ท่านที่เคารพรักครับ ในเรื่องผู้ชนะสิบทิศนั้น มหาเถระให้จะเด็ดคุกเข่าอธิฐานสัตย์สาบานว่า
จะไม่ข้องเกี่ยวหรือแตะต้องแย่งชิงราชบัลลังค์กับ มังตราอย่างเด็ดขาด นี่คือคุณธรรมของคนที่มีญาณรับรู้ว่า
หากมีการต่อสู้แย่งชิงอำนาจ ประชาชนจะเดือดร้อน ทุกข์เข็ญ ยิ่งนัก
แต่โบราณนานมา ปุโรหิต โหรหลวง ในหนังจักๆวงศ์ๆ หรือเหล่าบรรดากุนซือ ในพงศาวดารสงครามชาติต่างๆ ประดาโหรล้วนมีอุบายแฝง ในการใช้คำทำนายเพื่อแย่งชิงอำนาจหรือแม้แต่เปลี่ยนราชวงศ์ ก็มีมาแล้วในประวัติศาสตร์
ในวงการโหงวเฮ้ง ฮวงจุ๊ย โหราศาสตร์ มีคำพูดหนึ่งที่พูดเอาไว้ว่า " ในดีมีร้าย ในร้ายมีดี "
เพื่อเตือนสติให้มนุษย์ได้พึงสังวรณ์และตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
หากหมอดู ดูว่าดี ก็อย่างมงาย โง่งม
หากหมอดู ดูว่าร้าย ก็อย่าฟูมฟาย คร่ำครวญ
เรื่องราวเกี่ยวกับโหงวเฮ้ง มีมาแต่โบราณเช่น อะแซหวุ่นกี้ขอดูตัว เจ้าพระยาจักรี เมื่อได้พบเห็นหน้ากัน หลังจากพินิจดูลักษณะโหงวเฮ้งแล้ว อะแซหวุ่นกี้ก็ทำนายทายทักว่า ต่อไปจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์
เรื่องนี้ พอมาถึงปัจจุบัน โดนวิเคราะห์ว่าแท้จริงคืออุบายยุแยงให้แตกแยกกันเองของ อะแซหวุ่นกี้ ที่เชี่ยวและกร้านชีวิตมามากกว่า
เพราะเวลานั้น อะแซหวุ่นกี้อายุ 72 ปี ส่วนพระยาจักรี อายุ 30 กว่าๆ
ในเรื่องสามก๊ก ไม่ใช่แต่เพียงขงเบ้งคนเดียว โจโฉ จิวยี่ สุมาอี้ ต่างก็ล้วนนำความรู้เรื่องฮวงจุ้ย โหงวเฮ้ง โหราศาสตร์มาปรับใช้ในการศึก
และแม้ว่า ยอดคนยอดฝีมือสมัยก่อนเหล่านี้จะพยายามที่จะฝืนดวงชะตาอย่างไร แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้แก่ลิขิตสวรรค์
ไม่สามารถที่จะเป็นไปได้ดั่งใจหวัง อาจจะเป็นได้เพียงใกล้เคียง
ยกตัวอย่างโจโฉ
โจโฉมีดวงชะตาราชันเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ตามโหรทำนาย แต่ตลอดเวลา โจโฉเป็นได้เพียงนั่งเก้าอี้มังกรแปดตัว เขาไม่มีวาสนาได้นั่งเก้าอี้มังกรเก้าตัวตามที่มุ่งหวัง
แม้ในชีวิตจริงนั้น โจโฉเป็นถึงสมุหนายกแห่งรัฐวุ่ย ซึ่งก็คือ ฮ่องเต้เงา ผู้โอังสามารถเข้าออกวังโดยพกกระบี่ติดตัวได้
เข้าหาฮ่องเต้โดยไม่ต้องขออนุญาติฮ่องเต้ก่อนได้ มีขบวนแห่ไปใหนมาใหน แบบพิธีการของฮ่องเต้ทุกอย่าง
อำนาจของโจโฉไม่ต่างกษัตริย์เหี้ยนเต้ แต่โจโฉก็ไม่ได้เป็นฮ่องเต้
ขอบเขตการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจตลอดเวลาที่ผ่านมา จำกัดอยู่เพียงนักการเมือง การปกครอง หรือแม้แต่ชาวยุทธจักร
คนประดานี้ มักไม่ข้องเกี่ยวกับราชสำนัก
เว้นแต่ราชสำนักเอื้อมมือลงมายุ่งเกี่ยวเอง ในหนังกำลังภายในนั้น เราจึงมักจะพบเห็นคำว่า....
