คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ขออนุญาตยกรีวิวที่เคยเขียนไว้มาให้อ่านนะครับ
.
.
.
เรามาทำความรู้จักรถ Sport 400cc กันดีกว่าครับ ในที่นี้ผมจะกล่าวถึงเฉพาะตัวรถที่นิยมและยังหาได้ง่ายใสตลาดนะครับ โมเดลเก่าๆกว่านั้นลงไปขอไม่พูดถึง
1.CBR400RR (NC29)
ข้อดี
เป็นรถสปอร์ตที่ขี่ง่าย+ขี่สบายที่สุด ได้รางวัลรถดีเยี่ยมยอดนิยมมาแล้วทั่วโลกแม้ในญี่ปุ่นเอง เป็นมิตรต่อผู้ขับขี่ ขี่ง่าย เลี้ยวง่าย ต้องการการเซอร์วิสต่ำกว่ารุ่นอื่นในตลาด ปัญหาน้อย ระบบไฟไม่ค่อยรวน ระบบความร้อนไม่ค่อยมีปัญหา เสียงทุ้มนุ่มไพเราะมาก กำลังมาในย่านกลางๆ รอบไม่สูงมากก็มีกำลัง ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์เล่นรอบ ถึงแม้รอบปลายจะกวาดช้าไปบ้าง แต่ถ้าจะเปรี้ยวก็ยังทำได้ดีอย่างไม่น่าเกลียด ขี่ง่ายมากๆ จนเป็นที่นิยมของผู้หัดขี่หรือผู้หญิง(ในสมัยนั้น)
ข้อเสีย
เป็นรถที่ราคาต่ำ ทำมาเพื่อเป็นรถใช้งานหรือขี่เที่ยว ออปชั่นติดรถน้อยที่สุด และสมรรถนะยังไม่ถึงขั้นเป็นรถสปอร์ตแท้ๆ เน้นไปทางขี่เที่ยวใช้งานเสียมากกว่า ถึงตอนนี้อะไหล่มันน้อยลงไปมาก เครื่องยกลูก คาบูสวยๆยกชุดไม่เห็นมานานแล้ว แฟริ่งก็ไม่ค่อยจะเหลือของเดิม ถูกดัดแปลงเป็นแฟริ่งแต่งซะเกือบหมด เสียดายมาก
2.VFR400R (NC30)
ข้อดี
เป็นรถ Race replica ที่ให้ความเป็นรถสนามอย่างแท้จริง ตัวรถได้นำดีไซน์จากรุ่นพี่อย่าง RC30(NCยักษ์) ท่านั่งเหมาะแก่การนำไปซิ่ง รอบปลายๆ สัก 7พันรอบขึ้นไปจะกวาดไวมาก ช่วงล่างเหนือชั้นด้วยโปรอาร์ม โช๊คหลังแก๊สตั้งแต่ปีแรกๆ โช๊คหน้าัปรับได้ตามมาในปีถัดๆมา เบรคหน้าเป็น 4 พอตคู่ เสียงแผดแบบโหดๆตามสไตล์4สูบวี ตัวรถไม่กว้างมาก พลิกโค้งง่าย อะไหล่ยังมีอยู่มาก เนื่องจากสามารถใช้อะไหล่ร่วมกับรุ่นน้องที่ใหม่กว่าอย่าง NC35 ได้ ซึ่งจะได้มาซึ่งความสดกว่า ของแต่งเยอะ
ข้อเสีย
ท่านั่งค่อนข้างหมอบและก้มกว่า ทำให้ลำบากหากจะนำมาใช้ขี่เที่ยว ความร้อนขึ้นง่ายกว่าเพราะเป็น 4 สูบวี จะมีจุดอับมากกว่า ถ้าขี่รถติดๆแดดร้อนๆนี่ไข่แทบสุก(จริงๆไม่ได้โม้) หม้อน้ำ 2 ใบต้องดูแลมากกว่า ระบบไฟเห็นว่ารวนกันบ่อย หัวเทียนแพงและซื้อร้านทั่วไปไม่ได้เพราะออกแบบมาเฉพาะตัว ล้อหลังขอบ 18 มีตัวเลือกให้เล่นน้อย เครื่องเดิมชาฟละลายง่ายหากไม่ดูแลระดับ+อุณหภูมิน้ำมันเครื่องดีๆ ส่วนใหญ่พังไปแทบหมดแล้ว จะเปลี่ยนเป็นเครื่อง NC35 มาเพราะแก้ไขจุดบกพร่องมาแล้ว และส่วนใหญ่จะเกิดอุบัติเหตุมาแล้วทั้งนั้น ตัวปี 89 คอมักร้าว เวลาซื้อต้องสังเกตให้ดี และเหมือนกับ CBR ที่ไม่ค่อยเหลือแฟริ่งเดิม เกือบทั้งหมดถูกแปลงแฟริ่งไปหมดแล้ว
