นิทานณัศญา แม่มดน้อยกับนกสีฟ้า
กาลครั้งหนึ่ง... นานมาแล้ว.. ตอนนี้มั่นใจมากว่านานมาแล้วจริงๆ นานจนต้องห้ามถามว่านานขนาดไหนเพราะคงหาคำตอบให้ไม่ได้
กลางป่าแห่งหนึ่งมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มหนาๆ เธอเป็นแม่มด เอ่อ... เข้าใจกันก่อนนะว่าแม่มดที่ว่านี่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมดตัวเล็กๆที่เราเห็นกันบ่อยๆ แต่หมายถึงผู้ที่สามารถใช้เวทย์มนต์ทำเรื่องแปลกๆที่เราไม่ค่อยจะได้เห็นกันบ่อยๆ
เด็กหญิงคนนี้เธอเป็นแม่มดแต่ก็ยังเป็นเพียงแม่มดฝึกหัด เธอยังเสกอะไรได้ไม่มากเธอจึงต้องอ่านหนังสือตำราเวทย์มนต์ในมือเธออยู่เรื่อยๆ ตั้งใจเรียนรู้และเข้าใจมัน เพื่อที่วันหนึ่งข้างหน้าเธอจะได้เป็นแม่มดที่เก่งที่สุดคนหนึ่งอย่างที่ตั้งใจ เธอจึงมักจะเข้ามากลางป่าที่แสนสงบแห่งนี้เพื่อเรียนรู้เวทย์มนต์ต่างๆในหนังสืออยู่เสมอ แต่สำหรับสัตว์ต่างๆในป่าแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นกระรอกหรือกระต่ายต่างมองว่าเธอเป็นสิ่งแปลกปลอมของป่าแห่งนี้และน่ากลัวเกินกว่าจะเข้าใกล้ จึงพากันหนีหายกันไปหมดเมื่อเด็กหญิงเข้ามาจะมีบางตัวที่ขี้สงสัยหน่อยก็จะคอยซุ่มแอบๆมองอยู่ห่างๆโดยไม่ให้เด็กหญิงเห็นตัว
แต่ก็มีสัตว์บางตัวที่ต่างออกไป นกสีฟ้าตัวหนึ่งทำรังเล็กๆของมันอยู่บนต้นไม้เหนือก้อนหินที่เด็กหญิงมักจะมานั่งอ่านหนังสือ มันไม่เคยหลบไปไหน ไม่ใช่เพราะความกล้าอะไรหรอกนะ แน่ล่ะนกตัวเล็กๆจะให้กล้าอะไรนักหนาแต่เป็นเพราะมันมักจะจดจ่ออยู่กับการซ่อมแซมตกแต่งรังเล็กๆของมันอยู่ตลอดเวลา มันชอบที่จะตกแต่งรังของมันด้วยใบไม้แบบต่างๆหรือกิ่งไม้รูปร่างแปลกๆ แต่ความสวยงามบางครั้งก็ไม่ได้มาพร้อมกับความแข็งแรง ใบไม้และกิ่งไม้ที่เจ้านกสีฟ้าเก็บมาทำรังบ่อยครั้งที่พังและหลุดเป็นชิ้นๆอย่างง่ายดาย แต่เจ้านกสีฟ้าก็ยังเพลิดเพลินกับการสร้างสรรค์ไปพร้อมๆกับการซ่อมแซมรังของมันจนไม่ใส่ใจกับผู้มาเยือนด้านล่าง สำหรับเด็กหญิงแม่มดน้อยนั้น เจ้านกสีฟ้าเป็นเพียงสัตว์ตัวเดียวที่อยู่ให้มองเห็นได้ จนทั้งสองต่างคุ้นเคยกันดี
