คำว่า “ฮิปโปโปเตมัส” มาจากคำสองคำในภาษากรีก คือ ฮิปโป (Hippo) หมายถึง ม้า และ โปเตมอส (potamos) หมายถึงแม่น้ำ นั่นคือสาเหตุที่มันยังเป็นที่รู้จักในชื่อว่า “ม้าแม่น้ำ” (River Horse) อีกด้วย
ฮิปโปโปเตมัสเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสามรองจากช้างและแรด และเป็นสัตว์กีบคู่ที่มีน้ำหนักมากที่สุด ฮิปโปนั้นเป็นญาติห่างๆของพวกวาฬ และอาจมาจากบรรพุรุษเดียวกัน ซึ่งก็คือบรรดา “สัตว์กีบนักล่า” ที่ตอนนี้สูญพันธุ์ไปแล้ว หนึ่งในนั้นก็คือ แอนดรูวซาร์ชัส “ครึ่งแกะครึ่งหมาป่า” ที่โด่งดังนั่นเอง
ฮิปโปตัวเมียให้กำเนิดลูกอ่อนหนึ่งตัวต่อครั้งภายในระยะเวลาสองถึงสามปี ก่อนและหลังออกลูก แม่ฮิปโปจะแยกตัวไปกับลูกอ่อนเป็นเวลา 10 ถึง 44 วัน หลังจากนั้นให้นมลูก 12 เดือน คอยอยู่ใกล้และปกป้องลูกในช่วงปีแรกๆ เช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ ฮิปโปตัวเมียให้นมลูก แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้น้ำนมของฮิปโปแตกต่างจากสัตว์อื่นคือสีของมัน
ใช่แล้ว เป็นความจริงที่สีน้ำนมของฮิปโปคือสีชมพูอ่อน สาเหตุที่มันเป็นสีชมพูนั้นเพราะว่าฮิปโปหลั่งกรดที่มีลักษณะเฉพาะเรียกว่า “กรดฮิปโปซูดอริค” (Hipposudoric) และ “สารนอร์ฮิปโปซูดอริค” (Norhipposudoric) ชื่อของกรดทั้งสองชนิดนี้มาจากคำว่าฮิปโปโปเตมัส
กรดฮิปโปซูดอริคมีสีออกแดงและมักรู้จักกันในชื่อ “เหงื่อเลือด” (ฮิปโปซูดอริคหมายถึงเหงื่อฮิปโป) แม้ว่ามันจะไม่ใช่ทั้งเลือดและเหงื่อก็ตามที ในขณะที่กรดอีกชนิดหนึ่ง นอร์ฮิปโปซูดอริคนั้นมีสีส้มอ่อน กรดทั้งสองชนิดนี้แรงพอที่จะลดการเติบโตของแบคทีเรียบนผิวหนังของฮิปโป นอกจากนั้นกรดเหล่านี้ยังทำหน้าที่เป็นครีมกันแดดให้กับผิวหนังของฮิปโปอีกด้วย โดยการดูดซึมรังสียูวีที่ทำลายเซลล์ผิวหนัง ในฮิปโปที่ให้นมนั้น กรดทั้งสองชนิดนี้รวมกันกับน้ำนมสีขาว ฉะนั้นจึงออกมาเป็นน้ำนมสีชมพู ดังนั้นสูดของมันก็ง่ายนิดเดียวคือ ขาว + แดง = ชมพู
ฮิปโปเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดเดียวที่ผลิตน้ำนมสีชมพู หลายคนเชื่อว่าน้ำนมของจามรีมีสีชมพูเช่นกัน แต่ความจริงแล้ว เมื่อจามรีออกลูก น้ำนมที่ผลิตออกมาในทีแรกมีเลือดปนอยู่ ซึ่งทำให้เกิดสีชมพู และรู้จักกันว่า “น้ำนมแรก” หลังจากนั้นระยะหนึ่งน้ำนมก็จะเปลี่ยนเป็นสีขาวปกติ
นอกจากสีชมพูของน้ำนมแล้ว ยังมีความจริงอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับฮิปโป
1. นมฮิปโปหนึ่งแก้วให้พลังงาน 500 แคลลอรี่
2. ฮิปโปออกลูกในน้ำเพื่อไม่ให้พวกลูกๆล้ม ทันทีที่ลูกเกิด มันก็จะว่ายน้ำขึ้นไปหายใจ เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่ลูกฮิปโปเรียนรู้ก็คือการว่ายน้ำ ฮิปโปแรกเกิดหนัก 42 กิโลกรัม ซึ่งหนักเท่ากับเกือบ 93 ปอนด์
