ตร.แจ้งข้อหา ′สาวซีวิค′ ฝ่าดงม็อบอนุสาวรีย์ชัยฯ จนเกิดเหตุยิงสนั่น สารภาพเพิ่งอัพยามา แต่ปฏิเสธไม่รู้เรื่องเหตุยิงปะทะม็อบ ตามล่าตัวชายปาระเบิดยังไม่คืบ
จากกรณีที่เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา เกิดเหตุรถเก๋งฮอนด้า รุ่นซีวิค สีดำ ทะเบียน กฉ 5906 ตรัง ขับเข้าบริเวณด่านรักษาความปลอดภัยของผู้ชุมนุมที่เวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และเกิดเหตุยิงกันโดยในที่เกิดเหตุสามารถควบคุมตัว น.ส.อรวรรณ จาบกัน อายุ 26 ปี ส่วนคนร้ายเป็นชายอีก 2 คน หลบหนีไปได้นั้น จากนั้นได้นำตัว น.ส.อรวรรณ ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.พญาไท
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 ม.ค. ที่ สน.พญาไท พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการสอบสวน น.ส.อรวรรณ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.อรวรรณ ได้รับการว่าจ้างจากคนใน จ.กาญจนบุรี ในราคา 5,000 บาท ให้นำรถคันดังกล่าวมาส่งลูกค้าที่กรุงเทพฯ บริเวณถนนเพชรบุรี ซอย 12 เมื่อมาถึงได้พบชาย 2 คน ซึ่งเป็นคนผู้รับรถที่นัดไว้ จากนั้น น.ส.อรวรรณ ได้ให้ชายทั้งสองขับรถไปส่งตนเองที่ จ.นครปฐม
พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ กล่าวต่อว่า หลังจากออกจากถนนเพชรบุรีก็ได้เลี้ยวรถเข้าถนนพญาไทมุ่งหน้าอนุสาวรีย์ชัยฯ ก่อนผ่านจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณโรงพยาบาลโรคไต หลังจากนั้นได้ฝ่าด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปอนุสาวรีย์ชัยฯ ไปเจอด่านตรวจรักษาความปลอดภัยของกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. จึงไม่สามารถเลี้ยวซ้ายเพื่อมุ่งหน้าไปสะพานซังฮี้ได้ จึงเลี้ยวขวาเข้าอนุสาวรีย์ชัยฯ ไปก่อนจะเจอด่านของกลุ่มผู้ชุมนุมอีก จากนั้นก็เกิดเหตุยิงกันเกิดขึ้นโดยกระสุนโดนเข้าที่แผ่นป้ายทะเบียน 1 นัด และบังโคลนหลังขวาอีก 1 นัด ยังไม่ทราบขนาดของกระสุนปืน
จากการตรวจปัสสาวะของ น.ส.อรวรรณ พบว่ามีปัสสาวะเป็นสีม่วงพร้อมรับสารภาพว่าเพิ่งเสพยาเสพติดมา ส่วนสาเหตุที่วนรถเข้าไปอนุสาวรีย์ชัยฯ อ้างว่าดูเส้นทางตามจีพีเอสแล้วหลงทาง ส่วนเหตุการณ์ยิงกันนั้น น.ส.อรวรรณ ให้การว่าไม่รู้จักชายในรถทั้งสองคนแต่อย่างใด อีกทั้งในรถก็ไม่มีอาวุธปืนอีกด้วย อย่างไรก็ตามตรวจสอบรถคันดังกล่าวนั้นตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นของชายคนหนึ่ง ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.ตรัง เป็นรถที่เจ้าของมาจำนำไว้แล้วขาดส่ง ผู้รับจำนำจึงได้นำไปขายต่อ ซึ่งจากการตรวจค้นรถเบื้องต้นยังไม่พบอะไรผิดปกติ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจค้นรถอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา น.ส.อรวรรณ เสพยาเสพติดให้โทษ ก่อนส่งตัวดำเนินคดีต่อไป
ส่วนการติดตามคนร้ายปาระเบิดที่อนุสาวรีย์ชัยฯ นั้น ผบก.น.1 เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังลงพื้นที่ติดตามคนร้ายตามภาพวงจรปิดอยู่แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร เนื่องจากยังไม่มีเบาะแสและยังไม่มีใครเข้ามาให้เบาะแสและไม่มีใครมาแสดงตัวว่าเป็นผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด ส่วนในทางคดียังไม่สามารถเปิดเผยได้ หากประชาชนหรือใครมีเบาะแสหรือพบบุคคลต้องสงสัยตามภาพวงจรปิดสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลาทั้งนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกลุ่มส่วนหมวกและเสื้อที่พบหลังก่อเหตุนั้นได้ส่งไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์แล้วแต่ผลยังไม่สรุปออกมา
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1390293381&grpid=00&catid=&subcatid=
