วันนี้ขอแวะมาแบ่งปันเรื่องราว ประสบการณ์ และ"ความประทับใจ"ที่ได้ไปเกาหลีใต้ ในแบบที่"ไม่เคยคุ้นเคย"มาก่อนครับ
ยาวหน่อยนะค้าบ แหะๆ
วันนึง.. ผมและเพื่อนของผมอีกคน ก็ได้เริ่มมีความคิดกันเล่นๆว่า เอ๊ะ! เราเรียนมากไปหรือเปล่า ? อยากลองพักผ่อน ลองเปิดโลกดูบ้างสักครั้ง แทนที่วันหยุดจะต้องเข้าตามสถาบันกวดวิชาต่างๆ อยากจะลองใช้ชีวิตแบบชิวล์ๆใน ม.ปลาย อย่างเต็มที่สักครั้ง ..
โดยจะมีวันหยุดยาวของโรงเรียนในอีกประมาณ 3 สัปดาห์เศษๆข้างหน้า เราก็คิดว่า คงเป็นไปไม่ได้หรอก ฝันชัดๆ ยังไม่ได้เตรียมตัวสักนิดเลย แผนก็ไม่เคยมี . . แต่แล้วก็เริ่มจะจริงจังขึ้นเรื่อยๆ แต่ติดที่ไม่กล้าจะรบกวนเงินของพ่อแม่มากครับ.. แต่ผมก็ลองพยายามหาทางดู .. เอาละวะ! มันต้องลองดูสักตั้ง!!!
เริ่มจากหาที่พักครับ .. โดยเราได้ทำหนังสือขออาศัยที่พักของ รร. แห่งหนึ่งใกล้ๆกับ ม.ซุงคยุนกวาน (อยากประหยัดงบ อย่างน้อยก็น่าจะถูกกว่าโรงแรม หรือ โฮสเต็ล และผมเป็นนักเรียนอยู่ด้วย ใช้ความเป็นนักเรียนให้เป็นประโยชน์ หึหึ
) และด้วยผมเคยไปทัศนศึกษาที่เกาหลีครั้งหนึ่งกับทาง รร. แล้วเคยพักที่นี่ เลยลุ้นว่าเค้าจะให้ไหม ปรากฏว่า...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เค้าให้ ที่พักฟรีตลอดทริป!!!! 14 วัน 13 คืน กันเลยทีเดียว ผอ. ใจดีมากมายเลยครับ เป็นปลื้ม มีลุ้นว่าน่าจะขอพ่อแม่ได้ง่ายขึ้น ><
จากนั้นก็ได้เริ่มหาตั๋วเครื่องบิน . . (เคยรีวิวไว้ตามทู้นี้เลยค้าบ >>
http://ppantip.com/topic/31543682) ปรากฏว่าเจอราคาที่โอเคอยู่ พอที่จะแงะเงินที่เก็บมาตั้งแต่สมัยเด็กๆได้พอครับ
เลยลองปรึกษาที่บ้าน และที่บ้านก็ไฟเขียว อนุญาตค้าบ !! เย้
จากนั้นก็มีท่านอาจารย์ที่เป็นชาวไทย ท่านเป็นนักวิจัยในเกาหลี เป็น ดร. ด้วยนะ >< ท่านติดต่อมาทาง facebook ผม ด้วยความที่เคยไปค่ายทัศนศึกษากับ รร. แล้วไปเจอท่านด้วยเมื่อคราวก่อน แต่คราวก่อนก็ไม่ได้ถึงกับพูดคุยกันบ่อยครับ
ท่านถามถึงแผนการว่าจะไปไหน ยังไง (ตอนนั้นแห้งมาก ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะไม่ได้เตรียมตัวเลยครับ กะจะไปตายเอาดาบหน้าละกัน 5555+)
เมื่อถึงวันเดินทาง ท่านก็แอบไปรับที่สนามบินอินชอนด้วยหล่ะ ท่านบอกกลัวเราหลง 55555 (เกรงใจมากครับ เพราะจากอินชอนไปโซลไม่ใช่ใกล้ๆเลยครับ อีกอย่างก็ดึกด้วย) ก่อนจะถึงที่พัก ท่านพาเลี้ยง แวะซื้อของ ขนมมากมายให้ทานเลย (ทานไปหนาวไป) ><
ในแต่ละวัน.. อาจารย์ท่านก็จะดูแลผมและเพื่อนอีกคนนึง คอยทำอาหารให้ทานในช่วงที่อาจารย์เค้าว่าง (บ้านของอาจารย์อยู่ติดกับหอพักของ รร. ที่ผมอาศัยอยู่ครับ เวลามื้อไหนท่านเลี้ยงก็จะ line มาหาผมให้มาที่บ้านครับ) หลายๆมื้อก็คอยพาไปทานนอกสถานที่มากมาย พาไปเที่ยวตามที่ต่างๆในช่วงแรกๆ กลัวเราจะไม่ชิน จะหลงเอา อย่างกับเป็นลูกของท่านคนนึงเลย อยากจะบอกว่ารู้สึกอบอุ่นมากๆครับ..