3. ฮิปโปสามารถหลั่งน้ำนมจากใต้ผิวน้ำได้ ไม่เหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ ลูกฮิปโปจะสูดลมหายใจลึก ปิดหูและรูจมูก จากนั้นก็ใช้ลิ้นพันหัวนมแน่นๆ แล้วดูดนมของแม่ กระนั้นการผลิตน้ำนมของฮิปโปนั้นก็คล้ายกับการผลิตนมวัว รวมไปถึงปัจจัยที่ทำให้การผลิตน้ำนมลดลงก็ยังคล้ายกันอีกด้วย
4. ฮิปโปโปเตมัสอาศัยอยู่เป็นฝูง และโดยปกติแล้วในฝูงอยู่กัน 10 ถึง 30 ตัว ไม่ใช่เพียงแค่แม่ฮิปโปเท่านั้นที่เลี้ยงดูพวกลูกๆ แต่ฮิปโปตัวเมียตัวอื่นๆในฝูงก็ช่วยกันเลี้ยงพวกมันด้วย ลูกฮิปโปจะโตเต็มวัยตอนอายุ 7 ปี และตัวเมียจะถึงวัยเจริญพันธุ์ในช่วง 5 ถึง 6 ปี
5. ฟอสซิลฮิปโปโปเตมัสที่เก่าแก่ที่สุดนั้นเชื่อว่าค้นพบเมื่อ 16 ล้านปีก่อนในแอฟริกา มันมีช่วงอายุอยู่ที่ 40 ถึง 45 ปี ในขณะที่ฮิปโปที่แก่ที่สุดตายในวัย 62 ปี ชื่อว่าดอนน่า
ภาพดอนน่า
6. โดยปกติแล้วเวลาฮิปโปห้าวนั้นจะเป็นสัญญาณการข่มขู่จากพวกมัน ผิวฟันของพวกมันคล้ายกับงาของช้าง นั่นหมายความว่าพวกมันคืองาเช่นกัน และยาวได้ถึง 1 ฟุต ฟันปลอมของจอร์จ วอชิงตันก็ทำมาจากงาที่แกะสลักมาจากฟันของฮิปโป
7. มีฮิปโปสองสายพันธุ์ที่ถูกค้นพบ สายพันธุ์แรกคือฮิปโปธรรมดา ซึ่งยังรู้จักกันในนาม ฮิปโปโปเตมัส แอมฟิเบียส พบในแอฟริกาตะวันออก อีกสายพันธุ์หนึ่งคือ พิกมี่ฮิปโปโปเตมัส (ฮิปโปแคระ) หรือ เชอร็อบสิส ไลเบอเรียนสิส ที่พบในแอฟริกาตะวันตก และหายาก
ภาพพิกมี่
8. ฮิปโปกระโดดไม่ได้ แต่พวกมันวิ่งแซงมนุษย์ได้ง่ายๆ และโดยเฉลี่ยวิ่งด้วยความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มันถูกจัดให้เป็นหนึ่งในบรรดาสายพันธุ์ที่ก้าวร้าวที่สุดในโลก เพราะมันฆ่ามนุษย์จำนวนมากที่สุดเมื่อเทียบกับสัตว์อื่นๆ
9. ฮิปโปเป็นสัตว์กินพืช ลูกฮิปโปเริ่มกินหญ้าเมื่ออายุ 3 สัปดาห์
10. ฮิปโปกินหญ้าได้มากถึง 150 ปอนด์ในหนึ่งคืน และอาศัยอยู่ใต้น้ำได้นานกว่า 30 นาที
แปลมาจาก
http://factslist.net/2013/01/why-hippos-milk-is-pink-10-random-facts-about-hippos/
เครดิตรูปภาพ
https://www.countingflowers.co.uk/about-countingflowers/natural-fibres/5/yak-wool
http://www.washingtoncitypaper.com/blogs/citydesk/2013/05/08/hippo-campus-the-national-zoo-should-bring-back-natures-most-mercurial-large-mammal/
http://walkingwith.wikia.com/wiki/Andrewsarchus
http://wellthatsadorable.com/post/725760186/hippobabymama
https://www.courierpress.com/news/2012/jul/25/donna-hed-herp/
http://www.telegraph.co.uk/earth/earthpicturegalleries/7868188/Animal-pictures-of-the-week-2-July-2010.html?image=20