หลายครั้งที่เด็กหญิงตะโกนขึ้นไปทักทาย แต่เจ้านกสีฟ้าที่กำลังง่วนอยู่กับงานซ่อมสร้างของตัวเองอย่างเพลิดเพลินแล้วมีคนมาตะโกนใส่ จึงมีหลายครั้งที่เจ้านกสีฟ้าต้องหันไปโวยวายใส่เด็กหญิงอย่างหงุดหงิด แต่ว่าไม่ว่าจะโวยวายรุนแรงแค่ไหน เด็กหญิงก็จะรับรู้เพียงแค่เจ้านกสีฟ้าหันมาร้องจิ๊บๆๆด้วย จึงเข้าใจว่าเจ้านกสีฟ้ามักจะทักทายตอบกลับมาอย่างร่าเริง... ดังนั้นไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร แต่ในสายตาของเด็กหญิงแม่มดน้อยคนนี้มองว่านกสีฟ้าตัวนี้รักใครตนเองและคอยอยู่เป็นเพื่อนคุยอยู่เสมอ นั่นจึงทำให้แม่มดน้อยรักใคร่เจ้านกสีฟ้าตัวนี้มาก
อยู่มาวันหนึ่ง ซึ่งก็เหมือนกับทุกๆวันเด็กหญิงเข้ามากลางป่าที่เดิม และเวลาเดิมคือช่วงสายๆ เป็นเวลาที่เจ้านกสีฟ้าเพิ่งจะเสร็จจากมื้อเช้าและเริ่มทำการซ่อมแซมตกแต่งรังน้อยสุดรักของมันอีกครั้ง
“สวัสดีจ้ะ นกน้อย” เด็กหญิงตะโกนทักทาย เจ้านกสีฟ้าที่กำลังเพลิดเพลินอยู่ก็ตกใจจึงหันไปโวยวายกับเด็กหญิงด้านล่าง
“มาอีกแล้ว!! เลิกตะโกนใส่ฉันซะที ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังยุ่ง จะทำอะไรก็ทำไปสิ แต่อย่ามายุ่งกับฉัน!!” แต่ก็เช่นเคย แม่มดน้อยก็ได้ยินเพียง จิ๊บๆๆๆๆๆ
“เหรอ เธอก็คิดถึงชั้นเหรอ คงรอฉันอยู่สินะเธอนี่น่ารักจริงๆเลย” แม่มดน้อยพูดด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข
เป็นเรื่องธรรมดาเมื่อเรารักชอบใครหรืออะไร เราก็จะเริ่มใส่ใจในการกระทำและสิ่งต่างๆรอบตัวของเขา แม่มดน้อยก็เช่นกัน เธอเริ่มใส่ใจในสิ่งต่างๆรอบๆตัวเจ้านกสีฟ้านั้น วันนี้ก็เหมือนกับทุกๆวันที่ผ่านมา เธอจะเห็นเจ้านกสีฟ้าง่วนอยู่กับการซ่อมรังเล็กๆของมัน ซึ่งในสายตาของแม่มดน้อยนั้น รังของเจ้านกสีฟ้าช่างเล็ก สกปรกและดูน่าเกลียดอย่างบอกไม่ถูก เธอเข้าใจว่าเจ้านกสีฟ้าต้องลำบากมากในการใช้ชีวิตเพราะต้องคอยซ่อมรังอันแสนน่าเกลียดของมันอยู่ทุกวัน ทั้งๆที่เจ้านกน้อยอยากจะมีเวลามาส่งเสียงจิ๊บๆๆคุยกับเธออย่างมีความสุขแท้ๆ ยิ่งมองด้วยความรักก็ยิ่งเกิดความสงสาร
“ฉันต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ” เธอบอกกับตัวเอง
เจ้านกสีฟ้ากำลังตกแต่งรังน้อยแสนรักของมันอย่างมีความสุขโดยไม่ได้สนใจอะไรกับเด็กหญิงที่อยู่เบื้องล่างอีกก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมันพบว่าเด็กหญิงปีนขึ้นมาบนต้นไม้และเข้ามาใกล้จนใบหน้าของเด็กหญิงเกือบจะชนรังของมันอยู่แล้ว
“ทำอะไรของเธอน่ะ!! ออกไปห่างๆนะนี่มันบ้านของฉัน ทำไมเธอชอบมารบกวนฉันอยู่เรื่อยเลย ไปซะนะ ไปๆ!!” เจ้านกสีฟ้าร้องโวยวาย และตะโกนไล่
“ดีใจมากที่ฉันขึ้นมาเยี่ยมใช่ไหมล่ะ จ้าๆ ฉันก็รักเธอเหมือนกัน” แม่มดน้อยยังเข้าใจในแบบที่เธอเข้าใจเหมือนเดิม...
