อาทิตย์อับแสง (บทที่ 6)
อาหารมื้อค่ำราคาเฉียดหมื่นของโรงแรมห้าดาวริมน้ำ ควรน่าจะอร่อยกว่านี้ ทว่าเกษรากลับไม่รู้สึกถึงรสชาตหรือดื่มด่ำไปกับบรรยากาศเลย
เธอกลับรู้สึกเบื่อเสียด้วยซ้ำ
ฟังคำพูดซ้ำๆ ซากๆ
แต่หญิงสาวก็จำอดทน จะไม่มา หรือไม่ทนก็ไม่ได้
บุรุษวัยหกสิบปีเศษที่นั่งร่วมโต๊ะกับเธอในมุมส่วนตัวของร้านอาหารหรูนั้น เป็นนักการเมืองที่กำลังเรืองอำนาจ มีขุมทรัพย์ทางธุรกิจหนุน การสนทนานั้นเป็นด้วยเรื่องต่างๆ ที่ทั้งวกเข้ามาในเรื่องส่วนตัว
การขอ…พยายามหว่านล้อมให้เธอคิดไตร่ตรองเรื่องข้อเสนอในการไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันอาทิตย์หน้า ด้วยค่าตอบแทนมหาศาล
แต่เกษราปฏิเสธ
ปฏิเสธ…จนเป็นเธอจำได้ขึ้นใจ
เพียงแต่ว่าอีกฝ่ายไม่สนใจ ยังคงเซ้าซี้ชักชวน แม้ว่าเธอจะอ้างเหตุผลร้อยแปด จนในที่สุดหญิงสาวต้องตัดบทอย่างเหลืออด ขอตัวกลับด้วยเหตุผลว่ามีงานเลี้ยงคืนนี้
การกล่าวลานักการเมืองนั้นเป็นไปอย่างนุ่มนวลด้วยจริต โดยคนแสดงทำใจว่า…มันก็แค่บทละครฉากหนึ่งเท่านั้นเอง
ยิ้มหวานอ่อนโยน เพียงแต่นัยน์ตาแข็งกร้าว เกษราไม่ใส่ใจแม้อีกฝ่ายจะพยายามรั้งเธอไว้
และเมื่อลุกขึ้นเดินออกมาแล้ว เธอจึงสังเกตุเห็นว่ามีคู่ชายหญิงกำลังนั่งกินข้าวอยู่อีกฟากของร้านอาหาร
ผู้ชายคนนั้นมองมาทางเธออยู่ก่อนแล้ว แววตาไม่กลบอาการตกใจอย่างยิ่งยวด
“ธัชชาติ...”
เกษราเองก็ตกใจ เพราะไม่คาดคิดว่าจะเจอ โดยเฉพาะเจอเขาอยู่กับ…ผู้หญิงคนนั้น
แววตาเยาะเย้ยของผู้หญิงคนนั้นพร้อมรอยยิ้มแสยะราวผู้กำชัยชนะ ฉายออกมาชัดเจน พอๆ กับมือที่เอื้อมไปกุมมือของธัชชาติ แสดงความเป็นเจ้าของ
เกือบแล้ว…เกษราเกือบปรี่เข้าไป หากพีทซี่และผู้ช่วยอีกคนรีบเข้ามาประกบ คว้าตัวและนำเธอออกไปนอกร้านอาหาร
ร่างของดาราสาวสั่นไหวๆ เพียงนิดด้วยอารมณ์ โกรธ…แค้น…เคือง
“ใจเย็นไว้ เราอยู่ต่อหน้าคนเยอะแยะนะ ยิ้มเข้าไว้” พีทซี่ต้องคอยกระซิบเตือนมาตลอดทาง
“ฉันไหว” เกษราบอกเช่นนั้น
ริมฝีปากบางแดงระเรื่อได้รูปสวยสั่นเพียงนิดเดียว หากสีหน้าที่บุคคลอื่นใดที่มองดาราสาวอย่างสนใจได้เห็นนั้นกลับมีรอยยิ้มสวย
ทุกอย่างเป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้นเอง
จนกระทั่งประตูอัตโนมัติของรถถูกปิดลงแล้ว หญิงสาวจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่
“มันควรจะจบได้แล้วนะ” เสียงของพีทซี่ดังเป็นการเตือนอีกฝ่าย “ความเจ็บปวดมันเจ็บ แถมกินไม่ได้อีกต่างหาก”