พอผ่านไปได้สัก 4-5 วัน พวกผมก็เริ่มศึกษาเส้นทาง ออกเดินทาง ท่องเที่ยวเรื่อยๆกันเองบ้างทั้งในโซล และต่างจังหวัดครับ
ระหว่างทางก็มีหลงบ้าง แบบว่าผมจะดูข้อมูลใน internet ก่อนเดินทาง แต่ไปเจอข้อมูลที่ไม่อัพเดทครับ มีอยู่วันนึง ผมจะไปชายแดนเกาหลีเหนือ-ใต้ (DMZ) ในเว็บบอกสายรถเมล์ที่เค้าเปลี่ยนเส้นทางไปนานแล้ว ก็สรุปว่าไม่ได้ไปจุดหมายที่เราต้องการ ก็ต้องลงรถเมล์ หาทางกลับไปป้ายเดิม
แล้วก็ถามคนแถวนั้นครับ คนเกาหลีบางทีก็ไม่กลัวชาวต่างชาติครับ พยายามจะช่วยเราให้ได้ พยายามบอกทาง บอกสายรถเมล์ที่ถูกให้ครับ เค้าเสียเวลากับผมในการช่วยหาข้อมูลเป็นครึ่ง ชม. เลย แถมเดินไปย้ำคนขับรถเมล์ให้เตือนพวกผมตอนถึงที่หมายด้วย จนผมต้องให้ของที่ระลึกกับเค้าครับ รู้สึกซึ้งใจมากๆครับ
จนถึงวันอาทิตย์.. มาถึง ผมเป็นคริสเตียนครับ ก็เลยลองพาเพื่อนอีกคนนึง เข้าโบสถ์ที่เกาหลีดูสักครั้ง (ที่เกาหลีโบสถ์เยอะมากๆครับ) .. จนเมื่อโบสถ์เลิก ผมก็เดินไปเรื่อยๆ ในโบสถ์ ก็ได้พบกับ pastor อายุราวๆ 45 ปี ท่านนึงมาถามว่า "Where are you form?" เราก็บอกว่า "Thailand" (คงทราบจากปฏิคมของโบสถ์ว่าเราเป็นชาวต่างชาติครับ) .. ก็แนะนำตัวไป ชวนคุยต่างๆนานา จนเค้าชวนไปทานอาหารเที่ยงแบบจัดเต็มมากก ทานกาแฟ แล้วก็กลับมาที่โบสถ์ เค้าก็มาเสิร์ฟของว่าง ผลไม้มากมายย ต่างๆนานา (กันเองมากๆ) พาเราเดินรอบๆโบสถ์ ไปหาผู้อาวุโส ฯลฯ อย่างกับแขก VIP มากๆเลย ทั้งๆที่เราเป็นแค่เด็ก นร. ธรรมดาๆคนนึง "ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วย" ได้รู้ซึ้งถึงความรักระหว่างเพื่อนมนุษย์จริงๆครับ แถมมีของฝากให้กลับไทยไปอย่างเต็มไม้เต็มมือ. . วันนั้นจำได้ว่าขึ้น subway กลับที่พักได้ลำบากมากเลยทีเดียว 555 ><
กลับมาในที่พักครับ.. บางวันก็จะมีครูแม่บ้านที่หอพัก (เป็นทั้งครู และเป็นแม่บ้าน) ดึกๆก็อุส่าห์คอยเข้ามาเยี่ยมห้องพัก เอาขนมมาให้บ่อยๆ ท่านพูดอังกฤษได้คล่องมาก และมีอาจุมม่า (คุณป้า) เป็นแม่บ้านอีกคนนึง พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แต่พยายามจะสื่อสารให้เราเข้าใจครับ ดูอบอุ่นและน่ารักมากๆเลย