http://bonesasaurus.blogspot.com/2013/01/baby-pygmy-hippos.html
หมายเหตุ*
หลังจากที่โพสต์กระทู้นี้ไม่นานเราก็ไปตรวจสอบข้อมูลนิดหน่อยค่ะ
พบว่าจริงๆมีบางเว็บไซต์ที่ออกมาต่อต้านความเชื่อเรื่องน้ำนำสีชมพูของฮิปโปนะคะ โดยบอกว่ายังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าจริงๆแล้วเป็นสีชมพูจริงๆ
http://www.jimmo.org/hippopotamus-milk-is-not-pink/
ลองเสิร์ชดูหลายเว็บจะบอกว่าน้ำนมฮิปโปเป็นสีชมพู เหมือนจะเป็นเรื่องที่แพร่กระจายเป็นวงกว้างในอินเตอร์เน็ตค่ะ
รวมถึง facebook ของ National Geographic เองก็เคยโพสเรื่องนี้ไว้เหมือนกัน
https://www.facebook.com/natgeo/posts/10151554526093951
ลองเสิร์ชดูหลายๆหน้าก็ยังไม่เจอข้อมูล(ที่น่าจะเชื่อถือได้แน่ๆ)ที่ยืนยันได้เต็มปากว่าเป็นความจริง มีเพียงแค่การสันนิษฐานเท่านั้นค่ะ
http://www.funtrivia.com/askft/Question122792.html
แต่ว่าเรื่องกรดสองตัวที่กล่าวถึงนั้นเป็นเรื่องจริง และมีสีแบบนั้นจริงๆค่ะ ตรงนี้มีข้อมูลอยู่ในวิกิด้วย (และหาได้ทั่วไป)
http://en.wikipedia.org/wiki/Hippopotamus
ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ยังไม่กล้าฟันธงนะคะว่าน้ำนมฮิปโปมีสีชมพูอ่อนจริงๆ เพียงแต่อาจจะเป็นไปได้น่ะค่ะ เพราะกรดที่มันหลั่งนั้นมีสีแดงจริงๆ
ตรงนี้รบกวนผู้มีความรู้ หรือมีแหล่งอ้างอิงช่วยยืนยันความเป็นไปได้ของน้ำนมสีชมพูด้วยค่ะ
เรื่องน่ารู้ของฮิปโป: ทำไมน้ำนมของฮิปโปถึงสีชมพู?
ฮิปโปโปเตมัสเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสามรองจากช้างและแรด และเป็นสัตว์กีบคู่ที่มีน้ำหนักมากที่สุด ฮิปโปนั้นเป็นญาติห่างๆของพวกวาฬ และอาจมาจากบรรพุรุษเดียวกัน ซึ่งก็คือบรรดา “สัตว์กีบนักล่า” ที่ตอนนี้สูญพันธุ์ไปแล้ว หนึ่งในนั้นก็คือ แอนดรูวซาร์ชัส “ครึ่งแกะครึ่งหมาป่า” ที่โด่งดังนั่นเอง
ฮิปโปตัวเมียให้กำเนิดลูกอ่อนหนึ่งตัวต่อครั้งภายในระยะเวลาสองถึงสามปี ก่อนและหลังออกลูก แม่ฮิปโปจะแยกตัวไปกับลูกอ่อนเป็นเวลา 10 ถึง 44 วัน หลังจากนั้นให้นมลูก 12 เดือน คอยอยู่ใกล้และปกป้องลูกในช่วงปีแรกๆ เช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ ฮิปโปตัวเมียให้นมลูก แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้น้ำนมของฮิปโปแตกต่างจากสัตว์อื่นคือสีของมัน
ใช่แล้ว เป็นความจริงที่สีน้ำนมของฮิปโปคือสีชมพูอ่อน สาเหตุที่มันเป็นสีชมพูนั้นเพราะว่าฮิปโปหลั่งกรดที่มีลักษณะเฉพาะเรียกว่า “กรดฮิปโปซูดอริค” (Hipposudoric) และ “สารนอร์ฮิปโปซูดอริค” (Norhipposudoric) ชื่อของกรดทั้งสองชนิดนี้มาจากคำว่าฮิปโปโปเตมัส