“โธ่…ไม่มีอะไรหรอกพีทซี่ เพียงแต่ว่าฉันแค้นใจ…แค้นนัก” เกษรามองออกไปด้านนอกของรถ ก่อนจะหันกลับมามองเพื่อน “และฉันก็คิดว่าเงินเป็นแสนๆ ค่าเสียเวลามานั่งกินข้าวกับไอ้เฒ่าหัวงูนั่นมันก็คุ้มเหมือนกันนะ กับที่ฉันมาเห็นชัชชาติกับผู้หญิงคนนั้น”
“รู้แบบนี้ก็ดีแล้ว แต่น่าจะรู้ก่อนที่เธอบินไปฮ่องกงนะ เสียเวลาเสียเงิน”
“แต่ฉันเสียดายเวลาสองปีที่คบกับเขา พอเริ่มจะรักเขา แล้วฉันก็ต้องมาเสียใจ” รอยยิ้มละมุนราวสร้างความมั่นใจให้เพื่อนและตัวเอง “แต่อย่าห่วงเลยพีทซี่ คอยดูเถอะฉันจะใช้เวลาไม่ถึงสองเดือนเพื่อลืมเขา”
“เธอทำได้อยู่แล้ว”
พีทซี่รู้ว่าคน…แกร่ง อย่างเกษราเคยทำได้ และจะต้องทำได้
ผู้หญิงหลายคนใช้เวลาเป็นเดือน หรือไม่ก็เป็นปี เพื่อที่จะลืมความรักที่ฝังใจ แต่นี่เกษรา…แม้จะรัก หากก็ยังไม่ฝังใจขนาดนั้น การลืมจึงไม่น่าจะยาก
“ฉันมีชีวิตจิตใจนะพีทซี่ ไม่อยากเป็นแค่ของเล่นของใคร หรือเป็นบันไดใครใช้ก้าวข้าม ฉันหวังว่าใครสักคนที่ฉันรักจะมีคุณค่าพอกับความรัก และมีคุณค่าพอที่ฉันจะเสียใจเพื่อเขา”
“ทุกคนก็หวังเช่นนั้น แต่ในเวลานี้อย่ามัวแต่ห่วงว่าใครรักเธออะไรยังไง เธอควรจะต้องรักตัวเองให้มากที่สุด”
เกษราพยักหน้าเห็นด้วยกับคำบอกของเพื่อนสนิท และเธอพยายามยิ้มให้แจ่มใสที่สุดเท่าที่จะทำได้
พีทซี่พูดถูก…ความเจ็บปวดเพราะหัวใจที่ปวดร้าวนั้นบาดลึก
รักมาก…เจ็บมาก
รัก…คนที่รักเรา แต่ก็คงไม่ดีเท่ากับที่เรารักตัวเอง
งานยังมีเข้ามาและมากขึ้นเรื่อยๆ งานที่เธอต้องปฏิเสธนั้นมีมากกว่างานที่รับเป็นหลายเท่าตัวนัก
ข่าวคาวกลับทำให้เธอเป็นที่สนใจยิ่งขึ้น ค่าตัวเรียกเพิ่มได้มากขึ้น
งานเดินแฟร์ชั่นโปรโมตคอลเลคชั่นใหม่ของกระเป๋าแบรนด์หรูจากฝรั่งเศสนั้นก็มีการปรับค่าตัวขึ้นเช่นกัน
และในฐานะดาราดังที่ ‘ข่าวคราว’ และ ‘ข่าวคาว’ มักถูกสาธารณะชนจับตามอง โดยเฉพาะตอนนี้ที่มีข่าวเรื่องรักร้าว นักข่าวในสื่อทุกแขนงย่อมไม่พลาดที่จะมาทำข่าว และอยู่รอให้จบงานเพื่อสัมภาษณ์เกษรา
และในวันนี้ก็เป็นอย่างที่คาดไว้ นักข่าวต่างกรู่เข้ามารัวถามตั้งประเด็นมากมาย
เรื่องงาน…การตอบนั้นไม่มีปัญหา
แต่เรื่องส่วนตัว…การตอบนั้นหมายถึงการปั้นหน้าเสมือนว่าทุกอย่างเป็นเพียงละครฉากหนึ่งที่เธอต้องเล่นอย่างจำใจ ทุ่มเททั้งหมดของหัวใจเพื่อสะกดความรู้สึกและตีสีหน้ายิ้มแย้ม
มีเพียงเจ้าตัวที่รู้ว่ามือตนนั้นเย็นเฉียบ ผนวกกับอาการปวดศีรษะ แต่… the show must go on!