และในวันปีใหม่ ผอ. ที่ รร. ที่ผมอาศัยพักอยู่ก็แวะมาเยี่ยมที่ห้องครับ เอาสมุดโน๊ตไดอารี่มาให้ บอกอวยพรปีใหม่ด้วยครับ ท่านใจดีจริงๆ หลงรักชาวเกาหลีไปเต็มๆ <3
ไปทริปเองครั้งนี้ ได้เที่ยวเยอะมากๆ ได้พบปะกับเพื่อนๆอายุราวๆเดียวกันที่หอพักของ รร. ด้วย ไม่น่าเชื่อว่า 2 อาทิตย์ ผมได้ภาษาเกาหลีมาเยอะมากเลย ได้ทั้งความอบอุ่นดั่งเป็นลูกๆของเค้าเอง.. อยากจะบอกว่า จะไม่ลืมพระคุณทุกอย่างที่ท่านทุกคนให้ผมมาโดยเฉพาะ"ท่านอาจารย์นงเยาว์" ที่คอยทำอาหารให้ทาน คอยพาไปหัดเที่ยว เสมือนผมเป็นลูกของท่านเลย ^^ คิดว่าถ้าได้เจอท่านอีก อยากจะตอบแทนท่านครับ / เพื่อนของผม ที่คอยหลงทางด้วยกัน / ท่าน ผอ. ที่ให้ที่พักกับพวกเราโดยไม่คิดค่าตอบแทน / pastor ที่คอยให้ข้อคิดดีๆ และสอนให้รู้จัก'มิตรภาพ' และ 'ความรัก' ที่แท้จริง / และคุณป้าคุณลุง พี่ๆเพื่อนๆน้องๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึง.. และขอบคุณพ่อแม่ที่สนับสนุนให้ผมไปในทริปนี้ครับ
จริงๆแล้วก็มีเรื่องราวที่ประทับใจในแดนโสมแห่งนี้อีกมากมายเลยครับ แต่กลัวจะอ่านกันไม่ไหว แหะๆ
ก็ถือว่าเป็นอีกประสบการณ์ดีดี ในสมัยมัธยมปลาย ที่อยากจะแบ่งปันให้เพื่อนๆได้ลองอ่านดูครับ
ครั้งหนึ่งใน ม.ปลาย เกาหลีใต้ 2 อาทิตย์. . กับความประทับใจ ที่จะไม่มีวันลืม
ยาวหน่อยนะค้าบ แหะๆ
วันนึง.. ผมและเพื่อนของผมอีกคน ก็ได้เริ่มมีความคิดกันเล่นๆว่า เอ๊ะ! เราเรียนมากไปหรือเปล่า ? อยากลองพักผ่อน ลองเปิดโลกดูบ้างสักครั้ง แทนที่วันหยุดจะต้องเข้าตามสถาบันกวดวิชาต่างๆ อยากจะลองใช้ชีวิตแบบชิวล์ๆใน ม.ปลาย อย่างเต็มที่สักครั้ง ..
โดยจะมีวันหยุดยาวของโรงเรียนในอีกประมาณ 3 สัปดาห์เศษๆข้างหน้า เราก็คิดว่า คงเป็นไปไม่ได้หรอก ฝันชัดๆ ยังไม่ได้เตรียมตัวสักนิดเลย แผนก็ไม่เคยมี . . แต่แล้วก็เริ่มจะจริงจังขึ้นเรื่อยๆ แต่ติดที่ไม่กล้าจะรบกวนเงินของพ่อแม่มากครับ.. แต่ผมก็ลองพยายามหาทางดู .. เอาละวะ! มันต้องลองดูสักตั้ง!!!