3. RVF400R (NC35)
ข้อดี
เป็นรถสปอร์ต400 ตัวสุดท้ายของฮอนด้า ที่ถูกปรับปรุงข้อเสียจาก NC30 มาแล้วทุกจุด อะไหล่ยังมีเข้ามาเรื่อยๆเพราะญี่ปุ่นยังนิยมเล่นและสะสมกันอยู่มาก ท่านั่งถูกปรับปรุงให้ขี่ง่ายกว่า NC30 เกียร์ถูกปรับปรุงใหม่ให้มีความต่อเนื่องมากกว้าเดิม เครื่องและคาร์บูก็ถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมดเช่นกัน ออปชั่นติดตัวมามีมากกว่า เรียกได้ว่ามีมาครบแทบไม่ต้องแต่งอะไรเลย ทั้งโช๊คหน้าหัวกลับที่ปรับได้ทั้งพรีโหลดและรีบาวน์ โช๊คหลังก็ปรับได้ทั้งพรีโหลดและรีบาวน์เช่นกัน โปรอาร์มรุ่นปรับปรุ่งกับล้อ 17 หายางง่ายขึ้นเยอะ เบรคหน้า Nissin Advance ให้การควบคุมแรงเบรคดีกว่ารุ่นเก่าพร้อมจานเบรคลายใหม่ หน้าตาดูแล้วยังร่วมสมัยจอดคู่กับรถใหม่ได้อย่างไม่ขัดเขิน ระบบไฟถูกปรับปรุงไม่ค่อยงอแง อะไหล่เยอะ ของแต่งเยอะ ทั้งยังใช้ร่วมกับ NC30 ได้
ข้อเสีย
4สูบวี หนีไม่พ้นเรื่องความร้อน ทั้งที่ถูกปรับปรุงมาแล้ว แต่ถ้าเจอรถติดๆก็ทำเอาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเหมือนกัน ไข่สุกเหมือนเดิม ความจัดจ้านถูกตอนลงมา รอบปลายๆสู้ NC30 ไม่ได้ แต่ได้อัตราทดเกียร์ใหม่ที่ต่อเนื่องกว่ามาแทน ราคาค่าตัวค่อนข้างแพง อินวอยไม่มีทะเบียน สวยๆตอนนี้เปิดที่ 8หมื่น+++ ส่วนทะเบียนแท้ๆก็เริ่มต้นที่แสนสองปลายๆขึ้นไป ขึ้นอยู่กับความครบว่ามีมาแค่ไหน และส่วนมากก็จะเป็นทะเบียนไม่แท้ เพราะรถมันมาในยุคที่ยกเลิกการจดทะเบียนเสรีไปแล้วนั่นเอง
Sport 400 ที่ใครได้ยินชื่อก็ต้องคิดว่ามันเป็นรถสำหรับมือใหม่ เพิ่งเริ่มต้น แต่ชอบแนว Sport แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในปัจจุบัน Sport 400 ไม่เหมาะกับมือใหม่เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก
1.ท่านั่งที่ขี่ยาก(ยากกว่า Naked) ต้องใช้ทักษะพอสมควร จนถึงทักษาะขั้นสูง ถึงจะขี่ได้ดี ซึ่งมือใหม่อาจจะยังไม่มีตรงนี้
2.รถสปอร์ตต้องการการดูแลรักษามากกว่า Naked อย่างน้อยถ้าจะเซอร์วิสอะไร ก็ต้องถอดแฟริ่ง ซึ่งถ้าเป็นมือใหม่ และไม่ชำนาญการถอดแฟริ่ง หรืออาจไม่เคยทำเลย ก็อาจจะทำให้แฟริ่งเกิดการชำรุดเสียหายได้ เนื่องจากอายุอานามแต่ละคันก็ทำบัตรประชาชนกันแล้วทั้งนั้น ตรงนี้ต้องใช้ความระวัง และเมื่อรถอายุเยอะ ก็ต้องการการดูแลรักษาที่เอาใจใส่มากกว่ารถทั่วไปพอสมควร ตรงนี้หากเป็นมือใหม่มักสังเกตอาการไม่ออก แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไม่ได้ วิเคราะห์สาเหตุไม่เป็น อาจพาลทำให้ปัญหาเล็กๆลุกลามเป็นเรื่องใหญ่จนถึงขนาดต้องซ่อมเยอะ หรือกินข้าวลิงกลางทาง