“เยี่ยมมากเลยเกด” เสียงของพีทซี่นั้นดังเพียงกระซิบ “ตอบได้ดีมาก”
การตอบคำถามกับนักข่าวนั้นต้องฉะฉาน ห้ามลังเล ถ้าจะลังเลในคำตอบก็ควรทำด้วยจริตเพื่อเพิ่มความสนใจเท่านั้น
และเมื่อนักข่าวหมดความสนใจในเรื่องส่วนตัว คำถามจึงวกกลับมาเรื่องงาน พร้อมๆ กับความสนใจของเกษราที่พุ่งไปยังชายหญิงคู่หนึ่งที่ควงแขนกันอยู่ในงาน หากในเวลานี้ เธอทำได้แต่เพียงชำเลืองมองเป็นครั้งคราวเท่านั้น ออกจะนึกขบขันเมื่อเห็นการกระตุกแขนของผู้หญิงคนนั้นทุกครั้งที่คู่ควงของเธอทักทาย หรือแม้แต่เพียงแค่มองผู้หญิงคนอื่น
ยัยชินนภาจอมราวี…ทำตาถลนใส่ฝ่ายชาย จนคนที่มองอยู่ไกลๆ เช่นนางเอกสาวนึกสนุกขึ้นมา
และเมื่อพีทซี่ในฐานะผู้จัดการส่วนตัว และเหมียวเปรี้ยวผู้เป็นผู้ช่วยของเธอ บอกขอหยุดการสัมภาษณ์วันนี้เพียงเท่านี้เพราะเกษราต้องไปทักทายกับแขกผู้ใหญ่และเจ้าของงาน การซักถามและแสงแฟรชจึงค่อยๆ หยุด
เกษราทำหน้าที่ของผู้ถูกว่าจ้างให้ปรากฏตัวอย่างไม่บกพร่อง การทักทาย การยิ้มแย้มดูเป็นธรรมชาติ ไม่รู้สึกเหมือนเป็นการทำงานเลยสักนิดเดียว และเธอชินเสียแล้วกับความสนใจของแทบทุกคนที่พุ่งมาหาเธอ โดยเฉพาะในค่ำคืนนี้ ร่างเพรียวระหงในชุดกระโปรงสั้นสีเทาเผยให้เห็นสัดส่วนที่ผู้คนมักมองว่า…เซ็กซี่
เธอถูก…มองจนชิน จนสามารถบังคับตัวเองให้ไม่ใส่ใจ โดยทั้งหมดก็เพื่องานเท่านั้น ความเรียบร้อยของผู้หญิงสวยใสใบหน้าคมนัยน์ตาหวานเมื่อตอนเข้าวงการใหม่ๆ เกือบสิบปีก่อน มันขายได้ไม่นาน หนำซ้ำยังเป็นอันตรายเพราะพวกเสือ สิงห์ ที่หมายปอง
แต่แล้วภาพพจน์ของความ…แรง ที่ปรับเปลี่ยนในปีหลังๆ ทำให้เสือ สิงห์ยิ่งต้องการตัว หากก็ยังขยาดที่จะทำอะไรรุ่มร่าม
ความดังเป็นเกราะกำบังได้ดี เพราะถ้าใคร…รุ่มร่าม เธอก็มีทั้งสื่อที่พร้อมจะฟังเรื่องราว และแฟนคลับที่เตรียมปกป้องทุกที่
ชีวิตก็คือละคร แต่ละครของชีวิตจริง เธอต้องเป็นผู้เล่น ผู้เขียนบท และผู้กำกับ
คงเหมือนในเวลานี้ที่หญิงสาวเลือกที่จะแสดงและกำกับบทเอง โดยการก้าวไปหาคู่ชายหญิงที่ยืนอยู่อีกมุม ราวว่ากำลังตกลงอะไรกันอยู่
รอยยิ้มกว้างระยิบชวนมองของดาราสาวนั้นเป็นของคนที่กำลังจะเข้าฉากละคร
“คุณภูขา…” เกษราทอดเสียงหวานลากยาว เห็นแล้วสีหน้าตกใจของคนทั้งคู่
มือเล็กของเธอแกล้งแตะลงเบาๆ บนต้นแขนของชายหนุ่ม ก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปใกล้และกระซิบให้พอได้ยินกันสามคน
“แล้วเจอกันที่คอนโดนะคะ” การชายตามองเขานั้นด้วยจริต โดยที่เธอพยายามสะกดรอยขบขันสะใจไว้อย่างสุดความสามารถ “คืนนี้ฉันอาจจะไปดึกหน่อย ถ้าง่วงก็หลับไปก่อนนะ พอฉันไปถึงแล้วจะเข้าไปปลุกคุณเอง”
ว่าแล้วเกษราก็เดินออกไป โดยมีพีทซี่ที่มีสีหน้าตกใจตามหลัง
“ทำแบบนั้นทำไมเกด” ถ้ากรี๊ดได้พีทซี่ก็คงทำไปแล้ว “สู้เธอฆ่าคุณภูเก็ตให้ตายคามือเลยดีกว่า นี่ยัยชินนภาจอมราวียิ่งขึ้นชื่อเรื่องความขี้หึงอยู่ด้วย”
“สะใจไงพีทซี่ ฉันหมั่นไส้ยัยแม่มด แล้วก็หงุดหงิดกับอีตาภูเก็ตที่ไม่ยอมย้ายออกไปซะที ทีนี้อีตาภูเก็ตจะได้รู้ว่าอย่าเล่นแง่กับฉัน!”