กรดฮิปโปซูดอริคมีสีออกแดงและมักรู้จักกันในชื่อ “เหงื่อเลือด” (ฮิปโปซูดอริคหมายถึงเหงื่อฮิปโป) แม้ว่ามันจะไม่ใช่ทั้งเลือดและเหงื่อก็ตามที ในขณะที่กรดอีกชนิดหนึ่ง นอร์ฮิปโปซูดอริคนั้นมีสีส้มอ่อน กรดทั้งสองชนิดนี้แรงพอที่จะลดการเติบโตของแบคทีเรียบนผิวหนังของฮิปโป นอกจากนั้นกรดเหล่านี้ยังทำหน้าที่เป็นครีมกันแดดให้กับผิวหนังของฮิปโปอีกด้วย โดยการดูดซึมรังสียูวีที่ทำลายเซลล์ผิวหนัง ในฮิปโปที่ให้นมนั้น กรดทั้งสองชนิดนี้รวมกันกับน้ำนมสีขาว ฉะนั้นจึงออกมาเป็นน้ำนมสีชมพู ดังนั้นสูดของมันก็ง่ายนิดเดียวคือ ขาว + แดง = ชมพู
ฮิปโปเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดเดียวที่ผลิตน้ำนมสีชมพู หลายคนเชื่อว่าน้ำนมของจามรีมีสีชมพูเช่นกัน แต่ความจริงแล้ว เมื่อจามรีออกลูก น้ำนมที่ผลิตออกมาในทีแรกมีเลือดปนอยู่ ซึ่งทำให้เกิดสีชมพู และรู้จักกันว่า “น้ำนมแรก” หลังจากนั้นระยะหนึ่งน้ำนมก็จะเปลี่ยนเป็นสีขาวปกติ
นอกจากสีชมพูของน้ำนมแล้ว ยังมีความจริงอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับฮิปโป
1. นมฮิปโปหนึ่งแก้วให้พลังงาน 500 แคลลอรี่
2. ฮิปโปออกลูกในน้ำเพื่อไม่ให้พวกลูกๆล้ม ทันทีที่ลูกเกิด มันก็จะว่ายน้ำขึ้นไปหายใจ เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่ลูกฮิปโปเรียนรู้ก็คือการว่ายน้ำ ฮิปโปแรกเกิดหนัก 42 กิโลกรัม ซึ่งหนักเท่ากับเกือบ 93 ปอนด์
3. ฮิปโปสามารถหลั่งน้ำนมจากใต้ผิวน้ำได้ ไม่เหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ ลูกฮิปโปจะสูดลมหายใจลึก ปิดหูและรูจมูก จากนั้นก็ใช้ลิ้นพันหัวนมแน่นๆ แล้วดูดนมของแม่ กระนั้นการผลิตน้ำนมของฮิปโปนั้นก็คล้ายกับการผลิตนมวัว รวมไปถึงปัจจัยที่ทำให้การผลิตน้ำนมลดลงก็ยังคล้ายกันอีกด้วย
4. ฮิปโปโปเตมัสอาศัยอยู่เป็นฝูง และโดยปกติแล้วในฝูงอยู่กัน 10 ถึง 30 ตัว ไม่ใช่เพียงแค่แม่ฮิปโปเท่านั้นที่เลี้ยงดูพวกลูกๆ แต่ฮิปโปตัวเมียตัวอื่นๆในฝูงก็ช่วยกันเลี้ยงพวกมันด้วย ลูกฮิปโปจะโตเต็มวัยตอนอายุ 7 ปี และตัวเมียจะถึงวัยเจริญพันธุ์ในช่วง 5 ถึง 6 ปี
5. ฟอสซิลฮิปโปโปเตมัสที่เก่าแก่ที่สุดนั้นเชื่อว่าค้นพบเมื่อ 16 ล้านปีก่อนในแอฟริกา มันมีช่วงอายุอยู่ที่ 40 ถึง 45 ปี ในขณะที่ฮิปโปที่แก่ที่สุดตายในวัย 62 ปี ชื่อว่าดอนน่า
ภาพดอนน่า
6. โดยปกติแล้วเวลาฮิปโปห้าวนั้นจะเป็นสัญญาณการข่มขู่จากพวกมัน ผิวฟันของพวกมันคล้ายกับงาของช้าง นั่นหมายความว่าพวกมันคืองาเช่นกัน และยาวได้ถึง 1 ฟุต ฟันปลอมของจอร์จ วอชิงตันก็ทำมาจากงาที่แกะสลักมาจากฟันของฮิปโป
7. มีฮิปโปสองสายพันธุ์ที่ถูกค้นพบ สายพันธุ์แรกคือฮิปโปธรรมดา ซึ่งยังรู้จักกันในนาม ฮิปโปโปเตมัส แอมฟิเบียส พบในแอฟริกาตะวันออก อีกสายพันธุ์หนึ่งคือ พิกมี่ฮิปโปโปเตมัส (ฮิปโปแคระ) หรือ เชอร็อบสิส ไลเบอเรียนสิส ที่พบในแอฟริกาตะวันตก และหายาก
