติกลับมาที่ลมหายใจได้ทุกครั้ง แต่ก้อไม่นานก้อฟุ้งอีก เปนแบบนี้บ่อยมาก ไม่รู้จะแก้อย่างไร
สิ่งดีที่เกิดขึ้นกับตนเอง : เป็นคนที่ใจเย็นขึ้น เวลาทำอะไรจะไม่รีบทำ คิดก่อนทำ ไม่ใจร้อนวู่วาม การพูดจาดีขึ้น ไม่ค่อยพูดจาไม่ดี มีสติในการพูด แต่ก็กลายเป็นคนสงบๆ น่ิงๆ เงียบๆไปเลย ทั้งที่แต่ก่อนเคยเปนคนที่เหมือนกับลิง แต่ก็กลายเป็นคนสันโดษ ไม่ค่อยยุ่งกับใคร ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ไม่ค่อยพูดคุยกับคนข้างบ้านเท่าไหร่ เพราะกลับถึงบ้านก็จะอาบน้ำสวดมนต์ นั่งสมาธิ ไม่ได้ไปสังสรรค์กับใครๆเลย แล้วสิ่งที่รู้สึกอีกอย่างคือ รู้สึกว่า มองเห็นความสกปรกในใจตนเองมากขึ้น คือ เห็นว่าตัวเองมีความอิจฉาชัดเจน มีอารมณ์เกิดขึ้นชัด แต่ควบคุมการกระทำได้ และก็รู้สึกว่า เหมือนจับได้ว่าใครรู้สึกดีหรือไม่ได้ พูดดี หรือไม่ดีกับเรา ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า
ปัญหาที่เกิดตอนนี้ : รู้สึกว่าการปฏิบิติธรรมไม่ก้าวหน้าเลย ย่ำอยู่ที่เดิม จนบางทีรู้สึกท้อ จนบางทีก้อพัก 2-3 วัน ค่อยมาปฏิบัติใหม่ เพราะท้อ แต่ก้ไม่อยากเลิก เพราะอุตส่าห์มาทางนี้แล้ว ไม่อยากหยุดไปเลย
#_____# ขอรบกวนผู้ฝักใฝ่ในธรรม แลกเปลี่ยนและเสนอแนะวิธี ปฏิบัติสมาธิกรรมฐาน อย่างไร
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จขกท เพิ่งเริ่มปฏิบัติมาได้ประมาณ 1 ปีค่ะ แต่ที่เริ่มแบบเอาจริงเอาจังก็คือ 4 เดือนค่ะ สิ่งที่ทำคือ ...
เช้า (6 โมงครึ่ง) : สวดมนต์ประมาณ 15 นาที + นั่งสมาธิ 20-30 นาที + แผ่เมตตา กรวดน้ำ
เย็น (3 ทุ่ม) : สวดมนต์ยาวประมาณ 40 นาที + นั่งสมาธิ 30-60 นาที + แผ่เมตตา กรวดน้ำ
วิธีก็การปฏิบัติกรรมฐานคือ หลัก อาณาปาณสติ กำหนดดูลมหายใจเข้าออก พิจารณาลมค่ะ
โดยบางครั้งจะบริกรรม พุทโธ นึกถึงพระพุทธรูป บางครั้งก็จะบริกรรม เกษา โลมา นขา ทันตา ตะโจ โดยนึกถึงภาพร่างกายแต่ละส่วนไปด้วย
เคยมีครั้งหนึ่งที่เกิดอาการตัวพอง แล้วก้อตัวหด แต่เกิดความสงสัย จากนั้นก้อไม่เคยเกิดอาการอะไรอีกเลย
ปัญหาที่เกิด ณ ปัจจุบันคือ การนั่งสมาธิช่วงกลางคืน มักจะวูบ ตกภวังค์บ่อยมาก แทบทุกวัน โดยจะวูบแปบเดียว เหมือนจะตกเหวก็จะสะดุ้งรู้ตัวกลับมาดูลมต่อ แล้วสักพักก็วูบอีก ถ้าวันไหนไม่วูบ ก้อจะฟุ้งโดยจับไม่ได้ว่าฟุ้งเรื่องอะไร แต่พอรู้ว่าฟุ้งจะตั้งสติกลับมาที่ลมหายใจได้ทุกครั้ง แต่ก้อไม่นานก้อฟุ้งอีก เปนแบบนี้บ่อยมาก ไม่รู้จะแก้อย่างไร
สิ่งดีที่เกิดขึ้นกับตนเอง : เป็นคนที่ใจเย็นขึ้น เวลาทำอะไรจะไม่รีบทำ คิดก่อนทำ ไม่ใจร้อนวู่วาม การพูดจาดีขึ้น ไม่ค่อยพูดจาไม่ดี มีสติในการพูด แต่ก็กลายเป็นคนสงบๆ น่ิงๆ เงียบๆไปเลย ทั้งที่แต่ก่อนเคยเปนคนที่เหมือนกับลิง แต่ก็กลายเป็นคนสันโดษ ไม่ค่อยยุ่งกับใคร ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ไม่ค่อยพูดคุยกับคนข้างบ้านเท่าไหร่ เพราะกลับถึงบ้านก็จะอาบน้ำสวดมนต์ นั่งสมาธิ ไม่ได้ไปสังสรรค์กับใครๆเลย แล้วสิ่งที่รู้สึกอีกอย่างคือ รู้สึกว่า มองเห็นความสกปรกในใจตนเองมากขึ้น คือ เห็นว่าตัวเองมีความอิจฉาชัดเจน มีอารมณ์เกิดขึ้นชัด แต่ควบคุมการกระทำได้ และก็รู้สึกว่า เหมือนจับได้ว่าใครรู้สึกดีหรือไม่ได้ พูดดี หรือไม่ดีกับเรา ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า
ปัญหาที่เกิดตอนนี้ : รู้สึกว่าการปฏิบิติธรรมไม่ก้าวหน้าเลย ย่ำอยู่ที่เดิม จนบางทีรู้สึกท้อ จนบางทีก้อพัก 2-3 วัน ค่อยมาปฏิบัติใหม่ เพราะท้อ แต่ก้ไม่อยากเลิก เพราะอุตส่าห์มาทางนี้แล้ว ไม่อยากหยุดไปเลย