“ฉันจะช่วยเธอเองนะนกน้อย ฉันอยากจะเสกบ้านสวยๆให้เธออยู่นะ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่เก่งพอจะเสกของมีค่าจากความว่างเปล่าได้ ฉันเพิ่งจะเรียนถึงแค่การเสกให้สิ่งมีค่าเปลี่ยนเป็นสิ่งมีค่าอีกแบบได้ งั้นชั้นจะใช้วิธีนี้ช่วยเธอเองนะ”
เจ้านกสีฟ้าไม่เข้าใจสิ่งที่เด็กหญิงพูด มันได้แต่หันไปมองแบบอึ้งๆทำอะไรไม่ถูกในขณะที่เด็กหญิงเริ่มท่องอะไรบางอย่างออกมาเสียงดัง
แม่มดน้อยร่ายคาถาด้วยเสียงอันดัง ท่วงทำนองสูงๆต่ำสลับกันไปทำให้บรรยากาศกลางป่าแห่งนั้นชวนขนลุก สัตว์ต่างๆที่ปกติก็ไม่เข้ามาใกล้อยู่แล้วยิ่งพากันวิ่งหนีออกห่างจากบริเวณนั้นกันอย่างไม่คิดชีวิต แล้วตัวที่อยู่ใกล้มากๆอย่างเจ้านกสีฟ้าล่ะ... มันก็ยังคงอึ้งๆทำอะไรไม่ถูกตั้งแต่เมื่อกี้ จนถึงตอนนี้มันก็ยังคงอึ้งอยู่ดังเดิม
และแล้วการร่ายคาถาก็สิ้นสุดลงพร้อมกับแสงสว่างวาบและเสียงระเบิดที่เหมือนกับเสียงลูกโป่งแตก หมอกควันสีทองปกคลุมไปทั่วบริเวณ แล้วค่อยๆจางลง จางลง...
เจ้านกสีฟ้ารู้สึกตัวอีกครั้ง รังแสนรักของมันบนกิ่งไม้ไม่อยู่แล้ว แต่กลับถูกแทนที่ด้วยของแปลกๆขนาดใหญ่สีทองเป็นประกายเงาวับ มันจำได้ว่าเคยเห็นของแบบนี้มาบ้างตอนบินไปเที่ยวที่ต่างๆ นี่มันที่อยู่สำหรับมนุษย์นี่นา ถึงขนาดจะไม่ใหญ่เท่า และสีทองเงาระยิบระยับอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ในสายตาของนกอย่างมันแล้ว นี่มันเป็นอะไรที่น่าเกลียดมากๆ เจ้านกสีฟ้ารู้สึกโมโหอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนมันร้องโวยวายและเตรียมตัวจะโผบินเข้าไปจิกเด็กหญิงเป็นการตอบแทนที่ทำลายรังของมัน แต่แล้ว เจ้านกน้อยก็รู้ตัวว่ามันโผบินไม่ขึ้น...