เริ่มจากหาที่พักครับ .. โดยเราได้ทำหนังสือขออาศัยที่พักของ รร. แห่งหนึ่งใกล้ๆกับ ม.ซุงคยุนกวาน (อยากประหยัดงบ อย่างน้อยก็น่าจะถูกกว่าโรงแรม หรือ โฮสเต็ล และผมเป็นนักเรียนอยู่ด้วย ใช้ความเป็นนักเรียนให้เป็นประโยชน์ หึหึ ) และด้วยผมเคยไปทัศนศึกษาที่เกาหลีครั้งหนึ่งกับทาง รร. แล้วเคยพักที่นี่ เลยลุ้นว่าเค้าจะให้ไหม ปรากฏว่า... [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จากนั้นก็ได้เริ่มหาตั๋วเครื่องบิน . . (เคยรีวิวไว้ตามทู้นี้เลยค้าบ >>http://ppantip.com/topic/31543682) ปรากฏว่าเจอราคาที่โอเคอยู่ พอที่จะแงะเงินที่เก็บมาตั้งแต่สมัยเด็กๆได้พอครับ เลยลองปรึกษาที่บ้าน และที่บ้านก็ไฟเขียว อนุญาตค้าบ !! เย้
จากนั้นก็มีท่านอาจารย์ที่เป็นชาวไทย ท่านเป็นนักวิจัยในเกาหลี เป็น ดร. ด้วยนะ >< ท่านติดต่อมาทาง facebook ผม ด้วยความที่เคยไปค่ายทัศนศึกษากับ รร. แล้วไปเจอท่านด้วยเมื่อคราวก่อน แต่คราวก่อนก็ไม่ได้ถึงกับพูดคุยกันบ่อยครับ
ท่านถามถึงแผนการว่าจะไปไหน ยังไง (ตอนนั้นแห้งมาก ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะไม่ได้เตรียมตัวเลยครับ กะจะไปตายเอาดาบหน้าละกัน 5555+)
เมื่อถึงวันเดินทาง ท่านก็แอบไปรับที่สนามบินอินชอนด้วยหล่ะ ท่านบอกกลัวเราหลง 55555 (เกรงใจมากครับ เพราะจากอินชอนไปโซลไม่ใช่ใกล้ๆเลยครับ อีกอย่างก็ดึกด้วย) ก่อนจะถึงที่พัก ท่านพาเลี้ยง แวะซื้อของ ขนมมากมายให้ทานเลย (ทานไปหนาวไป) ><
ในแต่ละวัน.. อาจารย์ท่านก็จะดูแลผมและเพื่อนอีกคนนึง คอยทำอาหารให้ทานในช่วงที่อาจารย์เค้าว่าง (บ้านของอาจารย์อยู่ติดกับหอพักของ รร. ที่ผมอาศัยอยู่ครับ เวลามื้อไหนท่านเลี้ยงก็จะ line มาหาผมให้มาที่บ้านครับ) หลายๆมื้อก็คอยพาไปทานนอกสถานที่มากมาย พาไปเที่ยวตามที่ต่างๆในช่วงแรกๆ กลัวเราจะไม่ชิน จะหลงเอา อย่างกับเป็นลูกของท่านคนนึงเลย อยากจะบอกว่ารู้สึกอบอุ่นมากๆครับ..
พอผ่านไปได้สัก 4-5 วัน พวกผมก็เริ่มศึกษาเส้นทาง ออกเดินทาง ท่องเที่ยวเรื่อยๆกันเองบ้างทั้งในโซล และต่างจังหวัดครับ
ระหว่างทางก็มีหลงบ้าง แบบว่าผมจะดูข้อมูลใน internet ก่อนเดินทาง แต่ไปเจอข้อมูลที่ไม่อัพเดทครับ มีอยู่วันนึง ผมจะไปชายแดนเกาหลีเหนือ-ใต้ (DMZ) ในเว็บบอกสายรถเมล์ที่เค้าเปลี่ยนเส้นทางไปนานแล้ว ก็สรุปว่าไม่ได้ไปจุดหมายที่เราต้องการ ก็ต้องลงรถเมล์ หาทางกลับไปป้ายเดิม แล้วก็ถามคนแถวนั้นครับ คนเกาหลีบางทีก็ไม่กลัวชาวต่างชาติครับ พยายามจะช่วยเราให้ได้ พยายามบอกทาง บอกสายรถเมล์ที่ถูกให้ครับ เค้าเสียเวลากับผมในการช่วยหาข้อมูลเป็นครึ่ง ชม. เลย แถมเดินไปย้ำคนขับรถเมล์ให้เตือนพวกผมตอนถึงที่หมายด้วย จนผมต้องให้ของที่ระลึกกับเค้าครับ รู้สึกซึ้งใจมากๆครับ