รอยยิ้มสะใจค่อยๆ ปรากฏขึ้น แล้วจึงเปลี่ยนเป็นยิ้มที่อ่อนหวานสำหรับแฟนคลับหลายสิบคนที่ยืนรออยู่ด้านนอกของงาน
รอยยิ้มอ่อนหวาน…จริงใจ ที่คราวนี้ หญิงสาวยิ้มจากหัวใจจริงๆ
ไม่มีจริต ฤา มารยา
รถยุโรปคันเล็กที่วิ่งเข้ามาจอดบริเวณอาคารคอนโดสูงในอีกสองชั่วโมงต่อมานั้นกระชากตัวแรงวิ่งเข้ามาแล้วหักเบรกพลันเลี้ยวจอดในช่องที่จอดประจำ ซึ่งผิดวิสัยเจ้าของรถที่พนักงานของอาคารต่างคุ้นเคย
ดวงหน้าคมคายของชายหนุ่มไม่มีรอยยิ้ม คิ้วเข้มขมวดขึ้นจนเกือบติดกัน ริมฝีปากเหยีดเป็นเส้นตรงราวพยายามสะกดอารมณ์เต็มที่
เสียงแหลมของชินนภายังคงดังก้องแสบแก้วหู แม้ว่าเขาจะหนีออกมาจากผู้หญิงคนนั้นเกือบชั่วโมงที่แล้ว
ชินนภาขี้โวยวายและไร้เหตุผลอยู่แล้วเป็นเดิมทุน ให้เขาพยายามอธิบายอะไรเธอก็ไม่ยอมฟัง แต่คราวนี้จะโทษชินนภาก็คงไม่ได้
“นี่! นี่” ภูเก็ตกดออดหน้าห้องของ…เพื่อนบ้าน แถมส่งเสียงเรียกดัง ซึ่งก็ยังดังน้อยกว่าเสียงของชินนภาเมื่อครู่
และเมื่อประตูห้องพักบานใหญ่ถูกเปิดออก ชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะโวยทันที
“มันชักจะเกินไปแล้ว จะไล่ผมออกจากห้องไปก็หาทางตามกฏหมายไม่ใช่มาแกล้งกันแบบนี้ คุณทำให้เชอร์รี่เข้าใจผิด…”
“ฉันทำให้แฟนคุณเข้าใจถูกต้องต่างหาก” เกษราสวนขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างสะใจ “คุณเองก็มีผู้หญิงอื่นอีกหลายคนไม่ใช่เหรอ ก็…อย่างเช่นคนที่มานอนค้างกับคุณเมื่อคืนก่อนโน้น”
“นั่นมันเรื่องของผม” เขาตะคอกเสียงดังหงุดหงิด “คุณมันปีศาจแท้ๆ นางมารร้าย”
เพียงแต่อีกฝ่ายยักไหล่ ไม่สนใจ ดวงตาฉายแววรื่นรมย์เต็มที่ “แหม…ฉันก็แค่ทำตัวเป็นเพื่อนบ้านที่ดี”
“ถ้าความหมายของคำว่า…ดี…เป็นแบบคุณ ผมขอได้เพื่อนบ้านเลวๆ ดีกว่า”
“โถ…โถ” เสียงลากยาวแกมขบขัน แววตาดูแกมโกง “ก็แค่ทักปรกติว่าเจอกันที่คอนโด แหม...ก็เราก็เจอกันอยู่บ่อยๆ แล้วนี่ก็เจอจริงๆ คิดมากไปเอง”
คราวนี้เสียงถอนหายใจของอีกฝ่ายดังขึ้นอย่างเหลืออด ก่อนที่เขาจะชี้ไปทางห้องพักของตน “อยากได้มากใช่ไหมไอ้ห้องเนี๊ย”
“คุณก็น่าจะรู้”
“งั้น…เงินห้าล้านบวกกับค่าเช่าอีกเก้าเดือนที่เหลือ แล้วก็ค่ามัดจำสามเดือนด้วย”
“จะบ้าเหรอ ปล้นกันซะดีกว่า” เสียงแหลมอุทานตกใจราวว่าโดน…ปล้นจริงๆ “ใครเขาจะไปให้คุณ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ภูเก็ตจึงบอก “งั้นก็เลิกกวนผมเรื่องห้องนั้นอีก ผมจะไปก็ตราบเมื่อหมดวาระสัญญาแล้ว ซึ่งตามกฏหมายผมมีสิทธิ์ทุกอย่าง! และถ้าคุณมาระรานผมอีก ผมจะแจ้งความว่าคุณข่มขู่”
ว่าแล้วร่างสูงก็หันเดินกลับมาที่ห้องของตน ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะร้องโวยวายไล่หลังมา
และเมื่อเข้ามาในห้องแล้ว ภูเก็ตก็จัดแจงเปิดน้ำอุ่นเตรียมแช่ให้สบาย พร้อมทั้งเปิดไวน์แดงขวดที่เพิ่งได้มาจากลูกค้าเมื่อไม่กี่วันก่อน แล้วรินส่วนหนึ่งใน decanter เพื่อดื่มเมื่ออาบน้ำเสร็จ