รับราชโองการ ซึ่งคนที่ขัดราชโองการจะโดนเนรเทศ หรือยึดทรัพย์ทั้งหมด
ท่านที่เคารพรักครับ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นครั้งเดียวที่การต่อสู้ระหว่างชาวยุทธจักร ดำเนินไปโดยมีความเกี่ยวพันกับราชบัลลังค์ หรือ " ฮ่องเต้ " คนต่อไป นั่นคือเรื่อง สองนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ ของท่านโกวเล้ง
เบื้องหลังการต่อสู้ของไซมึ้งซวยเซาะและเอี๊ยบโกวเซี๊ยะ ที่คนคิดไม่ถึงก็คือว่า เบื้องลึกนั้นมีแผนร้ายที่น่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่ เกี่ยวกับกฏมณเทียรบาล การสืบราชสันตติวงศ์
ท่านที่เคารพรักครับ สารขัณฑ์นามสมมุติยุทธจักรแห่งนี้ เคยมีคำพูดเอาไว้ว่า หากเราโยนกระป๋องเปล่าเบียร์สิงห์ออกไป ไม่โดนหัวนายพลก็โดนหัวโหร
เพราะแผ่นดินนี้ นายพลกับโหรมีมากมายเหลือเกิน
และเรื่องๆหนึ่งที่นายพลมักสุมหัวกันกับโหร นั่นก็คือการ ปฏิวัติ รัฐประหาร
ยิ่งลักษณ์ ยิ้มเย้ยยุทธจักร ตอน ปฏิวัติ ประวิตร เปรม ประยุทธ์ ( 3 )
จะไม่ข้องเกี่ยวหรือแตะต้องแย่งชิงราชบัลลังค์กับ มังตราอย่างเด็ดขาด นี่คือคุณธรรมของคนที่มีญาณรับรู้ว่า
หากมีการต่อสู้แย่งชิงอำนาจ ประชาชนจะเดือดร้อน ทุกข์เข็ญ ยิ่งนัก
แต่โบราณนานมา ปุโรหิต โหรหลวง ในหนังจักๆวงศ์ๆ หรือเหล่าบรรดากุนซือ ในพงศาวดารสงครามชาติต่างๆ ประดาโหรล้วนมีอุบายแฝง ในการใช้คำทำนายเพื่อแย่งชิงอำนาจหรือแม้แต่เปลี่ยนราชวงศ์ ก็มีมาแล้วในประวัติศาสตร์
ในวงการโหงวเฮ้ง ฮวงจุ๊ย โหราศาสตร์ มีคำพูดหนึ่งที่พูดเอาไว้ว่า " ในดีมีร้าย ในร้ายมีดี "
เพื่อเตือนสติให้มนุษย์ได้พึงสังวรณ์และตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
หากหมอดู ดูว่าดี ก็อย่างมงาย โง่งม
หากหมอดู ดูว่าร้าย ก็อย่าฟูมฟาย คร่ำครวญ
เรื่องราวเกี่ยวกับโหงวเฮ้ง มีมาแต่โบราณเช่น อะแซหวุ่นกี้ขอดูตัว เจ้าพระยาจักรี เมื่อได้พบเห็นหน้ากัน หลังจากพินิจดูลักษณะโหงวเฮ้งแล้ว อะแซหวุ่นกี้ก็ทำนายทายทักว่า ต่อไปจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์
เรื่องนี้ พอมาถึงปัจจุบัน โดนวิเคราะห์ว่าแท้จริงคืออุบายยุแยงให้แตกแยกกันเองของ อะแซหวุ่นกี้ ที่เชี่ยวและกร้านชีวิตมามากกว่า
เพราะเวลานั้น อะแซหวุ่นกี้อายุ 72 ปี ส่วนพระยาจักรี อายุ 30 กว่าๆ
