มูลเหตุจูงใจในการต่อสู้ของประชาชน?

กระทู้สนทนา
ไม่มีครั้งใดในประวัติศาสตร์ของบ้านเรา  ที่ประชาชนคนไทยจำนวนมาก  ทุกเพศทุกวัย  ทุกฐานะและความรู้  ทั้งในเมืองและนอกเมืองจะไหลบ่าเข้ามาจับมือกันเพื่อช่วยกันต่อสู้ขับไล่รัฐบาลและสมุนบริวารของระบอบทักษิณ  อย่างมืดฟ้ามัวดินนับล้านๆคน  เท่ากับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้

                คนไทยเหล่านี้มากันด้วยมือเปล่าไม่มีอาวุธ  แต่ในหัวใจของคนเหล่านี้ไม่มีความเกรงกลัวใดๆทั้งสิ้นกับอำนาจของรัฐบาลและสมุนบริวารของระบอบทักษิณ  แม้จะถูกบ่มขู่คุกคามหรือถูกกระทำอย่างรุนแรงในบางครั้งบางคราวจากเจ้าหน้าที่ที่เป็นมือเป็นไม้ให้รัฐบาล  ซึ่งหวังจะสกัดกั้นหรือสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้น  ถึงขนาดมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายรายก็ตาม  คนไทยผู้รักชาติเหล่านี้ก็ไม่ได้หวั่นกลัวแต่อย่างใด  ยังคงรวมตัวเดินหน้าในการต่อสู้ในรูปแบบอารยะขัดขืนกับรัฐบาลในรูปแบบต่างๆต่อไปจนกว่าจะชนะ

                ประวัติศาสตร์คงต้องจารึกไว้ว่า  การลุกขึ้นสู้ด้วยการรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่นจำนวนมหาศาลครั้งนี้  ก็เป็นเพราะได้ตระหนักอย่างชัดแจ้งว่า  ความวิกฤติร้ายแรงอย่างสุดๆที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองขณะนี้  มาจากการบริหารบ้านเมืองที่ไม่ถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรมของรัฐบาลและสมุนบริวารในระบอบทักษิณ  เป็นการบริหารจัดการในลักษณะของความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ระหว่างพรรคพวกที่นำไปสู่การฉ้อราษฎร์บังหลวง  นำมาซึ่งความตกต่ำ  อ่อนแอของพลังอำนาจของชาติบ้านเมือง  เสถียรภาพและความมั่นคงภายในของชาติบ้านเมืองถูกบ่อนเซาะและถูกทำลายลงอย่างไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหนเคยทำมาก่อน

                นอกจากนี้  ประวัติศาสตร์ก็คงต้องจารึกไว้ด้วยว่า  การลุกขึ้นสู้ด้วยการรวมตัวกันอย่างมากมายของมวลมหาประชาชนครั้งนี้  ทุกคนมีความห่วงใยในชาติบ้านเมือง  ทุกคนมีความกล้าหาญและมีความเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน  ตลอดเวลาของการชุมนุมต่อสู้นั้น  ไม่ได้สร้างความเสื่อมเสียทางคุณธรรม  ศีลธรรม  ต่อย่างใด  ในทางตรงข้าม  กลับเป็นแหล่งที่มาของการเผยแพร่ความรู้  ข้อเท็จจริงต่างๆที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองทำให้ผู้ร่วมชุมนุมเข้าใจ  และเกิดความเชื่อมั่นในแนวทางการต่อสู้ดังกล่าว

                มวลมหาประชาชนที่รวมตัวกันลุกขึ้นสู้ครั้งนี้  ถ้าจะพิจารณาถึงมูลเหตุจูงใจสำคัญต่างๆแล้ว  สรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้

                1.  เห็นว่า  ระบอบทักษิณใช้อำนาจทำลายหลักการและเจตนารมณ์ของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างสิ้นเชิง  ก่อให้เกิดวิกฤติศรัทธาอย่างรุนแรงต่อฝ่ายบริหาร  และฝ่ายนิติบัญญัติ

                2.  เห็นว่า  ระบอบทักษิณใช้วิธีการบริหารจัดการบ้านเมือง  ด้วยวิธีการที่ต้องการให้เกิดความนิยมกับตนเองและพวก  โดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่จะเกิดแก่ส่วนรวมในวันข้างหน้า  ไม่คำนึงถึงหลักธรรมาภิบาลแต่อย่างใด

                3.  เห็นว่า  ระบอบทักษิณ  ทำลายค่านิยมของสังคมไทย  และลักษณะประจำชาติของคนไทยลงทีละเล็กละน้อย  ซึ่งค่านิยมและลักษณะประจำชาติดังกล่าวของคนไทยนั้น  ร้อยรัดไว้ด้วยการเทิดทูนสถาบันชาติ  ศาสนา  พระมหากษัตริย์  ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชาตินั่นเอง

                4.  เห็นว่า  ระบอบทักษิณเป็นระบอบที่ลุแก่อำนาจ  ใช้มิจฉาทิฐิในการบริหารราชการแผ่นดิน  ทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างหนักของคนในชาติ  ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในของประเทศอย่างรุนแรง

                5.  เห็นว่า  ระบอบทักษิณทำให้สังคมไทยตกอยู่ภายใต้อิทธิพลการชี้นำทางความคิดของทุนนิยมสามานย์  ซึ่งเต็มไปด้วยการฉ้อฉลคดโกง  เป็นปรากฏการณ์ให้เห็นในเรื่องต่างๆดังต่อไปนี้

                                5.1  เผด็จการทุนนิยมปกครองประเทศ

                                5.2  มุ่งแสวงหาผลประโยชน์อย่างไม่ชอบธรรมของนักการเมือง  พ่อค้านักธุรกิจในเครือข่ายที่ต้องอาศัยอิทธิพลทางการเมือง

                                5.3  มีการปกปิด  บิดเบือน  ข่าวสาร  ทั้งจากการออกมาพูดจาของนักการเมืองและสมุนบริวาร  ตลอดจนสื่อสารมวลชนในสังกัด

                                5.4  มีการจาบจ้วงและแสดงการดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างท้าทาย  ไม่หวั่นเกรง  จากผู้คนในระบอบทักษิณ

                                5.5  มีการจัดตั้งมวลชนเพื่อใช้ข่มขู่คุกคามฝ่ายตรงข้าม  บางครั้งใช้ความรุนแรง  และใช้มวลชนจัดตั้งดังกล่าวให้คอยเชียร์รัฐบาล

                                5.6  เกียรติภูมิของชาติตกต่ำจากพฤติกรรมของนักการการเมืองในระบอบทักษิณ  ที่เต็มไปด้วยเล่ห์เพทุบายหาความเชื่อถือเชื่อมั่นอะไรไม่ได้

                นี่คือมูลเหตุจูงใจใหญ่ๆและสำคัญที่ทำให้คนไทยผู้รักชาติรักแผ่นดินรักสถาบันสูงสุด  ต้องลุกออกมาร่วมกันต่อสู้อย่างชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้ของภาคประชาชนคนไทย  เพื่อรักษาบ้านรักษาเมืองไว้ให้ได้ในครั้งนี้

                เป็นหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย  ที่จะต้องจารึกไว้ให้ลูกหลานได้ทราบกันในวันข้างหน้าแน่นอน

ที่มา:http://www.naewna.com/prasong/10574

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่