กว่าจะตั้งหัวข้อกระทู้ได้ คิดนานมากค่ะ
จะเล่าเหตุการณ์ที่เจอวันนี้ให้ฟังค่ะ
วันนี้ไปซื้อหนังสือที่ ร้านหนังสือต่างประเทศร้านหนึ่ง ไปดูหนังสือแต่งบ้านค่ะ ตอนที่กำลังเลือกดูอยู่นั้น มีลูกค้าข้างๆเรียกพนักงานมาขอเปิดหนังสือเล่มนึงดู เพราะหนังสือห่อพลาสติกเอาไว้ เราก็หันไปมอง เพื่อว่าเล่มนั้นจะน่าสนใจ
ระหว่างที่ยืนดูอยู่ใกล้ๆก็เลยได้ยินบทสนทนา ระหว่างพนักงานกับลูกค้าคนนั้นว่า "น้องมีเล่มใหม่ไหม ปกเหมือนจะหลุด ดูไม่แข็งแรงหนังสือสำนักพิมพ์นี้แย่จัง"
พนักงานก็บอกว่าจะเช็คให้ แล้วเดินไปทางเคาท์เตอร์หน้าร้าน
พอเขาดูเสร็จแล้ววางลง เราก็อยากดูบ้างก็เลยไปหยิบมาดู เรากลัวว่าถ้าหนังสือขาดเราจะได้ไม่ไปทำขาดเพิ่ม เราก็ถามพนักงานอีกคนว่า "น้องคะ เล่มนี้มันชำรุดตรงไหนเหรอ ทำไมคุณคนนั้นเขาไม่เอา" พนักงานบอกเราว่า "ไม่ได้ชำรุดครับ หนังสือออกแบบมาให้ ตัวสันปกด้านนอก กับสันปกด้านใน ไม่ติดกัน เพื่อที่เมื่อเวลาเปิด สันปกด้านนอกจะได้ไม่แตกออก"
เราก็ถามว่า"แล้วน้องไม่บอกเขาเหรอ" น้องพนักงานตอบว่า "บอกแล้วครับแต่ลูกค้ายืนยันว่าจะเอาเล่มใหม่"
ดูเหมือนว่าที่ร้านจะมีเล่มนั้นเล่มเดียว พนักงานต้องวิ่งไปอีกสาขาหนึ่ง เพื่อจะเอาหนังสือเล่มใหม่มาให้ลูกค้าคนนั้น
หนังสือเล่มใหม่ก็คงเป็นเหมือนเล่มนี้ เราก็อยากรอดูว่าเขาจะซื้อเล่มใหม่รึป่าว หรือว่าเขาจะคิดว่าหนังสือชำรุดทุกเล่มแล้วไม่ซื้อกันนะ
เราดูหนังสือแล้วเห็นว่าเป็นอย่างที่น้องพนักงานบอกจริงๆ หนังสือ Architecture เล่มใหญ่ๆ หนักๆ คงไม่มีใครอ่านโดยการถือตั้งฉากตลอดเวลา เขาถึงออกแบบมาแบบนี้ เพราะเวลาตั้งหนังสือราบไปกับโต๊ะ ด้วยน้ำหนักของหนังสือ นานๆไปสันหนังสือก็คงขาดแยกเป็นชิ้นๆ ขนาดหนังสือนิยาย หนังสือการ์ตูน เล่มเบาๆ เวลาอ่านแบหนังสือมากๆ สันก็จะแตก นานๆเข้าก็ขาดออกเป็นหน้าๆถ้าเปิดอ่านบ่อยๆ
แต่หนังสือเล่มนี้ สันปกข้างนอก กับสันปกข้างในไม่ติดกัน เวลาที่วางราบบนโต๊ะ สันปกด้านนอกซึ่งเป็นปกแข็งจะไม่หักงอ หรือเป็นรอยแตกเมื่อใช้งานไปนานๆ สันปกด้านในบุด้วยผ้า ยากต่อการขาดจากการงอเมื่อเปิดหนังสือ ถึงสันด้านในจะโค้งงอจากการเปิดกว้างๆก็ไม่ชำรุด
ทำให้คิดได้ว่า เจ้าของสำนักพิมพ์ หรือคนที่ออกแบบปกแบบนี้ ต้องเป็นคนที่รักหนังสือ คิดถึงการดูแลหนังสืออย่างมาก และยังเป็นคนฉลาดมีไหวพริบ เราไม่รู้ว่าปกลักษณะนี้มีมานานแค่ไหน แต่เราก็คิดว่า เป็นนวัตกรรมอย่างหนึ่งเกี่ยวกับหนังสือ ก็คงมีหลายคนที่ไม่รู้ หรือไม่เคยสังเกต
เราไม่ได้รอดูหรอกค่ะว่า คุณคนนั้นเขาซื้อหนังสือรึป่าว แต่เราก็ซื้อหนังสือเล่มที่เขาไม่เอามาค่ะ หนังสือเล่มนี้น่าสงสารที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นของชำรุด และภาพข้างในสวยมากสไตล์ยุโรป ถึงจะเอามาใช้แต่งบ้านรกๆของ จขกท. ไม่ได้ก็เถอะ
เรื่องของปกหนังสือ เพราะไม่รู้ ทำให้พลาดหนังสือดีๆ...