“ดีใจใช่ไหมล่ะ จากนี้ไปเธอจะได้อยู่อย่างมีความสุขในคฤหาสน์ทองคำนั่นตลอดไปเลยนะ มันจะเป็นของเธอตัวเดียวเท่านั้นเพราะมันแลกมาด้วยของสำคัญของเธอเอง ปีกของเธอไงล่ะ ฉันรู้ว่าเธอไม่ต้องใช้ปีกของเธออีกต่อไปแล้วเพราะเธอไม่จำเป็นต้องบินไปไหนอีกแล้วนี่นา ชอบล่ะสิ ดีใจใหญ่เลย ฉันรู้ว่าเธอกำลังขอบคุณฉันไม่หยุดเลยสิเนี่ย อ๊ะ! ฉันต้องกลับแล้วล่ะ แล้วจะมาใหม่นะ ฉลองบ้านใหม่ให้สนุกล่ะ”
แม่มดน้อยปีนลงจากต้นไม้แล้วเดินจากไปอย่างมีความสุข โดยมีเจ้านกสีฟ้าผู้ไร้ปีกยืนโวยวายสาปแช่งอย่างโกรธแค้นอยู่หน้าคฤหาสน์ทองคำที่ไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับมัน แล้วจากนี้ไปมันจะทำยังไงกับชีวิตของมันล่ะ มันบินออกไปหากิ่งไม้แปลกๆมาแต่งรังเล็กๆของมันไม่ได้อีกแล้ว มันบินออกไปเที่ยวอย่างที่ชอบไม่ได้อีกแล้ว มันบินออกไปหาอาหารกินไม่ได้อีกแล้ว ไม่มีปีกอีกต่อไปแล้ว... มันดูไม่เหมือนกับนกแล้วด้วยซ้ำ ทำไมทำกับมันอย่างนี้ มันไม่ได้ร้องขออะไรเลย มันแค่ใช้ชีวิตของมันอยู่ดีๆ แต่สำหรับแม่มดน้อยแล้วเธอรู้เพียงเธอมีความสุขอย่างมากที่ได้เป็นแม่มดใจดีให้สิ่งที่ดีที่สุดกับนกน้อยให้นกน้อยได้อยู่ในบ้านใหม่ที่ไม่มีนกตัวไหนๆจะได้อยู่และได้ยินเสียงที่เธอเข้าใจว่าเป็นเสียงที่แสดงออกถึงความดีใจและขอบคุณของเจ้านกสีฟ้าดังก้องไปทั่วทั้งป่าเพื่อส่งเธอ...
วันต่อมา และหลายวันต่อๆมาแม่มดน้อยก็ไม่เห็นเจ้านกสีฟ้าอีกเลย อ้าว! เกิดอะไรขึ้นล่ะ หรือเจ้านกสีฟ้าไม่มีปีกที่จะบินอีกต่อไปแล้วต้องลงมาเดินหาอาหารบนพื้นอย่างยากลำบากแล้วโดนตัวอะไรหม่ำเป็นมื้อค่ำไปแล้ว? แย่ล่ะสิ ถ้าเป็นอย่างนั้นใครจะเป็นคนผิดกันล่ะ แม่มดน้อยงั้นหรือ? แต่เธอหวังดีนะเราควรจะโทษเธองั้นหรือ?
ว่าแต่... เจ้านกสีฟ้าผู้น่าสงสารล่ะ.. ไปอยู่ไหนแล้ว...
คำตอบก็คือ ไปไกลแล้วล่ะ แล้วคงไม่กลับมาอีกแล้ว... โชคดีในความโชคร้ายของเจ้านกสีฟ้า ที่แม่มดน้อยยังร่ายคาถาได้ไม่สมบูรณ์นัก พอผ่านไปได้ไม่นานนัก คฤหาสน์ทองคำก็ระเบิดปังแล้วหายกลายเป็นรังแสนรักของเจ้านกน้อยดังเดิม ส่วนปีกที่สำคัญพอๆกับชีวิตของมันก็กลับมาด้วย ไม่ต้องให้ส่งเสียงจิ๊บๆๆใครๆก็รู้ว่ามันดีใจมากแค่ไหน เฮ้อ... ค่อยยังชั่วหน่อย...
จากคำให้การของกระรอกน้อยที่ซุ่มดูอยู่บนยอดไม้แถวๆนั้นเล่าว่า หลังจากทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเดิมได้ไม่นานเจ้านกสีฟ้าก็ไม่มัวเสียเวลากับการดีใจอะไรมากนัก มันเพียงหันไปคาบกิ่งไม้เล็กๆที่มันชอบออกจากรังเก่าของมันแล้วออกบินไปอย่างรวดเร็ว แน่ล่ะ... มันคงไม่กล้ากลับมาที่นี่อีกแล้ว... มันคงจะบินไปหากิ่งไม้สงบๆแล้วเริ่มทำรังเล็กแสนรักของมันอีกครั้งหนึ่ง....
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ทุกคนต่างมีชีวิตและความชอบที่จะใช้ชีวิตของตัวเอง ความสุขในแบบของเราอาจไม่ใช่ความสุขของเขา ถ้าเอาตัวเราเองเป็นหลักแล้วล่ะก็ ความหวังดีของเราอาจไปทำร้ายคนที่เรารักโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้... นะ...