3.เมื่ออายุเยอะ อะไหล่ที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ต้องน้อยตาม ดังนั้นหากเป็นมือใหม่ ไม่รู้จักชิ้นส่วน ไม่เกาะกลุ่มอะไหล่ อาจหาอะไหล่ไม่ได้ หรือโดนช่างฟันหัวแบะ(เจอกันเยอะมาก)
และอีกเยอะมาก ผมจึงให้ความเห็นว่ามันไม่เหมาะกับมือใหม่ด้วยประการทั้งปวง แต่ส่วนใหญ่มือใหม่มักมองหาเพราะต้องการเพียงความเท่ห์ที่ได้ขี่รถสปอร์ตคันโต ต้องการเสียง4สูบอันเร้าใจ และไหนจะบรรดาแฟริ่งแต่งที่ดัดแปลงรถออกมาเพื่อหลอกล่อมือใหม่ให้หลงไหลไปกับรูปทรงภายนอกที่คิดไปเองว่าสวย(???) ซึ่งปัจจุบันสปอร์ต 400 มักจะถูกดัดแปลง หั่น ตัด เฉือน ใส่แฟริ่งยานอวกาศกันแทบหมดแล้ว เหลือเดิมๆไม่น่าถึง10% น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง
.
.
.
ตอบคำถาม
1. ต้องดูอะไรบ้างครับ เปิดสวิตช์ ติดเครื่อง เดินเบาควรอยู่ที่เท่าไหร่ถึงจะปกติ
- ประมาณ 1000 นิดๆครับ
2. เวลาบิด เสียงเป็นไง ที่ว่า สะอึก อาการเป็นอย่างไรครับ ต้องบิดถึงกี่รอบ ค้างกี่นาทีครับ
- เปิดคันเร่งแล้วรอบไม่ไปตามมือครับ ไม่ต้องค้าง กระตุกคันเร่งเลย รถจะ ฮึก ฮื้ออออออ..
3. เรื่องเฟรม ควรดูยังไง แกะแฟริ่งออกเขาคงไม่ยอม มีวิธีสังเกตไหมครับว่า ถูกตัด ดัด เชื่อม เจาะ มา
- หลักๆก็ดูรอยเชื่อมที่คอครับ ถ้าเดิมๆจะเนียนมาก คนไทยเชื่อมยังไงก็เลียนแบบยาก
4. ควรเล่นรุ่นไหนครับ ในสามรุ่นที่ผมหยิบมา ดูภายนอกไม่ต่าง แต่ภายใน ตัว CBR เป็น 4 สูบเรียง VFR เป็นสูบวี มีอาร์มหลังอันเดียว RVF เป็นสูบวี ได้ USD คันนี้ผมจะเอาไว้ขี่ไปทำงาน สลับกับ นินจา ครับ อยากใช้ตลอดไม่อยากซื้อมาซ่อมครับ ขอความรู้ด้วย
- ถ้าไม่อยากซ่อมก็อย่าซื้อครับ รถพวกนี้อายุประมาณ 20 ปีแล้วทั้งนั้น ยังไงก็ซ่อมครับ รถพวกนี้เป็นรถสะสม เข้าขั้นคลาสสิคไปแล้ว เอาไปขี่ได้บ้างแต่ไม่อยากให้ขี่ใช้งานเยอะครับ ถ้าให้ผมแนะนำ เงินถึง เล่น RVF ครับ อะไหล่เพียบๆ
และมีคำถามเกี่ยวกับการดูแลรถด้วยครับ
1. รถพวกนี้ อะไหล่พอมีหลงเหลืออยู่ไหมครับ ผมอยู่ทางเหนือ ลำปาง หาอะไหล่แหล่งใหญ่ๆคงเป็นเชียงใหม่
- อะไหล่เยอะต้องเป็น RVF และ VFR ครับ CBR อะไหล่เหลือน้อยมากแล้ว
2. อะไหล่สามารถใช้กับรถในปัจจุบันได้ไหมครับ พวก SF CBR150 CBR250 หรือรุ่นอื่นๆ เทียบเอา ทั้งช่วงล่าง เครื่องยนต์ และ อะไหล่สิ้นเปลือง
