ตอน 11 : ตอนนี้ขอสรุปคร่าวๆเกี่ยวกับโรค MS และ NMO ละกันนะจ๊ะ

โรค MS หรือโรคปลอกหุ้มประสาทอักเสบ ซึ่งน่าจะมีอาการเริ่มต้นจากการปวดศีรษะเป็นประจำ อาการชา ตาพร่ามัว เห็นภาพซ้อนหรือเบลอๆ ซึ่งจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อทำ MRI เท่านั้น ซึ่งโดยปกติคนไข้จะมีอาการ attack แบบเบาๆ บางคน attack แค่ครั้งเดียว แต่บางคนก็หลายครั้ง ซึ่งจะขึ้นอยู่กับรอยโรค ว่ามีจุดขาวๆ เกิดขึ้นที่ตรงไหน แล้วก็มากน้อยแค่ไหน ซึ่งไอ้จุดขาวๆเนี่ยเหมือนเป็นความอักเสบของปลอกหุ้มประสาท ทำให้ประสาทบริเวณนั้นทำงานได้ไม่สะดวกหรือถูกทำลาย คือถ้าจุดนี้เกิดขึ้นที่ตรงไหน ก็จะทำให้มีอาการต่างๆเกิดขึ้น

ส่วน NMO ก็จะมีอาการคล้ายๆกับ MS แต่จะต่างกันตรงที่อาการ attack จะหนักกว่ามากกกกก แต่ลักษณะของโรคจะคล้อยๆกัน แต่ NMO จะโจมตีที่ตาและกระดูกสันหลังเป็นหลัก ซึ่งถ้าจุดขาวๆนี้ ไปเกิดตรงบริเวณไหน ก็จะทำให้เกิดอาการที่บริเวณนั้นเช่นกัน โดยเฉพาะถ้าเกิดที่กระดูกสันหลัง ซึ่งเป็นศูนย์รวมของประสาทแต่ละส่วน เช่นถ้าไปเกิดที่บริเวณของการควบคุมการทรงตัว ก็จะทำให้ศูนย์เสียการทรงตัวในการเดิน หรือถ้าไปเกิดในบริเวณที่เกี่ยวกับการหายใจ ก็จะทำให้หายใจลำบากเป็นต้น

ซึ่งในปัจจุบันนี้มีโรงพยาบาลที่มีหมอเฉพาะทางและสามารถรักษาโรคนี้ได้มีอยู่ไม่กี่โรงพยาบาล อีกทั้งการรักษาก็ยังไม่มียาสำหรับใช้รักษา ซึ่งเมื่อเกิดอาการ attack เมื่อไหร่ ก็ต้องให้ยาสเตียรอยด์เท่านั้น เพื่อไปช่วยระงับการอักเสบของตัวโรค พูดง่ายๆก็คือ ไปกดไม่ให้อาการมันออกมาเพิ่มหรือรุนแรงมากขึ้นนั่นเอง จากที่หมอเคยอธิบายให้ฟัง คือถ้าได้รับยาบ่อยๆ ซึ่งยามันเป็นเพียงตัวที่ไปกดอาการไว้นั้น ยังไงต่อไปอาการนั้นมันก็จะเป็นขึ้นมาอีกอยู่ดีและก็จะหนักขึ้นด้วย (หมอเคยบอกว่ามันจะทำให้อ่อนแรงมากขึ้น) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะไม่ให้ยาก็ไม่ได้ เพราะอาจทำให้คนไข้อาการหนักมากขึ้น หรืออาจพิการได้ อีกทั้งหมอยังบอกอีกว่า จากสถิติคือ คนไข้ที่มีอาการในบริเวณไหนซ้ำๆกัน 3 ครั้ง ก็อาจพิการได้ ซึ่งยอมรับว่าตอนแรกก็จิตตกอยู่ 2 วัน แล้วก็เปลี่ยนความคิดใหม่ จากที่ได้สอบถามเพื่อนๆคนไข้ด้วยและ อาการปลงมากขึ้น ปล่อยวางกับสิ่งที่เป็นมากขึ้น ดูแลตัวเองให้ดีที่สุด และคิดว่าเราต้องสู้กับมันสิ เราต้องเดินให้ได้สิ มันจะเป็นกี่ครั้ง ก็หาหมอไป เราก็ต้องสู้แล้วก็ทำกายภาพ ออกกำลังเท่าที่ทำได้เพื่อให้ฟื้นตัวเร็วที่สุด แล้วก็ลบสถิตินั้นซะ ^^ เพราะคนไข้หลายๆคนก็บอกว่าเค้าเดินไม่ได้มาหลายครั้งแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังเดินได้ นี่คือเหตุผลและแรงบันดาลใจหนึ่งจากเพื่อนคนไข้ด้วยกัน  อิอิ....ขอบคุณนะคะทุกคน ^^