จนถึงวันอาทิตย์.. มาถึง ผมเป็นคริสเตียนครับ ก็เลยลองพาเพื่อนอีกคนนึง เข้าโบสถ์ที่เกาหลีดูสักครั้ง (ที่เกาหลีโบสถ์เยอะมากๆครับ) .. จนเมื่อโบสถ์เลิก ผมก็เดินไปเรื่อยๆ ในโบสถ์ ก็ได้พบกับ pastor อายุราวๆ 45 ปี ท่านนึงมาถามว่า "Where are you form?" เราก็บอกว่า "Thailand" (คงทราบจากปฏิคมของโบสถ์ว่าเราเป็นชาวต่างชาติครับ) .. ก็แนะนำตัวไป ชวนคุยต่างๆนานา จนเค้าชวนไปทานอาหารเที่ยงแบบจัดเต็มมากก ทานกาแฟ แล้วก็กลับมาที่โบสถ์ เค้าก็มาเสิร์ฟของว่าง ผลไม้มากมายย ต่างๆนานา (กันเองมากๆ) พาเราเดินรอบๆโบสถ์ ไปหาผู้อาวุโส ฯลฯ อย่างกับแขก VIP มากๆเลย ทั้งๆที่เราเป็นแค่เด็ก นร. ธรรมดาๆคนนึง "ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วย" ได้รู้ซึ้งถึงความรักระหว่างเพื่อนมนุษย์จริงๆครับ แถมมีของฝากให้กลับไทยไปอย่างเต็มไม้เต็มมือ. . วันนั้นจำได้ว่าขึ้น subway กลับที่พักได้ลำบากมากเลยทีเดียว 555 ><
กลับมาในที่พักครับ.. บางวันก็จะมีครูแม่บ้านที่หอพัก (เป็นทั้งครู และเป็นแม่บ้าน) ดึกๆก็อุส่าห์คอยเข้ามาเยี่ยมห้องพัก เอาขนมมาให้บ่อยๆ ท่านพูดอังกฤษได้คล่องมาก และมีอาจุมม่า (คุณป้า) เป็นแม่บ้านอีกคนนึง พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แต่พยายามจะสื่อสารให้เราเข้าใจครับ ดูอบอุ่นและน่ารักมากๆเลย
และในวันปีใหม่ ผอ. ที่ รร. ที่ผมอาศัยพักอยู่ก็แวะมาเยี่ยมที่ห้องครับ เอาสมุดโน๊ตไดอารี่มาให้ บอกอวยพรปีใหม่ด้วยครับ ท่านใจดีจริงๆ หลงรักชาวเกาหลีไปเต็มๆ <3
ไปทริปเองครั้งนี้ ได้เที่ยวเยอะมากๆ ได้พบปะกับเพื่อนๆอายุราวๆเดียวกันที่หอพักของ รร. ด้วย ไม่น่าเชื่อว่า 2 อาทิตย์ ผมได้ภาษาเกาหลีมาเยอะมากเลย ได้ทั้งความอบอุ่นดั่งเป็นลูกๆของเค้าเอง.. อยากจะบอกว่า จะไม่ลืมพระคุณทุกอย่างที่ท่านทุกคนให้ผมมาโดยเฉพาะ"ท่านอาจารย์นงเยาว์" ที่คอยทำอาหารให้ทาน คอยพาไปหัดเที่ยว เสมือนผมเป็นลูกของท่านเลย ^^ คิดว่าถ้าได้เจอท่านอีก อยากจะตอบแทนท่านครับ / เพื่อนของผม ที่คอยหลงทางด้วยกัน / ท่าน ผอ. ที่ให้ที่พักกับพวกเราโดยไม่คิดค่าตอบแทน / pastor ที่คอยให้ข้อคิดดีๆ และสอนให้รู้จัก'มิตรภาพ' และ 'ความรัก' ที่แท้จริง / และคุณป้าคุณลุง พี่ๆเพื่อนๆน้องๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึง.. และขอบคุณพ่อแม่ที่สนับสนุนให้ผมไปในทริปนี้ครับ
จริงๆแล้วก็มีเรื่องราวที่ประทับใจในแดนโสมแห่งนี้อีกมากมายเลยครับ แต่กลัวจะอ่านกันไม่ไหว แหะๆ
ก็ถือว่าเป็นอีกประสบการณ์ดีดี ในสมัยมัธยมปลาย ที่อยากจะแบ่งปันให้เพื่อนๆได้ลองอ่านดูครับ