- ส่วนใหญ่ ไม่ได้ครับ ตระกูล VFR RVF ยังใช้หัวเทียนเฉพาะรุ่นเลย ไม่เหมือนรถรุ่นอื่นๆ
3. รถพวกนี้เติมโซฮอลได้ไหมครับ หรือต้องเปลี่ยน โอริง สายยางน้ำมัน คาร์บู ก่อน (กะไว้จะเติม โซฮอล 95 เหมือนนินจาครับ)
- ได้ครับ จูนให้พอดีก็พอ ของผมก็เติมโซฮอล 95 ตลอด ไม่ได้เปลี่ยนอะไรทั้งสิ้นครับยกเว้นนมหนูเพื่อจูนให้ส่วนผสมพอดี
4. รถพวกนี้ "จุกจิก" ไหมครับ มีจุดไหนที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ หรือ มีอาการเฉพาะรุ่นยังไงบ้าง ผมคงไม่บิด 180 หรอกครับ ขี่ไปทำงาน ชิลๆ 5 กิโล อาจมีทริปไปเหนือ ล่องไต้บ้าง ความเร็วไม่เกิน 120 ครับ
- จุกจิกจิกหรือไม่ อยู่ที่การดูแลครับ ถ้าดูแลดี เงินถึง ใช้ของดี ตรงรุ่น เปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสื่อมไม่ขี้เหนียว ก็ไม่จุกจิกครับ
ส่วนมากที่เจอคืออยากเท่ห์แต่ไม่อยากลงทุนซ่อม ทำแค่ให้มันขี่ได้และเชื่อช่างโง่ๆ รถมันก็เลยแย่ลงๆ จนเน่าในแล้วก็ย้อมขายทิ้งแล้วเอาไปบอกต่อๆว่ารถพวกนี้มันเน่าขี่ไปซ่อมไปรอวันพัง
อาการเฉพาะรุ่น อ่านข้างบนครับผมอธิบายไว้ครบหมดแล้วนะในแต่ละรุ่น
ปล.เน้นครับว่ารถแนวนี้ ต้องแฟริ่งเดิม และทะเบียนแท้ เท่านั้นครับ แล้วจะไม่เสียใจ
ปล.2 เอารูปมายั่วครับ ลูกรักผมเอง
.
.
.
เรามาทำความรู้จักรถ Sport 400cc กันดีกว่าครับ ในที่นี้ผมจะกล่าวถึงเฉพาะตัวรถที่นิยมและยังหาได้ง่ายใสตลาดนะครับ โมเดลเก่าๆกว่านั้นลงไปขอไม่พูดถึง
1.CBR400RR (NC29)
ข้อดี
เป็นรถสปอร์ตที่ขี่ง่าย+ขี่สบายที่สุด ได้รางวัลรถดีเยี่ยมยอดนิยมมาแล้วทั่วโลกแม้ในญี่ปุ่นเอง เป็นมิตรต่อผู้ขับขี่ ขี่ง่าย เลี้ยวง่าย ต้องการการเซอร์วิสต่ำกว่ารุ่นอื่นในตลาด ปัญหาน้อย ระบบไฟไม่ค่อยรวน ระบบความร้อนไม่ค่อยมีปัญหา เสียงทุ้มนุ่มไพเราะมาก กำลังมาในย่านกลางๆ รอบไม่สูงมากก็มีกำลัง ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์เล่นรอบ ถึงแม้รอบปลายจะกวาดช้าไปบ้าง แต่ถ้าจะเปรี้ยวก็ยังทำได้ดีอย่างไม่น่าเกลียด ขี่ง่ายมากๆ จนเป็นที่นิยมของผู้หัดขี่หรือผู้หญิง(ในสมัยนั้น)
ข้อเสีย
เป็นรถที่ราคาต่ำ ทำมาเพื่อเป็นรถใช้งานหรือขี่เที่ยว ออปชั่นติดรถน้อยที่สุด และสมรรถนะยังไม่ถึงขั้นเป็นรถสปอร์ตแท้ๆ เน้นไปทางขี่เที่ยวใช้งานเสียมากกว่า ถึงตอนนี้อะไหล่มันน้อยลงไปมาก เครื่องยกลูก คาบูสวยๆยกชุดไม่เห็นมานานแล้ว แฟริ่งก็ไม่ค่อยจะเหลือของเดิม ถูกดัดแปลงเป็นแฟริ่งแต่งซะเกือบหมด เสียดายมาก
2.VFR400R (NC30)
ข้อดี