เห็นโพสต์ด่าการ์ด กปปส. เลยเอาข่าวมาให้ดูต่อว่ามันเกิดอะไร คนดีของแดงเพิ่งอัพยามา
จากกรณีที่เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา เกิดเหตุรถเก๋งฮอนด้า รุ่นซีวิค สีดำ ทะเบียน กฉ 5906 ตรัง ขับเข้าบริเวณด่านรักษาความปลอดภัยของผู้ชุมนุมที่เวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และเกิดเหตุยิงกันโดยในที่เกิดเหตุสามารถควบคุมตัว น.ส.อรวรรณ จาบกัน อายุ 26 ปี ส่วนคนร้ายเป็นชายอีก 2 คน หลบหนีไปได้นั้น จากนั้นได้นำตัว น.ส.อรวรรณ ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.พญาไท
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 ม.ค. ที่ สน.พญาไท พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการสอบสวน น.ส.อรวรรณ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.อรวรรณ ได้รับการว่าจ้างจากคนใน จ.กาญจนบุรี ในราคา 5,000 บาท ให้นำรถคันดังกล่าวมาส่งลูกค้าที่กรุงเทพฯ บริเวณถนนเพชรบุรี ซอย 12 เมื่อมาถึงได้พบชาย 2 คน ซึ่งเป็นคนผู้รับรถที่นัดไว้ จากนั้น น.ส.อรวรรณ ได้ให้ชายทั้งสองขับรถไปส่งตนเองที่ จ.นครปฐม
พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ กล่าวต่อว่า หลังจากออกจากถนนเพชรบุรีก็ได้เลี้ยวรถเข้าถนนพญาไทมุ่งหน้าอนุสาวรีย์ชัยฯ ก่อนผ่านจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณโรงพยาบาลโรคไต หลังจากนั้นได้ฝ่าด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปอนุสาวรีย์ชัยฯ ไปเจอด่านตรวจรักษาความปลอดภัยของกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. จึงไม่สามารถเลี้ยวซ้ายเพื่อมุ่งหน้าไปสะพานซังฮี้ได้ จึงเลี้ยวขวาเข้าอนุสาวรีย์ชัยฯ ไปก่อนจะเจอด่านของกลุ่มผู้ชุมนุมอีก จากนั้นก็เกิดเหตุยิงกันเกิดขึ้นโดยกระสุนโดนเข้าที่แผ่นป้ายทะเบียน 1 นัด และบังโคลนหลังขวาอีก 1 นัด ยังไม่ทราบขนาดของกระสุนปืน
จากการตรวจปัสสาวะของ น.ส.อรวรรณ พบว่ามีปัสสาวะเป็นสีม่วงพร้อมรับสารภาพว่าเพิ่งเสพยาเสพติดมา ส่วนสาเหตุที่วนรถเข้าไปอนุสาวรีย์ชัยฯ อ้างว่าดูเส้นทางตามจีพีเอสแล้วหลงทาง ส่วนเหตุการณ์ยิงกันนั้น น.ส.อรวรรณ ให้การว่าไม่รู้จักชายในรถทั้งสองคนแต่อย่างใด อีกทั้งในรถก็ไม่มีอาวุธปืนอีกด้วย อย่างไรก็ตามตรวจสอบรถคันดังกล่าวนั้นตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นของชายคนหนึ่ง ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.ตรัง เป็นรถที่เจ้าของมาจำนำไว้แล้วขาดส่ง ผู้รับจำนำจึงได้นำไปขายต่อ ซึ่งจากการตรวจค้นรถเบื้องต้นยังไม่พบอะไรผิดปกติ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจค้นรถอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา น.ส.อรวรรณ เสพยาเสพติดให้โทษ ก่อนส่งตัวดำเนินคดีต่อไป
ส่วนการติดตามคนร้ายปาระเบิดที่อนุสาวรีย์ชัยฯ นั้น ผบก.น.1 เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังลงพื้นที่ติดตามคนร้ายตามภาพวงจรปิดอยู่แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร เนื่องจากยังไม่มีเบาะแสและยังไม่มีใครเข้ามาให้เบาะแสและไม่มีใครมาแสดงตัวว่าเป็นผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด ส่วนในทางคดียังไม่สามารถเปิดเผยได้ หากประชาชนหรือใครมีเบาะแสหรือพบบุคคลต้องสงสัยตามภาพวงจรปิดสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลาทั้งนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกลุ่มส่วนหมวกและเสื้อที่พบหลังก่อเหตุนั้นได้ส่งไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์แล้วแต่ผลยังไม่สรุปออกมา
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1390293381&grpid=00&catid=&subcatid=