นิทานณัศญา แม่มดน้อยกับนกสีฟ้า
กาลครั้งหนึ่ง... นานมาแล้ว.. ตอนนี้มั่นใจมากว่านานมาแล้วจริงๆ นานจนต้องห้ามถามว่านานขนาดไหนเพราะคงหาคำตอบให้ไม่ได้
กลางป่าแห่งหนึ่งมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มหนาๆ เธอเป็นแม่มด เอ่อ... เข้าใจกันก่อนนะว่าแม่มดที่ว่านี่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมดตัวเล็กๆที่เราเห็นกันบ่อยๆ แต่หมายถึงผู้ที่สามารถใช้เวทย์มนต์ทำเรื่องแปลกๆที่เราไม่ค่อยจะได้เห็นกันบ่อยๆ
เด็กหญิงคนนี้เธอเป็นแม่มดแต่ก็ยังเป็นเพียงแม่มดฝึกหัด เธอยังเสกอะไรได้ไม่มากเธอจึงต้องอ่านหนังสือตำราเวทย์มนต์ในมือเธออยู่เรื่อยๆ ตั้งใจเรียนรู้และเข้าใจมัน เพื่อที่วันหนึ่งข้างหน้าเธอจะได้เป็นแม่มดที่เก่งที่สุดคนหนึ่งอย่างที่ตั้งใจ เธอจึงมักจะเข้ามากลางป่าที่แสนสงบแห่งนี้เพื่อเรียนรู้เวทย์มนต์ต่างๆในหนังสืออยู่เสมอ แต่สำหรับสัตว์ต่างๆในป่าแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นกระรอกหรือกระต่ายต่างมองว่าเธอเป็นสิ่งแปลกปลอมของป่าแห่งนี้และน่ากลัวเกินกว่าจะเข้าใกล้ จึงพากันหนีหายกันไปหมดเมื่อเด็กหญิงเข้ามาจะมีบางตัวที่ขี้สงสัยหน่อยก็จะคอยซุ่มแอบๆมองอยู่ห่างๆโดยไม่ให้เด็กหญิงเห็นตัว
แต่ก็มีสัตว์บางตัวที่ต่างออกไป นกสีฟ้าตัวหนึ่งทำรังเล็กๆของมันอยู่บนต้นไม้เหนือก้อนหินที่เด็กหญิงมักจะมานั่งอ่านหนังสือ มันไม่เคยหลบไปไหน ไม่ใช่เพราะความกล้าอะไรหรอกนะ แน่ล่ะนกตัวเล็กๆจะให้กล้าอะไรนักหนาแต่เป็นเพราะมันมักจะจดจ่ออยู่กับการซ่อมแซมตกแต่งรังเล็กๆของมันอยู่ตลอดเวลา มันชอบที่จะตกแต่งรังของมันด้วยใบไม้แบบต่างๆหรือกิ่งไม้รูปร่างแปลกๆ แต่ความสวยงามบางครั้งก็ไม่ได้มาพร้อมกับความแข็งแรง ใบไม้และกิ่งไม้ที่เจ้านกสีฟ้าเก็บมาทำรังบ่อยครั้งที่พังและหลุดเป็นชิ้นๆอย่างง่ายดาย แต่เจ้านกสีฟ้าก็ยังเพลิดเพลินกับการสร้างสรรค์ไปพร้อมๆกับการซ่อมแซมรังของมันจนไม่ใส่ใจกับผู้มาเยือนด้านล่าง สำหรับเด็กหญิงแม่มดน้อยนั้น เจ้านกสีฟ้าเป็นเพียงสัตว์ตัวเดียวที่อยู่ให้มองเห็นได้ จนทั้งสองต่างคุ้นเคยกันดี