เป็นรถ Race replica ที่ให้ความเป็นรถสนามอย่างแท้จริง ตัวรถได้นำดีไซน์จากรุ่นพี่อย่าง RC30(NCยักษ์) ท่านั่งเหมาะแก่การนำไปซิ่ง รอบปลายๆ สัก 7พันรอบขึ้นไปจะกวาดไวมาก ช่วงล่างเหนือชั้นด้วยโปรอาร์ม โช๊คหลังแก๊สตั้งแต่ปีแรกๆ โช๊คหน้าัปรับได้ตามมาในปีถัดๆมา เบรคหน้าเป็น 4 พอตคู่ เสียงแผดแบบโหดๆตามสไตล์4สูบวี ตัวรถไม่กว้างมาก พลิกโค้งง่าย อะไหล่ยังมีอยู่มาก เนื่องจากสามารถใช้อะไหล่ร่วมกับรุ่นน้องที่ใหม่กว่าอย่าง NC35 ได้ ซึ่งจะได้มาซึ่งความสดกว่า ของแต่งเยอะ
ข้อเสีย
ท่านั่งค่อนข้างหมอบและก้มกว่า ทำให้ลำบากหากจะนำมาใช้ขี่เที่ยว ความร้อนขึ้นง่ายกว่าเพราะเป็น 4 สูบวี จะมีจุดอับมากกว่า ถ้าขี่รถติดๆแดดร้อนๆนี่ไข่แทบสุก(จริงๆไม่ได้โม้) หม้อน้ำ 2 ใบต้องดูแลมากกว่า ระบบไฟเห็นว่ารวนกันบ่อย หัวเทียนแพงและซื้อร้านทั่วไปไม่ได้เพราะออกแบบมาเฉพาะตัว ล้อหลังขอบ 18 มีตัวเลือกให้เล่นน้อย เครื่องเดิมชาฟละลายง่ายหากไม่ดูแลระดับ+อุณหภูมิน้ำมันเครื่องดีๆ ส่วนใหญ่พังไปแทบหมดแล้ว จะเปลี่ยนเป็นเครื่อง NC35 มาเพราะแก้ไขจุดบกพร่องมาแล้ว และส่วนใหญ่จะเกิดอุบัติเหตุมาแล้วทั้งนั้น ตัวปี 89 คอมักร้าว เวลาซื้อต้องสังเกตให้ดี และเหมือนกับ CBR ที่ไม่ค่อยเหลือแฟริ่งเดิม เกือบทั้งหมดถูกแปลงแฟริ่งไปหมดแล้ว
3. RVF400R (NC35)
ข้อดี
เป็นรถสปอร์ต400 ตัวสุดท้ายของฮอนด้า ที่ถูกปรับปรุงข้อเสียจาก NC30 มาแล้วทุกจุด อะไหล่ยังมีเข้ามาเรื่อยๆเพราะญี่ปุ่นยังนิยมเล่นและสะสมกันอยู่มาก ท่านั่งถูกปรับปรุงให้ขี่ง่ายกว่า NC30 เกียร์ถูกปรับปรุงใหม่ให้มีความต่อเนื่องมากกว้าเดิม เครื่องและคาร์บูก็ถูกปรับปรุงใหม่ทั้งหมดเช่นกัน ออปชั่นติดตัวมามีมากกว่า เรียกได้ว่ามีมาครบแทบไม่ต้องแต่งอะไรเลย ทั้งโช๊คหน้าหัวกลับที่ปรับได้ทั้งพรีโหลดและรีบาวน์ โช๊คหลังก็ปรับได้ทั้งพรีโหลดและรีบาวน์เช่นกัน โปรอาร์มรุ่นปรับปรุ่งกับล้อ 17 หายางง่ายขึ้นเยอะ เบรคหน้า Nissin Advance ให้การควบคุมแรงเบรคดีกว่ารุ่นเก่าพร้อมจานเบรคลายใหม่ หน้าตาดูแล้วยังร่วมสมัยจอดคู่กับรถใหม่ได้อย่างไม่ขัดเขิน ระบบไฟถูกปรับปรุงไม่ค่อยงอแง อะไหล่เยอะ ของแต่งเยอะ ทั้งยังใช้ร่วมกับ NC30 ได้
ข้อเสีย
4สูบวี หนีไม่พ้นเรื่องความร้อน ทั้งที่ถูกปรับปรุงมาแล้ว แต่ถ้าเจอรถติดๆก็ทำเอาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเหมือนกัน ไข่สุกเหมือนเดิม ความจัดจ้านถูกตอนลงมา รอบปลายๆสู้ NC30 ไม่ได้ แต่ได้อัตราทดเกียร์ใหม่ที่ต่อเนื่องกว่ามาแทน ราคาค่าตัวค่อนข้างแพง อินวอยไม่มีทะเบียน สวยๆตอนนี้เปิดที่ 8หมื่น+++ ส่วนทะเบียนแท้ๆก็เริ่มต้นที่แสนสองปลายๆขึ้นไป ขึ้นอยู่กับความครบว่ามีมาแค่ไหน และส่วนมากก็จะเป็นทะเบียนไม่แท้ เพราะรถมันมาในยุคที่ยกเลิกการจดทะเบียนเสรีไปแล้วนั่นเอง