ในเรื่องสามก๊ก ไม่ใช่แต่เพียงขงเบ้งคนเดียว โจโฉ จิวยี่ สุมาอี้ ต่างก็ล้วนนำความรู้เรื่องฮวงจุ้ย โหงวเฮ้ง โหราศาสตร์มาปรับใช้ในการศึก
และแม้ว่า ยอดคนยอดฝีมือสมัยก่อนเหล่านี้จะพยายามที่จะฝืนดวงชะตาอย่างไร แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้แก่ลิขิตสวรรค์
ไม่สามารถที่จะเป็นไปได้ดั่งใจหวัง อาจจะเป็นได้เพียงใกล้เคียง
ยกตัวอย่างโจโฉ
โจโฉมีดวงชะตาราชันเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ตามโหรทำนาย แต่ตลอดเวลา โจโฉเป็นได้เพียงนั่งเก้าอี้มังกรแปดตัว เขาไม่มีวาสนาได้นั่งเก้าอี้มังกรเก้าตัวตามที่มุ่งหวัง
แม้ในชีวิตจริงนั้น โจโฉเป็นถึงสมุหนายกแห่งรัฐวุ่ย ซึ่งก็คือ ฮ่องเต้เงา ผู้โอังสามารถเข้าออกวังโดยพกกระบี่ติดตัวได้
เข้าหาฮ่องเต้โดยไม่ต้องขออนุญาติฮ่องเต้ก่อนได้ มีขบวนแห่ไปใหนมาใหน แบบพิธีการของฮ่องเต้ทุกอย่าง
อำนาจของโจโฉไม่ต่างกษัตริย์เหี้ยนเต้ แต่โจโฉก็ไม่ได้เป็นฮ่องเต้
ขอบเขตการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจตลอดเวลาที่ผ่านมา จำกัดอยู่เพียงนักการเมือง การปกครอง หรือแม้แต่ชาวยุทธจักร
คนประดานี้ มักไม่ข้องเกี่ยวกับราชสำนัก
เว้นแต่ราชสำนักเอื้อมมือลงมายุ่งเกี่ยวเอง ในหนังกำลังภายในนั้น เราจึงมักจะพบเห็นคำว่า....
รับราชโองการ ซึ่งคนที่ขัดราชโองการจะโดนเนรเทศ หรือยึดทรัพย์ทั้งหมด
ท่านที่เคารพรักครับ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นครั้งเดียวที่การต่อสู้ระหว่างชาวยุทธจักร ดำเนินไปโดยมีความเกี่ยวพันกับราชบัลลังค์ หรือ " ฮ่องเต้ " คนต่อไป นั่นคือเรื่อง สองนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ ของท่านโกวเล้ง
เบื้องหลังการต่อสู้ของไซมึ้งซวยเซาะและเอี๊ยบโกวเซี๊ยะ ที่คนคิดไม่ถึงก็คือว่า เบื้องลึกนั้นมีแผนร้ายที่น่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่ เกี่ยวกับกฏมณเทียรบาล การสืบราชสันตติวงศ์
ท่านที่เคารพรักครับ สารขัณฑ์นามสมมุติยุทธจักรแห่งนี้ เคยมีคำพูดเอาไว้ว่า หากเราโยนกระป๋องเปล่าเบียร์สิงห์ออกไป ไม่โดนหัวนายพลก็โดนหัวโหร
เพราะแผ่นดินนี้ นายพลกับโหรมีมากมายเหลือเกิน
และเรื่องๆหนึ่งที่นายพลมักสุมหัวกันกับโหร นั่นก็คือการ ปฏิวัติ รัฐประหาร