ความไม่สบายใจที่รุมเร้าอยู่หลายเรื่องนั้นไม่สามารถบรรเทาด้วยน้ำอุ่นที่กรุ่นด้วยเครื่องหอม แม้แต่ไวน์รสเยี่ยมก็ไม่สามารถทำให้…ลืมได้
ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่…ถ้า…เมื่อกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
แม้แต่หัวข้อข่าวหลักในหนังสือพิมพ์วันนี้ก็เหมือนจะย้ำเตือน
แบงก์ไทยรายหนึ่งที่แม้ไม่ใช่ธนาคารอันดับต้นๆ แต่ในฐานะก็มั่นคง และเหมือนจะมั่งคั่งกว่าเดิมสำหรับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่เป็นเจ้าของ
มั่งคั่งพอที่จะให้ลูกสาวของเจ้าของใช้ชีวิตอย่างสบายๆ ได้บนกองเงินกองทองก้อนโต แต่ลูกสาวคนนั้น…
‘คุณรักฉันไหม’
คำถามเช่นนี้แม้จะเคยมีไม่กี่ครั้ง แต่ทั้งคนถามและคนถูกถามย่อมรู้ว่ามันควรต่อด้วยว่า
หรือว่ารักเพราะว่าฉันเป็นลูกใคร
(ต่อ)
อาทิตย์อับแสง (บทที่ 6) โดย มานัส
อาหารมื้อค่ำราคาเฉียดหมื่นของโรงแรมห้าดาวริมน้ำ ควรน่าจะอร่อยกว่านี้ ทว่าเกษรากลับไม่รู้สึกถึงรสชาตหรือดื่มด่ำไปกับบรรยากาศเลย
เธอกลับรู้สึกเบื่อเสียด้วยซ้ำ
ฟังคำพูดซ้ำๆ ซากๆ
แต่หญิงสาวก็จำอดทน จะไม่มา หรือไม่ทนก็ไม่ได้
บุรุษวัยหกสิบปีเศษที่นั่งร่วมโต๊ะกับเธอในมุมส่วนตัวของร้านอาหารหรูนั้น เป็นนักการเมืองที่กำลังเรืองอำนาจ มีขุมทรัพย์ทางธุรกิจหนุน การสนทนานั้นเป็นด้วยเรื่องต่างๆ ที่ทั้งวกเข้ามาในเรื่องส่วนตัว
การขอ…พยายามหว่านล้อมให้เธอคิดไตร่ตรองเรื่องข้อเสนอในการไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันอาทิตย์หน้า ด้วยค่าตอบแทนมหาศาล
แต่เกษราปฏิเสธ
ปฏิเสธ…จนเป็นเธอจำได้ขึ้นใจ
เพียงแต่ว่าอีกฝ่ายไม่สนใจ ยังคงเซ้าซี้ชักชวน แม้ว่าเธอจะอ้างเหตุผลร้อยแปด จนในที่สุดหญิงสาวต้องตัดบทอย่างเหลืออด ขอตัวกลับด้วยเหตุผลว่ามีงานเลี้ยงคืนนี้
การกล่าวลานักการเมืองนั้นเป็นไปอย่างนุ่มนวลด้วยจริต โดยคนแสดงทำใจว่า…มันก็แค่บทละครฉากหนึ่งเท่านั้นเอง
ยิ้มหวานอ่อนโยน เพียงแต่นัยน์ตาแข็งกร้าว เกษราไม่ใส่ใจแม้อีกฝ่ายจะพยายามรั้งเธอไว้
และเมื่อลุกขึ้นเดินออกมาแล้ว เธอจึงสังเกตุเห็นว่ามีคู่ชายหญิงกำลังนั่งกินข้าวอยู่อีกฟากของร้านอาหาร
ผู้ชายคนนั้นมองมาทางเธออยู่ก่อนแล้ว แววตาไม่กลบอาการตกใจอย่างยิ่งยวด
“ธัชชาติ...”
เกษราเองก็ตกใจ เพราะไม่คาดคิดว่าจะเจอ โดยเฉพาะเจอเขาอยู่กับ…ผู้หญิงคนนั้น
แววตาเยาะเย้ยของผู้หญิงคนนั้นพร้อมรอยยิ้มแสยะราวผู้กำชัยชนะ ฉายออกมาชัดเจน พอๆ กับมือที่เอื้อมไปกุมมือของธัชชาติ แสดงความเป็นเจ้าของ
เกือบแล้ว…เกษราเกือบปรี่เข้าไป หากพีทซี่และผู้ช่วยอีกคนรีบเข้ามาประกบ คว้าตัวและนำเธอออกไปนอกร้านอาหาร
ร่างของดาราสาวสั่นไหวๆ เพียงนิดด้วยอารมณ์ โกรธ…แค้น…เคือง
“ใจเย็นไว้ เราอยู่ต่อหน้าคนเยอะแยะนะ ยิ้มเข้าไว้” พีทซี่ต้องคอยกระซิบเตือนมาตลอดทาง
“ฉันไหว” เกษราบอกเช่นนั้น