Sport 400 ที่ใครได้ยินชื่อก็ต้องคิดว่ามันเป็นรถสำหรับมือใหม่ เพิ่งเริ่มต้น แต่ชอบแนว Sport แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในปัจจุบัน Sport 400 ไม่เหมาะกับมือใหม่เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก
1.ท่านั่งที่ขี่ยาก(ยากกว่า Naked) ต้องใช้ทักษะพอสมควร จนถึงทักษาะขั้นสูง ถึงจะขี่ได้ดี ซึ่งมือใหม่อาจจะยังไม่มีตรงนี้
2.รถสปอร์ตต้องการการดูแลรักษามากกว่า Naked อย่างน้อยถ้าจะเซอร์วิสอะไร ก็ต้องถอดแฟริ่ง ซึ่งถ้าเป็นมือใหม่ และไม่ชำนาญการถอดแฟริ่ง หรืออาจไม่เคยทำเลย ก็อาจจะทำให้แฟริ่งเกิดการชำรุดเสียหายได้ เนื่องจากอายุอานามแต่ละคันก็ทำบัตรประชาชนกันแล้วทั้งนั้น ตรงนี้ต้องใช้ความระวัง และเมื่อรถอายุเยอะ ก็ต้องการการดูแลรักษาที่เอาใจใส่มากกว่ารถทั่วไปพอสมควร ตรงนี้หากเป็นมือใหม่มักสังเกตอาการไม่ออก แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไม่ได้ วิเคราะห์สาเหตุไม่เป็น อาจพาลทำให้ปัญหาเล็กๆลุกลามเป็นเรื่องใหญ่จนถึงขนาดต้องซ่อมเยอะ หรือกินข้าวลิงกลางทาง
3.เมื่ออายุเยอะ อะไหล่ที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ต้องน้อยตาม ดังนั้นหากเป็นมือใหม่ ไม่รู้จักชิ้นส่วน ไม่เกาะกลุ่มอะไหล่ อาจหาอะไหล่ไม่ได้ หรือโดนช่างฟันหัวแบะ(เจอกันเยอะมาก)
และอีกเยอะมาก ผมจึงให้ความเห็นว่ามันไม่เหมาะกับมือใหม่ด้วยประการทั้งปวง แต่ส่วนใหญ่มือใหม่มักมองหาเพราะต้องการเพียงความเท่ห์ที่ได้ขี่รถสปอร์ตคันโต ต้องการเสียง4สูบอันเร้าใจ และไหนจะบรรดาแฟริ่งแต่งที่ดัดแปลงรถออกมาเพื่อหลอกล่อมือใหม่ให้หลงไหลไปกับรูปทรงภายนอกที่คิดไปเองว่าสวย(???) ซึ่งปัจจุบันสปอร์ต 400 มักจะถูกดัดแปลง หั่น ตัด เฉือน ใส่แฟริ่งยานอวกาศกันแทบหมดแล้ว เหลือเดิมๆไม่น่าถึง10% น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง
.
.
.
ตอบคำถาม
1. ต้องดูอะไรบ้างครับ เปิดสวิตช์ ติดเครื่อง เดินเบาควรอยู่ที่เท่าไหร่ถึงจะปกติ
- ประมาณ 1000 นิดๆครับ
2. เวลาบิด เสียงเป็นไง ที่ว่า สะอึก อาการเป็นอย่างไรครับ ต้องบิดถึงกี่รอบ ค้างกี่นาทีครับ
- เปิดคันเร่งแล้วรอบไม่ไปตามมือครับ ไม่ต้องค้าง กระตุกคันเร่งเลย รถจะ ฮึก ฮื้ออออออ..