หลายครั้งที่เด็กหญิงตะโกนขึ้นไปทักทาย แต่เจ้านกสีฟ้าที่กำลังง่วนอยู่กับงานซ่อมสร้างของตัวเองอย่างเพลิดเพลินแล้วมีคนมาตะโกนใส่ จึงมีหลายครั้งที่เจ้านกสีฟ้าต้องหันไปโวยวายใส่เด็กหญิงอย่างหงุดหงิด แต่ว่าไม่ว่าจะโวยวายรุนแรงแค่ไหน เด็กหญิงก็จะรับรู้เพียงแค่เจ้านกสีฟ้าหันมาร้องจิ๊บๆๆด้วย จึงเข้าใจว่าเจ้านกสีฟ้ามักจะทักทายตอบกลับมาอย่างร่าเริง... ดังนั้นไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร แต่ในสายตาของเด็กหญิงแม่มดน้อยคนนี้มองว่านกสีฟ้าตัวนี้รักใครตนเองและคอยอยู่เป็นเพื่อนคุยอยู่เสมอ นั่นจึงทำให้แม่มดน้อยรักใคร่เจ้านกสีฟ้าตัวนี้มาก
อยู่มาวันหนึ่ง ซึ่งก็เหมือนกับทุกๆวันเด็กหญิงเข้ามากลางป่าที่เดิม และเวลาเดิมคือช่วงสายๆ เป็นเวลาที่เจ้านกสีฟ้าเพิ่งจะเสร็จจากมื้อเช้าและเริ่มทำการซ่อมแซมตกแต่งรังน้อยสุดรักของมันอีกครั้ง
“สวัสดีจ้ะ นกน้อย” เด็กหญิงตะโกนทักทาย เจ้านกสีฟ้าที่กำลังเพลิดเพลินอยู่ก็ตกใจจึงหันไปโวยวายกับเด็กหญิงด้านล่าง
“มาอีกแล้ว!! เลิกตะโกนใส่ฉันซะที ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังยุ่ง จะทำอะไรก็ทำไปสิ แต่อย่ามายุ่งกับฉัน!!” แต่ก็เช่นเคย แม่มดน้อยก็ได้ยินเพียง จิ๊บๆๆๆๆๆ
“เหรอ เธอก็คิดถึงชั้นเหรอ คงรอฉันอยู่สินะเธอนี่น่ารักจริงๆเลย” แม่มดน้อยพูดด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข
เป็นเรื่องธรรมดาเมื่อเรารักชอบใครหรืออะไร เราก็จะเริ่มใส่ใจในการกระทำและสิ่งต่างๆรอบตัวของเขา แม่มดน้อยก็เช่นกัน เธอเริ่มใส่ใจในสิ่งต่างๆรอบๆตัวเจ้านกสีฟ้านั้น วันนี้ก็เหมือนกับทุกๆวันที่ผ่านมา เธอจะเห็นเจ้านกสีฟ้าง่วนอยู่กับการซ่อมรังเล็กๆของมัน ซึ่งในสายตาของแม่มดน้อยนั้น รังของเจ้านกสีฟ้าช่างเล็ก สกปรกและดูน่าเกลียดอย่างบอกไม่ถูก เธอเข้าใจว่าเจ้านกสีฟ้าต้องลำบากมากในการใช้ชีวิตเพราะต้องคอยซ่อมรังอันแสนน่าเกลียดของมันอยู่ทุกวัน ทั้งๆที่เจ้านกน้อยอยากจะมีเวลามาส่งเสียงจิ๊บๆๆคุยกับเธออย่างมีความสุขแท้ๆ ยิ่งมองด้วยความรักก็ยิ่งเกิดความสงสาร
“ฉันต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ” เธอบอกกับตัวเอง
เจ้านกสีฟ้ากำลังตกแต่งรังน้อยแสนรักของมันอย่างมีความสุขโดยไม่ได้สนใจอะไรกับเด็กหญิงที่อยู่เบื้องล่างอีกก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมันพบว่าเด็กหญิงปีนขึ้นมาบนต้นไม้และเข้ามาใกล้จนใบหน้าของเด็กหญิงเกือบจะชนรังของมันอยู่แล้ว
“ทำอะไรของเธอน่ะ!! ออกไปห่างๆนะนี่มันบ้านของฉัน ทำไมเธอชอบมารบกวนฉันอยู่เรื่อยเลย ไปซะนะ ไปๆ!!” เจ้านกสีฟ้าร้องโวยวาย และตะโกนไล่
“ดีใจมากที่ฉันขึ้นมาเยี่ยมใช่ไหมล่ะ จ้าๆ ฉันก็รักเธอเหมือนกัน” แม่มดน้อยยังเข้าใจในแบบที่เธอเข้าใจเหมือนเดิม...