ริมฝีปากบางแดงระเรื่อได้รูปสวยสั่นเพียงนิดเดียว หากสีหน้าที่บุคคลอื่นใดที่มองดาราสาวอย่างสนใจได้เห็นนั้นกลับมีรอยยิ้มสวย
ทุกอย่างเป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้นเอง
จนกระทั่งประตูอัตโนมัติของรถถูกปิดลงแล้ว หญิงสาวจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่
“มันควรจะจบได้แล้วนะ” เสียงของพีทซี่ดังเป็นการเตือนอีกฝ่าย “ความเจ็บปวดมันเจ็บ แถมกินไม่ได้อีกต่างหาก”
“โธ่…ไม่มีอะไรหรอกพีทซี่ เพียงแต่ว่าฉันแค้นใจ…แค้นนัก” เกษรามองออกไปด้านนอกของรถ ก่อนจะหันกลับมามองเพื่อน “และฉันก็คิดว่าเงินเป็นแสนๆ ค่าเสียเวลามานั่งกินข้าวกับไอ้เฒ่าหัวงูนั่นมันก็คุ้มเหมือนกันนะ กับที่ฉันมาเห็นชัชชาติกับผู้หญิงคนนั้น”
“รู้แบบนี้ก็ดีแล้ว แต่น่าจะรู้ก่อนที่เธอบินไปฮ่องกงนะ เสียเวลาเสียเงิน”
“แต่ฉันเสียดายเวลาสองปีที่คบกับเขา พอเริ่มจะรักเขา แล้วฉันก็ต้องมาเสียใจ” รอยยิ้มละมุนราวสร้างความมั่นใจให้เพื่อนและตัวเอง “แต่อย่าห่วงเลยพีทซี่ คอยดูเถอะฉันจะใช้เวลาไม่ถึงสองเดือนเพื่อลืมเขา”
“เธอทำได้อยู่แล้ว”
พีทซี่รู้ว่าคน…แกร่ง อย่างเกษราเคยทำได้ และจะต้องทำได้
ผู้หญิงหลายคนใช้เวลาเป็นเดือน หรือไม่ก็เป็นปี เพื่อที่จะลืมความรักที่ฝังใจ แต่นี่เกษรา…แม้จะรัก หากก็ยังไม่ฝังใจขนาดนั้น การลืมจึงไม่น่าจะยาก
“ฉันมีชีวิตจิตใจนะพีทซี่ ไม่อยากเป็นแค่ของเล่นของใคร หรือเป็นบันไดใครใช้ก้าวข้าม ฉันหวังว่าใครสักคนที่ฉันรักจะมีคุณค่าพอกับความรัก และมีคุณค่าพอที่ฉันจะเสียใจเพื่อเขา”
“ทุกคนก็หวังเช่นนั้น แต่ในเวลานี้อย่ามัวแต่ห่วงว่าใครรักเธออะไรยังไง เธอควรจะต้องรักตัวเองให้มากที่สุด”
เกษราพยักหน้าเห็นด้วยกับคำบอกของเพื่อนสนิท และเธอพยายามยิ้มให้แจ่มใสที่สุดเท่าที่จะทำได้
พีทซี่พูดถูก…ความเจ็บปวดเพราะหัวใจที่ปวดร้าวนั้นบาดลึก
รักมาก…เจ็บมาก
รัก…คนที่รักเรา แต่ก็คงไม่ดีเท่ากับที่เรารักตัวเอง
งานยังมีเข้ามาและมากขึ้นเรื่อยๆ งานที่เธอต้องปฏิเสธนั้นมีมากกว่างานที่รับเป็นหลายเท่าตัวนัก
ข่าวคาวกลับทำให้เธอเป็นที่สนใจยิ่งขึ้น ค่าตัวเรียกเพิ่มได้มากขึ้น
งานเดินแฟร์ชั่นโปรโมตคอลเลคชั่นใหม่ของกระเป๋าแบรนด์หรูจากฝรั่งเศสนั้นก็มีการปรับค่าตัวขึ้นเช่นกัน
และในฐานะดาราดังที่ ‘ข่าวคราว’ และ ‘ข่าวคาว’ มักถูกสาธารณะชนจับตามอง โดยเฉพาะตอนนี้ที่มีข่าวเรื่องรักร้าว นักข่าวในสื่อทุกแขนงย่อมไม่พลาดที่จะมาทำข่าว และอยู่รอให้จบงานเพื่อสัมภาษณ์เกษรา
และในวันนี้ก็เป็นอย่างที่คาดไว้ นักข่าวต่างกรู่เข้ามารัวถามตั้งประเด็นมากมาย
เรื่องงาน…การตอบนั้นไม่มีปัญหา
แต่เรื่องส่วนตัว…การตอบนั้นหมายถึงการปั้นหน้าเสมือนว่าทุกอย่างเป็นเพียงละครฉากหนึ่งที่เธอต้องเล่นอย่างจำใจ ทุ่มเททั้งหมดของหัวใจเพื่อสะกดความรู้สึกและตีสีหน้ายิ้มแย้ม
มีเพียงเจ้าตัวที่รู้ว่ามือตนนั้นเย็นเฉียบ ผนวกกับอาการปวดศีรษะ แต่… the show must go on!