3. เรื่องเฟรม ควรดูยังไง แกะแฟริ่งออกเขาคงไม่ยอม มีวิธีสังเกตไหมครับว่า ถูกตัด ดัด เชื่อม เจาะ มา
- หลักๆก็ดูรอยเชื่อมที่คอครับ ถ้าเดิมๆจะเนียนมาก คนไทยเชื่อมยังไงก็เลียนแบบยาก
4. ควรเล่นรุ่นไหนครับ ในสามรุ่นที่ผมหยิบมา ดูภายนอกไม่ต่าง แต่ภายใน ตัว CBR เป็น 4 สูบเรียง VFR เป็นสูบวี มีอาร์มหลังอันเดียว RVF เป็นสูบวี ได้ USD คันนี้ผมจะเอาไว้ขี่ไปทำงาน สลับกับ นินจา ครับ อยากใช้ตลอดไม่อยากซื้อมาซ่อมครับ ขอความรู้ด้วย
- ถ้าไม่อยากซ่อมก็อย่าซื้อครับ รถพวกนี้อายุประมาณ 20 ปีแล้วทั้งนั้น ยังไงก็ซ่อมครับ รถพวกนี้เป็นรถสะสม เข้าขั้นคลาสสิคไปแล้ว เอาไปขี่ได้บ้างแต่ไม่อยากให้ขี่ใช้งานเยอะครับ ถ้าให้ผมแนะนำ เงินถึง เล่น RVF ครับ อะไหล่เพียบๆ
และมีคำถามเกี่ยวกับการดูแลรถด้วยครับ
1. รถพวกนี้ อะไหล่พอมีหลงเหลืออยู่ไหมครับ ผมอยู่ทางเหนือ ลำปาง หาอะไหล่แหล่งใหญ่ๆคงเป็นเชียงใหม่
- อะไหล่เยอะต้องเป็น RVF และ VFR ครับ CBR อะไหล่เหลือน้อยมากแล้ว
2. อะไหล่สามารถใช้กับรถในปัจจุบันได้ไหมครับ พวก SF CBR150 CBR250 หรือรุ่นอื่นๆ เทียบเอา ทั้งช่วงล่าง เครื่องยนต์ และ อะไหล่สิ้นเปลือง
- ส่วนใหญ่ ไม่ได้ครับ ตระกูล VFR RVF ยังใช้หัวเทียนเฉพาะรุ่นเลย ไม่เหมือนรถรุ่นอื่นๆ
3. รถพวกนี้เติมโซฮอลได้ไหมครับ หรือต้องเปลี่ยน โอริง สายยางน้ำมัน คาร์บู ก่อน (กะไว้จะเติม โซฮอล 95 เหมือนนินจาครับ)
- ได้ครับ จูนให้พอดีก็พอ ของผมก็เติมโซฮอล 95 ตลอด ไม่ได้เปลี่ยนอะไรทั้งสิ้นครับยกเว้นนมหนูเพื่อจูนให้ส่วนผสมพอดี
4. รถพวกนี้ "จุกจิก" ไหมครับ มีจุดไหนที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ หรือ มีอาการเฉพาะรุ่นยังไงบ้าง ผมคงไม่บิด 180 หรอกครับ ขี่ไปทำงาน ชิลๆ 5 กิโล อาจมีทริปไปเหนือ ล่องไต้บ้าง ความเร็วไม่เกิน 120 ครับ
- จุกจิกจิกหรือไม่ อยู่ที่การดูแลครับ ถ้าดูแลดี เงินถึง ใช้ของดี ตรงรุ่น เปลี่ยนชิ้นส่วนที่เสื่อมไม่ขี้เหนียว ก็ไม่จุกจิกครับ
ส่วนมากที่เจอคืออยากเท่ห์แต่ไม่อยากลงทุนซ่อม ทำแค่ให้มันขี่ได้และเชื่อช่างโง่ๆ รถมันก็เลยแย่ลงๆ จนเน่าในแล้วก็ย้อมขายทิ้งแล้วเอาไปบอกต่อๆว่ารถพวกนี้มันเน่าขี่ไปซ่อมไปรอวันพัง
อาการเฉพาะรุ่น อ่านข้างบนครับผมอธิบายไว้ครบหมดแล้วนะในแต่ละรุ่น
ปล.เน้นครับว่ารถแนวนี้ ต้องแฟริ่งเดิม และทะเบียนแท้ เท่านั้นครับ แล้วจะไม่เสียใจ