จะเล่าเหตุการณ์ที่เจอวันนี้ให้ฟังค่ะ
วันนี้ไปซื้อหนังสือที่ ร้านหนังสือต่างประเทศร้านหนึ่ง ไปดูหนังสือแต่งบ้านค่ะ ตอนที่กำลังเลือกดูอยู่นั้น มีลูกค้าข้างๆเรียกพนักงานมาขอเปิดหนังสือเล่มนึงดู เพราะหนังสือห่อพลาสติกเอาไว้ เราก็หันไปมอง เพื่อว่าเล่มนั้นจะน่าสนใจ
ระหว่างที่ยืนดูอยู่ใกล้ๆก็เลยได้ยินบทสนทนา ระหว่างพนักงานกับลูกค้าคนนั้นว่า "น้องมีเล่มใหม่ไหม ปกเหมือนจะหลุด ดูไม่แข็งแรงหนังสือสำนักพิมพ์นี้แย่จัง"
พนักงานก็บอกว่าจะเช็คให้ แล้วเดินไปทางเคาท์เตอร์หน้าร้าน
พอเขาดูเสร็จแล้ววางลง เราก็อยากดูบ้างก็เลยไปหยิบมาดู เรากลัวว่าถ้าหนังสือขาดเราจะได้ไม่ไปทำขาดเพิ่ม เราก็ถามพนักงานอีกคนว่า "น้องคะ เล่มนี้มันชำรุดตรงไหนเหรอ ทำไมคุณคนนั้นเขาไม่เอา" พนักงานบอกเราว่า "ไม่ได้ชำรุดครับ หนังสือออกแบบมาให้ ตัวสันปกด้านนอก กับสันปกด้านใน ไม่ติดกัน เพื่อที่เมื่อเวลาเปิด สันปกด้านนอกจะได้ไม่แตกออก"
เราก็ถามว่า"แล้วน้องไม่บอกเขาเหรอ" น้องพนักงานตอบว่า "บอกแล้วครับแต่ลูกค้ายืนยันว่าจะเอาเล่มใหม่"
ดูเหมือนว่าที่ร้านจะมีเล่มนั้นเล่มเดียว พนักงานต้องวิ่งไปอีกสาขาหนึ่ง เพื่อจะเอาหนังสือเล่มใหม่มาให้ลูกค้าคนนั้น
หนังสือเล่มใหม่ก็คงเป็นเหมือนเล่มนี้ เราก็อยากรอดูว่าเขาจะซื้อเล่มใหม่รึป่าว หรือว่าเขาจะคิดว่าหนังสือชำรุดทุกเล่มแล้วไม่ซื้อกันนะ
เราดูหนังสือแล้วเห็นว่าเป็นอย่างที่น้องพนักงานบอกจริงๆ หนังสือ Architecture เล่มใหญ่ๆ หนักๆ คงไม่มีใครอ่านโดยการถือตั้งฉากตลอดเวลา เขาถึงออกแบบมาแบบนี้ เพราะเวลาตั้งหนังสือราบไปกับโต๊ะ ด้วยน้ำหนักของหนังสือ นานๆไปสันหนังสือก็คงขาดแยกเป็นชิ้นๆ ขนาดหนังสือนิยาย หนังสือการ์ตูน เล่มเบาๆ เวลาอ่านแบหนังสือมากๆ สันก็จะแตก นานๆเข้าก็ขาดออกเป็นหน้าๆถ้าเปิดอ่านบ่อยๆ
แต่หนังสือเล่มนี้ สันปกข้างนอก กับสันปกข้างในไม่ติดกัน เวลาที่วางราบบนโต๊ะ สันปกด้านนอกซึ่งเป็นปกแข็งจะไม่หักงอ หรือเป็นรอยแตกเมื่อใช้งานไปนานๆ สันปกด้านในบุด้วยผ้า ยากต่อการขาดจากการงอเมื่อเปิดหนังสือ ถึงสันด้านในจะโค้งงอจากการเปิดกว้างๆก็ไม่ชำรุด
ทำให้คิดได้ว่า เจ้าของสำนักพิมพ์ หรือคนที่ออกแบบปกแบบนี้ ต้องเป็นคนที่รักหนังสือ คิดถึงการดูแลหนังสืออย่างมาก และยังเป็นคนฉลาดมีไหวพริบ เราไม่รู้ว่าปกลักษณะนี้มีมานานแค่ไหน แต่เราก็คิดว่า เป็นนวัตกรรมอย่างหนึ่งเกี่ยวกับหนังสือ ก็คงมีหลายคนที่ไม่รู้ หรือไม่เคยสังเกต
เราไม่ได้รอดูหรอกค่ะว่า คุณคนนั้นเขาซื้อหนังสือรึป่าว แต่เราก็ซื้อหนังสือเล่มที่เขาไม่เอามาค่ะ หนังสือเล่มนี้น่าสงสารที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นของชำรุด และภาพข้างในสวยมากสไตล์ยุโรป ถึงจะเอามาใช้แต่งบ้านรกๆของ จขกท. ไม่ได้ก็เถอะ