“เยี่ยมมากเลยเกด” เสียงของพีทซี่นั้นดังเพียงกระซิบ “ตอบได้ดีมาก”
การตอบคำถามกับนักข่าวนั้นต้องฉะฉาน ห้ามลังเล ถ้าจะลังเลในคำตอบก็ควรทำด้วยจริตเพื่อเพิ่มความสนใจเท่านั้น
และเมื่อนักข่าวหมดความสนใจในเรื่องส่วนตัว คำถามจึงวกกลับมาเรื่องงาน พร้อมๆ กับความสนใจของเกษราที่พุ่งไปยังชายหญิงคู่หนึ่งที่ควงแขนกันอยู่ในงาน หากในเวลานี้ เธอทำได้แต่เพียงชำเลืองมองเป็นครั้งคราวเท่านั้น ออกจะนึกขบขันเมื่อเห็นการกระตุกแขนของผู้หญิงคนนั้นทุกครั้งที่คู่ควงของเธอทักทาย หรือแม้แต่เพียงแค่มองผู้หญิงคนอื่น
ยัยชินนภาจอมราวี…ทำตาถลนใส่ฝ่ายชาย จนคนที่มองอยู่ไกลๆ เช่นนางเอกสาวนึกสนุกขึ้นมา
และเมื่อพีทซี่ในฐานะผู้จัดการส่วนตัว และเหมียวเปรี้ยวผู้เป็นผู้ช่วยของเธอ บอกขอหยุดการสัมภาษณ์วันนี้เพียงเท่านี้เพราะเกษราต้องไปทักทายกับแขกผู้ใหญ่และเจ้าของงาน การซักถามและแสงแฟรชจึงค่อยๆ หยุด
เกษราทำหน้าที่ของผู้ถูกว่าจ้างให้ปรากฏตัวอย่างไม่บกพร่อง การทักทาย การยิ้มแย้มดูเป็นธรรมชาติ ไม่รู้สึกเหมือนเป็นการทำงานเลยสักนิดเดียว และเธอชินเสียแล้วกับความสนใจของแทบทุกคนที่พุ่งมาหาเธอ โดยเฉพาะในค่ำคืนนี้ ร่างเพรียวระหงในชุดกระโปรงสั้นสีเทาเผยให้เห็นสัดส่วนที่ผู้คนมักมองว่า…เซ็กซี่
เธอถูก…มองจนชิน จนสามารถบังคับตัวเองให้ไม่ใส่ใจ โดยทั้งหมดก็เพื่องานเท่านั้น ความเรียบร้อยของผู้หญิงสวยใสใบหน้าคมนัยน์ตาหวานเมื่อตอนเข้าวงการใหม่ๆ เกือบสิบปีก่อน มันขายได้ไม่นาน หนำซ้ำยังเป็นอันตรายเพราะพวกเสือ สิงห์ ที่หมายปอง
แต่แล้วภาพพจน์ของความ…แรง ที่ปรับเปลี่ยนในปีหลังๆ ทำให้เสือ สิงห์ยิ่งต้องการตัว หากก็ยังขยาดที่จะทำอะไรรุ่มร่าม
ความดังเป็นเกราะกำบังได้ดี เพราะถ้าใคร…รุ่มร่าม เธอก็มีทั้งสื่อที่พร้อมจะฟังเรื่องราว และแฟนคลับที่เตรียมปกป้องทุกที่
ชีวิตก็คือละคร แต่ละครของชีวิตจริง เธอต้องเป็นผู้เล่น ผู้เขียนบท และผู้กำกับ
คงเหมือนในเวลานี้ที่หญิงสาวเลือกที่จะแสดงและกำกับบทเอง โดยการก้าวไปหาคู่ชายหญิงที่ยืนอยู่อีกมุม ราวว่ากำลังตกลงอะไรกันอยู่
รอยยิ้มกว้างระยิบชวนมองของดาราสาวนั้นเป็นของคนที่กำลังจะเข้าฉากละคร
“คุณภูขา…” เกษราทอดเสียงหวานลากยาว เห็นแล้วสีหน้าตกใจของคนทั้งคู่
มือเล็กของเธอแกล้งแตะลงเบาๆ บนต้นแขนของชายหนุ่ม ก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปใกล้และกระซิบให้พอได้ยินกันสามคน
“แล้วเจอกันที่คอนโดนะคะ” การชายตามองเขานั้นด้วยจริต โดยที่เธอพยายามสะกดรอยขบขันสะใจไว้อย่างสุดความสามารถ “คืนนี้ฉันอาจจะไปดึกหน่อย ถ้าง่วงก็หลับไปก่อนนะ พอฉันไปถึงแล้วจะเข้าไปปลุกคุณเอง”
ว่าแล้วเกษราก็เดินออกไป โดยมีพีทซี่ที่มีสีหน้าตกใจตามหลัง
“ทำแบบนั้นทำไมเกด” ถ้ากรี๊ดได้พีทซี่ก็คงทำไปแล้ว “สู้เธอฆ่าคุณภูเก็ตให้ตายคามือเลยดีกว่า นี่ยัยชินนภาจอมราวียิ่งขึ้นชื่อเรื่องความขี้หึงอยู่ด้วย”
“สะใจไงพีทซี่ ฉันหมั่นไส้ยัยแม่มด แล้วก็หงุดหงิดกับอีตาภูเก็ตที่ไม่ยอมย้ายออกไปซะที ทีนี้อีตาภูเก็ตจะได้รู้ว่าอย่าเล่นแง่กับฉัน!”