ปล.2 เอารูปมายั่วครับ ลูกรักผมเอง
แสดงความคิดเห็น
อยากทราบเกี่ยวกับรถในตำนานครับ CBR400 VFR400 และ RVF400 ครับ ว่า สภาพที่ว่า "จบ" เป็นอย่างไร
แต่ไม่เคยขี่รถรุ่นนี้ตอนมันออกมา ผมเกิดปี 84 รถออกปี 88-92 โตไม่ทันครับ แต่เห็นละชอบตั้งแต่สมัยนั้น (แก่แดดโคตรๆ)และไม่เคยซื้อรถแบบนี้มือสอง ประสบการณ์ที่ผ่านมา มีซื้อ นินจา 250 มือ 1 กับ ซื้อ CBR 150R (หัวฉีด) มือสอง ซื้อให้ลูกพี่ลูกน้อง
ตอนนี้ต้องการตามฝันครับ เห็นราคาก็ไม่แรงมาก รถมีทะเบียนหาได้ตั้งแต่ 6 หมื่น - 9 หมื่นบาท ผมพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง พอสำหรับซื้อรถรุ่นนี้ละ แต่ อยากมีความรู้ในการดูรถครับ ว่ารถรุ่นนี้ สภาพซัก 85% ขึ้นไป มันเป็นยังไง และมีคำถามเกี่ยวกับการดูรถดังนี้ครับ
1. ต้องดูอะไรบ้างครับ เปิดสวิตช์ ติดเครื่อง เดินเบาควรอยู่ที่เท่าไหร่ถึงจะปกติ
2. เวลาบิด เสียงเป็นไง ที่ว่า สะอึก อาการเป็นอย่างไรครับ ต้องบิดถึงกี่รอบ ค้างกี่นาทีครับ
3. เรื่องเฟรม ควรดูยังไง แกะแฟริ่งออกเขาคงไม่ยอม มีวิธีสังเกตไหมครับว่า ถูกตัด ดัด เชื่อม เจาะ มา
4. ควรเล่นรุ่นไหนครับ ในสามรุ่นที่ผมหยิบมา ดูภายนอกไม่ต่าง แต่ภายใน ตัว CBR เป็น 4 สูบเรียง VFR เป็นสูบวี มีอาร์มหลังอันเดียว RVF เป็นสูบวี ได้ USD คันนี้ผมจะเอาไว้ขี่ไปทำงาน สลับกับ นินจา ครับ อยากใช้ตลอดไม่อยากซื้อมาซ่อมครับ ขอความรู้ด้วย
และมีคำถามเกี่ยวกับการดูแลรถด้วยครับ
1. รถพวกนี้ อะไหล่พอมีหลงเหลืออยู่ไหมครับ ผมอยู่ทางเหนือ ลำปาง หาอะไหล่แหล่งใหญ่ๆคงเป็นเชียงใหม่
2. อะไหล่สามารถใช้กับรถในปัจจุบันได้ไหมครับ พวก SF CBR150 CBR250 หรือรุ่นอื่นๆ เทียบเอา ทั้งช่วงล่าง เครื่องยนต์ และ อะไหล่สิ้นเปลือง
3. รถพวกนี้เติมโซฮอลได้ไหมครับ หรือต้องเปลี่ยน โอริง สายยางน้ำมัน คาร์บู ก่อน (กะไว้จะเติม โซฮอล 95 เหมือนนินจาครับ)
4. รถพวกนี้ "จุกจิก" ไหมครับ มีจุดไหนที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ หรือ มีอาการเฉพาะรุ่นยังไงบ้าง ผมคงไม่บิด 180 หรอกครับ ขี่ไปทำงาน ชิลๆ 5 กิโล อาจมีทริปไปเหนือ ล่องไต้บ้าง ความเร็วไม่เกิน 120 ครับ
ยังไงช่วยโพสคลิปหน่อยนะครับ ว่ารถสมบูรณ์เป็นยังไง เสียงเครื่อง สภาพรถ จุดที่ต้องดูครับ มีเสียงพากย์ด้วยยิ่งดีครับ
ขอบคุณมากครับ