มีอยู่ครั้งนึงเจอคนไข้เป็นเด็กเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ปี 3 วันนั้นน้องเค้านั่ง wheelchair แล้วคุยกับหมอเสร็จก็ร้องไห้ เราเลยเข้าไปคุยกับน้องเค้า ให้ข้อคิดกับน้องเค้า ก็ดูเค้าดีขึ้นนะ ก็รู้สึกดีนะที่ได้เป็นแรงบันดาลใจให้คนไข้คนนึง ^^

หมอเคยบอกว่าโรคนี้ยังไม่มีสาเหตุแน่นอน อาจจะเกิดจากความเครียด การพักผ่อนน้อย อากาศ อาหาร หรืออะไรก็ตามซึ่งยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ที่แน่ๆ เมื่อเป็นแล้วก็ให้ดูแลตัวเองด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ห้ามเครียด ห้ามทานอาหารดิบ ให้ทานอาหารสุกใหม่ และสะอาด ที่สำคัญคือให้เลี่ยงอากาศร้อน

ดังนั้น โรคนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ร้ายแรงถึงกับชีวิต (หากตัวโรคไม่ไปเกิดกับส่วนที่ควบคุมการหายใจ) แต่ก็สามารถทำให้คนไข้เกิดความพิการได้ ประกอบกับอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก็ส่งผลกับการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน ของคนไข้ค่อนข้างมาก ซึ่งในคนไข้หลายๆคน เมื่อเป็นโรคนี้แล้ว ทำให้รับไม่ได้ และเกิดอาการซึมเศร้า ซึ่งในหลายๆครั้งที่ไปหาหมอ ก็จะพบคนไข้ที่ดูเครียด โดยเฉพาะคนไข้ที่เริ่มเดินไม่ได้ อีกทั้งปัจจุบันคนไข้มีแนวโน้มเด็กลงเรื่อยๆ จากเดิมครั้งแรกที่ไปหาหมอ ส่วนใหญ่จะพบคนไข้รุ่นคุณแม่ คุณป้า (ซึ่งเป็นมานานแล้ว) แล้วก็รุ่น 30 กว่า แล้วก็เริ่มเป็นรุ่นเด็กเรียนมหาวิทยาลัย และมัธยม แต่ในปัจจุบันเริ่มเป็นในเด็กอายุช่วง 9-11 ปีก็มี อ้อ...สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนไข้โรคนี้ ก็คือกำลังใจและความเข้าใจจากคนรอบข้างและคนในครอบครัวนะจ๊ะ ^^

ที่สำคัญคือ คนไข้ทุกคนหรือคนรอบๆหรือใกล้ตัวคนไข้ อย่าลืมช่วยสังเกตอาการของคนไข้ ว่าถ้ามีอาการผิดปกติ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม ขอให้รีบไปพบแพทย์เลยนะจ๊ะ จะใช่ attack หรือไม่ใช่ก็ตาม เพราะที่สำคัญที่สุดคือถ้าใช่ ต้องรีบให้ยาให้เร็วที่สุด ซึ่งอาการที่เป็นก็จะดีขึ้นเร็วนะจ๊ะ

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจในการเขียนอาการของตัวเอง ซึ่งก็คิดว่าค่อนข้างหนักกว่าหลายๆคนที่เป็น เพื่อแชร์ประสบการณ์นี้ให้กับเพื่อนๆ ได้อ่าน และทำความเข้าใจกับคนไข้โรคนี้ให้มากขึ้น เพราะหลายๆคนมักจะเจอว่า แม้กระทั่งคนในครอบครัวก็ไม่เข้าใจเขา

อย่างน้อยเราอยากให้ประสบการณ์ที่เราเป็นนี้ เป็นข้อมูลสำหรับเพื่อนๆหลายๆคน ทั้งที่เป็นโรคนี้ หรือไม่ได้เป็นโรคนี้ก็ตาม อย่างน้อยก็ขอเป็นกำลังใจนึงให้กับคนไข้ที่เป็น แต่ยังทำใจไม่ได้กับอาการต่างๆที่เกิดขึ้น สู้และยอมรับกับโรคนี้ให้ได้ ที่สำคัญคืออย่าเครียดนะจ๊ะ

ยังไงก็ขอให้คนไข้ทุกคนมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีอาการ attack อีกตลอดไปเลยนะจ๊ะ ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่