“ฉันจะช่วยเธอเองนะนกน้อย ฉันอยากจะเสกบ้านสวยๆให้เธออยู่นะ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่เก่งพอจะเสกของมีค่าจากความว่างเปล่าได้ ฉันเพิ่งจะเรียนถึงแค่การเสกให้สิ่งมีค่าเปลี่ยนเป็นสิ่งมีค่าอีกแบบได้ งั้นชั้นจะใช้วิธีนี้ช่วยเธอเองนะ”
เจ้านกสีฟ้าไม่เข้าใจสิ่งที่เด็กหญิงพูด มันได้แต่หันไปมองแบบอึ้งๆทำอะไรไม่ถูกในขณะที่เด็กหญิงเริ่มท่องอะไรบางอย่างออกมาเสียงดัง
แม่มดน้อยร่ายคาถาด้วยเสียงอันดัง ท่วงทำนองสูงๆต่ำสลับกันไปทำให้บรรยากาศกลางป่าแห่งนั้นชวนขนลุก สัตว์ต่างๆที่ปกติก็ไม่เข้ามาใกล้อยู่แล้วยิ่งพากันวิ่งหนีออกห่างจากบริเวณนั้นกันอย่างไม่คิดชีวิต แล้วตัวที่อยู่ใกล้มากๆอย่างเจ้านกสีฟ้าล่ะ... มันก็ยังคงอึ้งๆทำอะไรไม่ถูกตั้งแต่เมื่อกี้ จนถึงตอนนี้มันก็ยังคงอึ้งอยู่ดังเดิม
และแล้วการร่ายคาถาก็สิ้นสุดลงพร้อมกับแสงสว่างวาบและเสียงระเบิดที่เหมือนกับเสียงลูกโป่งแตก หมอกควันสีทองปกคลุมไปทั่วบริเวณ แล้วค่อยๆจางลง จางลง...
เจ้านกสีฟ้ารู้สึกตัวอีกครั้ง รังแสนรักของมันบนกิ่งไม้ไม่อยู่แล้ว แต่กลับถูกแทนที่ด้วยของแปลกๆขนาดใหญ่สีทองเป็นประกายเงาวับ มันจำได้ว่าเคยเห็นของแบบนี้มาบ้างตอนบินไปเที่ยวที่ต่างๆ นี่มันที่อยู่สำหรับมนุษย์นี่นา ถึงขนาดจะไม่ใหญ่เท่า และสีทองเงาระยิบระยับอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ในสายตาของนกอย่างมันแล้ว นี่มันเป็นอะไรที่น่าเกลียดมากๆ เจ้านกสีฟ้ารู้สึกโมโหอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนมันร้องโวยวายและเตรียมตัวจะโผบินเข้าไปจิกเด็กหญิงเป็นการตอบแทนที่ทำลายรังของมัน แต่แล้ว เจ้านกน้อยก็รู้ตัวว่ามันโผบินไม่ขึ้น...