รอยยิ้มสะใจค่อยๆ ปรากฏขึ้น แล้วจึงเปลี่ยนเป็นยิ้มที่อ่อนหวานสำหรับแฟนคลับหลายสิบคนที่ยืนรออยู่ด้านนอกของงาน
รอยยิ้มอ่อนหวาน…จริงใจ ที่คราวนี้ หญิงสาวยิ้มจากหัวใจจริงๆ
ไม่มีจริต ฤา มารยา
รถยุโรปคันเล็กที่วิ่งเข้ามาจอดบริเวณอาคารคอนโดสูงในอีกสองชั่วโมงต่อมานั้นกระชากตัวแรงวิ่งเข้ามาแล้วหักเบรกพลันเลี้ยวจอดในช่องที่จอดประจำ ซึ่งผิดวิสัยเจ้าของรถที่พนักงานของอาคารต่างคุ้นเคย
ดวงหน้าคมคายของชายหนุ่มไม่มีรอยยิ้ม คิ้วเข้มขมวดขึ้นจนเกือบติดกัน ริมฝีปากเหยีดเป็นเส้นตรงราวพยายามสะกดอารมณ์เต็มที่
เสียงแหลมของชินนภายังคงดังก้องแสบแก้วหู แม้ว่าเขาจะหนีออกมาจากผู้หญิงคนนั้นเกือบชั่วโมงที่แล้ว
ชินนภาขี้โวยวายและไร้เหตุผลอยู่แล้วเป็นเดิมทุน ให้เขาพยายามอธิบายอะไรเธอก็ไม่ยอมฟัง แต่คราวนี้จะโทษชินนภาก็คงไม่ได้
“นี่! นี่” ภูเก็ตกดออดหน้าห้องของ…เพื่อนบ้าน แถมส่งเสียงเรียกดัง ซึ่งก็ยังดังน้อยกว่าเสียงของชินนภาเมื่อครู่
และเมื่อประตูห้องพักบานใหญ่ถูกเปิดออก ชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะโวยทันที
“มันชักจะเกินไปแล้ว จะไล่ผมออกจากห้องไปก็หาทางตามกฏหมายไม่ใช่มาแกล้งกันแบบนี้ คุณทำให้เชอร์รี่เข้าใจผิด…”
“ฉันทำให้แฟนคุณเข้าใจถูกต้องต่างหาก” เกษราสวนขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างสะใจ “คุณเองก็มีผู้หญิงอื่นอีกหลายคนไม่ใช่เหรอ ก็…อย่างเช่นคนที่มานอนค้างกับคุณเมื่อคืนก่อนโน้น”
“นั่นมันเรื่องของผม” เขาตะคอกเสียงดังหงุดหงิด “คุณมันปีศาจแท้ๆ นางมารร้าย”
เพียงแต่อีกฝ่ายยักไหล่ ไม่สนใจ ดวงตาฉายแววรื่นรมย์เต็มที่ “แหม…ฉันก็แค่ทำตัวเป็นเพื่อนบ้านที่ดี”
“ถ้าความหมายของคำว่า…ดี…เป็นแบบคุณ ผมขอได้เพื่อนบ้านเลวๆ ดีกว่า”
“โถ…โถ” เสียงลากยาวแกมขบขัน แววตาดูแกมโกง “ก็แค่ทักปรกติว่าเจอกันที่คอนโด แหม...ก็เราก็เจอกันอยู่บ่อยๆ แล้วนี่ก็เจอจริงๆ คิดมากไปเอง”
คราวนี้เสียงถอนหายใจของอีกฝ่ายดังขึ้นอย่างเหลืออด ก่อนที่เขาจะชี้ไปทางห้องพักของตน “อยากได้มากใช่ไหมไอ้ห้องเนี๊ย”
“คุณก็น่าจะรู้”
“งั้น…เงินห้าล้านบวกกับค่าเช่าอีกเก้าเดือนที่เหลือ แล้วก็ค่ามัดจำสามเดือนด้วย”
“จะบ้าเหรอ ปล้นกันซะดีกว่า” เสียงแหลมอุทานตกใจราวว่าโดน…ปล้นจริงๆ “ใครเขาจะไปให้คุณ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ภูเก็ตจึงบอก “งั้นก็เลิกกวนผมเรื่องห้องนั้นอีก ผมจะไปก็ตราบเมื่อหมดวาระสัญญาแล้ว ซึ่งตามกฏหมายผมมีสิทธิ์ทุกอย่าง! และถ้าคุณมาระรานผมอีก ผมจะแจ้งความว่าคุณข่มขู่”
ว่าแล้วร่างสูงก็หันเดินกลับมาที่ห้องของตน ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะร้องโวยวายไล่หลังมา
และเมื่อเข้ามาในห้องแล้ว ภูเก็ตก็จัดแจงเปิดน้ำอุ่นเตรียมแช่ให้สบาย พร้อมทั้งเปิดไวน์แดงขวดที่เพิ่งได้มาจากลูกค้าเมื่อไม่กี่วันก่อน แล้วรินส่วนหนึ่งใน decanter เพื่อดื่มเมื่ออาบน้ำเสร็จ
ความไม่สบายใจที่รุมเร้าอยู่หลายเรื่องนั้นไม่สามารถบรรเทาด้วยน้ำอุ่นที่กรุ่นด้วยเครื่องหอม แม้แต่ไวน์รสเยี่ยมก็ไม่สามารถทำให้…ลืมได้
ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่…ถ้า…เมื่อกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
แม้แต่หัวข้อข่าวหลักในหนังสือพิมพ์วันนี้ก็เหมือนจะย้ำเตือน
แบงก์ไทยรายหนึ่งที่แม้ไม่ใช่ธนาคารอันดับต้นๆ แต่ในฐานะก็มั่นคง และเหมือนจะมั่งคั่งกว่าเดิมสำหรับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่เป็นเจ้าของ
มั่งคั่งพอที่จะให้ลูกสาวของเจ้าของใช้ชีวิตอย่างสบายๆ ได้บนกองเงินกองทองก้อนโต แต่ลูกสาวคนนั้น…
‘คุณรักฉันไหม’
คำถามเช่นนี้แม้จะเคยมีไม่กี่ครั้ง แต่ทั้งคนถามและคนถูกถามย่อมรู้ว่ามันควรต่อด้วยว่า
หรือว่ารักเพราะว่าฉันเป็นลูกใคร
(ต่อ)