ภาพพิกมี่
8. ฮิปโปกระโดดไม่ได้ แต่พวกมันวิ่งแซงมนุษย์ได้ง่ายๆ และโดยเฉลี่ยวิ่งด้วยความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มันถูกจัดให้เป็นหนึ่งในบรรดาสายพันธุ์ที่ก้าวร้าวที่สุดในโลก เพราะมันฆ่ามนุษย์จำนวนมากที่สุดเมื่อเทียบกับสัตว์อื่นๆ
9. ฮิปโปเป็นสัตว์กินพืช ลูกฮิปโปเริ่มกินหญ้าเมื่ออายุ 3 สัปดาห์
10. ฮิปโปกินหญ้าได้มากถึง 150 ปอนด์ในหนึ่งคืน และอาศัยอยู่ใต้น้ำได้นานกว่า 30 นาที
แปลมาจาก http://factslist.net/2013/01/why-hippos-milk-is-pink-10-random-facts-about-hippos/
เครดิตรูปภาพ
https://www.countingflowers.co.uk/about-countingflowers/natural-fibres/5/yak-wool
http://www.washingtoncitypaper.com/blogs/citydesk/2013/05/08/hippo-campus-the-national-zoo-should-bring-back-natures-most-mercurial-large-mammal/
http://walkingwith.wikia.com/wiki/Andrewsarchus
http://wellthatsadorable.com/post/725760186/hippobabymama
https://www.courierpress.com/news/2012/jul/25/donna-hed-herp/
http://www.telegraph.co.uk/earth/earthpicturegalleries/7868188/Animal-pictures-of-the-week-2-July-2010.html?image=20
http://bonesasaurus.blogspot.com/2013/01/baby-pygmy-hippos.html
หมายเหตุ*
หลังจากที่โพสต์กระทู้นี้ไม่นานเราก็ไปตรวจสอบข้อมูลนิดหน่อยค่ะ
พบว่าจริงๆมีบางเว็บไซต์ที่ออกมาต่อต้านความเชื่อเรื่องน้ำนำสีชมพูของฮิปโปนะคะ โดยบอกว่ายังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าจริงๆแล้วเป็นสีชมพูจริงๆ
http://www.jimmo.org/hippopotamus-milk-is-not-pink/
ลองเสิร์ชดูหลายเว็บจะบอกว่าน้ำนมฮิปโปเป็นสีชมพู เหมือนจะเป็นเรื่องที่แพร่กระจายเป็นวงกว้างในอินเตอร์เน็ตค่ะ
รวมถึง facebook ของ National Geographic เองก็เคยโพสเรื่องนี้ไว้เหมือนกัน
https://www.facebook.com/natgeo/posts/10151554526093951
ลองเสิร์ชดูหลายๆหน้าก็ยังไม่เจอข้อมูล(ที่น่าจะเชื่อถือได้แน่ๆ)ที่ยืนยันได้เต็มปากว่าเป็นความจริง มีเพียงแค่การสันนิษฐานเท่านั้นค่ะ
http://www.funtrivia.com/askft/Question122792.html
แต่ว่าเรื่องกรดสองตัวที่กล่าวถึงนั้นเป็นเรื่องจริง และมีสีแบบนั้นจริงๆค่ะ ตรงนี้มีข้อมูลอยู่ในวิกิด้วย (และหาได้ทั่วไป)
http://en.wikipedia.org/wiki/Hippopotamus
ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ยังไม่กล้าฟันธงนะคะว่าน้ำนมฮิปโปมีสีชมพูอ่อนจริงๆ เพียงแต่อาจจะเป็นไปได้น่ะค่ะ เพราะกรดที่มันหลั่งนั้นมีสีแดงจริงๆ
ตรงนี้รบกวนผู้มีความรู้ หรือมีแหล่งอ้างอิงช่วยยืนยันความเป็นไปได้ของน้ำนมสีชมพูด้วยค่ะ