“ดีใจใช่ไหมล่ะ จากนี้ไปเธอจะได้อยู่อย่างมีความสุขในคฤหาสน์ทองคำนั่นตลอดไปเลยนะ มันจะเป็นของเธอตัวเดียวเท่านั้นเพราะมันแลกมาด้วยของสำคัญของเธอเอง ปีกของเธอไงล่ะ ฉันรู้ว่าเธอไม่ต้องใช้ปีกของเธออีกต่อไปแล้วเพราะเธอไม่จำเป็นต้องบินไปไหนอีกแล้วนี่นา ชอบล่ะสิ ดีใจใหญ่เลย ฉันรู้ว่าเธอกำลังขอบคุณฉันไม่หยุดเลยสิเนี่ย อ๊ะ! ฉันต้องกลับแล้วล่ะ แล้วจะมาใหม่นะ ฉลองบ้านใหม่ให้สนุกล่ะ”
แม่มดน้อยปีนลงจากต้นไม้แล้วเดินจากไปอย่างมีความสุข โดยมีเจ้านกสีฟ้าผู้ไร้ปีกยืนโวยวายสาปแช่งอย่างโกรธแค้นอยู่หน้าคฤหาสน์ทองคำที่ไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับมัน แล้วจากนี้ไปมันจะทำยังไงกับชีวิตของมันล่ะ มันบินออกไปหากิ่งไม้แปลกๆมาแต่งรังเล็กๆของมันไม่ได้อีกแล้ว มันบินออกไปเที่ยวอย่างที่ชอบไม่ได้อีกแล้ว มันบินออกไปหาอาหารกินไม่ได้อีกแล้ว ไม่มีปีกอีกต่อไปแล้ว... มันดูไม่เหมือนกับนกแล้วด้วยซ้ำ ทำไมทำกับมันอย่างนี้ มันไม่ได้ร้องขออะไรเลย มันแค่ใช้ชีวิตของมันอยู่ดีๆ แต่สำหรับแม่มดน้อยแล้วเธอรู้เพียงเธอมีความสุขอย่างมากที่ได้เป็นแม่มดใจดีให้สิ่งที่ดีที่สุดกับนกน้อยให้นกน้อยได้อยู่ในบ้านใหม่ที่ไม่มีนกตัวไหนๆจะได้อยู่และได้ยินเสียงที่เธอเข้าใจว่าเป็นเสียงที่แสดงออกถึงความดีใจและขอบคุณของเจ้านกสีฟ้าดังก้องไปทั่วทั้งป่าเพื่อส่งเธอ...
วันต่อมา และหลายวันต่อๆมาแม่มดน้อยก็ไม่เห็นเจ้านกสีฟ้าอีกเลย อ้าว! เกิดอะไรขึ้นล่ะ หรือเจ้านกสีฟ้าไม่มีปีกที่จะบินอีกต่อไปแล้วต้องลงมาเดินหาอาหารบนพื้นอย่างยากลำบากแล้วโดนตัวอะไรหม่ำเป็นมื้อค่ำไปแล้ว? แย่ล่ะสิ ถ้าเป็นอย่างนั้นใครจะเป็นคนผิดกันล่ะ แม่มดน้อยงั้นหรือ? แต่เธอหวังดีนะเราควรจะโทษเธองั้นหรือ?
ว่าแต่... เจ้านกสีฟ้าผู้น่าสงสารล่ะ.. ไปอยู่ไหนแล้ว...
คำตอบก็คือ ไปไกลแล้วล่ะ แล้วคงไม่กลับมาอีกแล้ว... โชคดีในความโชคร้ายของเจ้านกสีฟ้า ที่แม่มดน้อยยังร่ายคาถาได้ไม่สมบูรณ์นัก พอผ่านไปได้ไม่นานนัก คฤหาสน์ทองคำก็ระเบิดปังแล้วหายกลายเป็นรังแสนรักของเจ้านกน้อยดังเดิม ส่วนปีกที่สำคัญพอๆกับชีวิตของมันก็กลับมาด้วย ไม่ต้องให้ส่งเสียงจิ๊บๆๆใครๆก็รู้ว่ามันดีใจมากแค่ไหน เฮ้อ... ค่อยยังชั่วหน่อย...
จากคำให้การของกระรอกน้อยที่ซุ่มดูอยู่บนยอดไม้แถวๆนั้นเล่าว่า หลังจากทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเดิมได้ไม่นานเจ้านกสีฟ้าก็ไม่มัวเสียเวลากับการดีใจอะไรมากนัก มันเพียงหันไปคาบกิ่งไม้เล็กๆที่มันชอบออกจากรังเก่าของมันแล้วออกบินไปอย่างรวดเร็ว แน่ล่ะ... มันคงไม่กล้ากลับมาที่นี่อีกแล้ว... มันคงจะบินไปหากิ่งไม้สงบๆแล้วเริ่มทำรังเล็กแสนรักของมันอีกครั้งหนึ่ง....
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ทุกคนต่างมีชีวิตและความชอบที่จะใช้ชีวิตของตัวเอง ความสุขในแบบของเราอาจไม่ใช่ความสุขของเขา ถ้าเอาตัวเราเองเป็นหลักแล้วล่ะก็ ความหวังดีของเราอาจไปทำร้ายคนที่เรารักโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้... นะ...