ดิฉันเป็นคุณแม่ลูก 2 และเป็นพนักงานโรงงาน เงินเดือนน้อยทั้งสามี และภรรยา และก็มีไปกู้หนี้ ยืมสินธนาคารมาใช้จ่าย เหมือนดังพนักงาานทั่วไป หลายๆคน
การจ่ายค่าบัตรของดิฉันคือ การจ่ายขั้นตํ่าเข้าไป และกดออกมา เพื่อจ่ายบัตรอีกใบ พยายามหมุนอยู่อย่างนี้ และถ้าเดือนใหนมีค่าโอทีมาก ก็จะจ่ายเข้าไปมากกว่าขั้นตํ่านิดหน่อยค่ะ เมื่อปีที่แล้ว ครอบครัวดิฉันประสบปัญหาหมุนไม่ทัน เลยหยุดจ่ายค่าบัตรของธนาคารแห่งหนึ่ง (จากหลายธนาคารที่มีอยู่) ทางธนาคารโทรมายื่นข้อเสนอให้ปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อลดภาระการชำระแต่ละเดือนให้ตํ่าลง ซึ่งตอนแรก ดิฉันไม่อยากทำการปรับ เพราะคิดว่าหากไม่สามารถจ่ายได้ในวันหนึ่ง สัญญาปรับโครงสร้างหนี้นี้ จะเป็นโมฆะ และหากวันหนึ่งเก็บเงินก้อนได้ จะไปขอเจรจาให้ทางธนาคารลดหนี้ให้ และจ่ายเป็นเงินก้อนทีเดียวดีกว่า แต่ทางเจ้าหน้าที่ กลับชี้แจงว่า การปรับโครงสร้างหนี้ หากจ่ายไม่ได้ในเดือนใดเดือนหนึ่ง แล้วกลับมาจ่ายต่อ เราก็เพียงแค่ต้องจ่ายหนี้ยืดออกไปและจ่ายให้ครบเท่านั้นเอง และจะไม่มีผลต่อสัญญาด้วย ดิฉันจึงยินยอมยื่นเอกสาร เพื่อให้ธนาคารทำเรื่องให้ และเริ่มจ่ายเข้าไปตั้งแต่ต้นปี 2556
เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2556 ดิฉันคลอดลูกคนที่ 2 และในช่วงลาคลอดนั้น ไม่สามารถออกไปจ่ายค่าบัตรได้ และคิดว่า คงไม่เป็นไร เมื่อสะดวกแล้ว เดี๋ยวจะเข้าไปจ่าย และคงไม่มีปัญหาอะไร
มาวันนี้ มี จนท. ธนาคารโทรมา แจ้งว่าเราไม่ได้จ่ายค่าบัตรที่ปรับโครงสร้างไว้ รวมถึงปัจจุบัน 4 งวดแล้ว และให้รีบดำเนินการชำระโดยเร็ว
ดิฉันบอก จนท.ไปว่า จะขอจ่าย 1 งวดภายในสัปดาห์นี้ก่อน และถามถึงยอดหนี้ที่ยังค้างอยู่ทั้งหมด คำตอบของจนท. ทำให้ดิฉันปากสั่น มือสั่น เพราะเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าที่คาดเดาเอาไว้มาก
เงินต้นที่ดิฉันกู้แบงค์มาจากบัตร 3 ใบที่ได้รวบมาเป็นยอดเดียว ในธนาคารเดียวกันนี้คือ 57,000 บาท อาจจะมีดอกเบี้ยและค่าปรับบวกเพิ่มมาอีกนิดหน่อยก่อนปรับโครงสร้าง ซึ่งดิฉันว่าก็ไม่น่าจะมากมายอะไรนัก และต้องมีปรับลดลงมาอีก หลังจากที่ดิฉันมีการจ่ายหนี้เดือนละ 2,000 บาทเข้าไป หลังทำสัญญาใหม่ เแต่มาวันนี้ จนท.แจ้งว่าดิฉันมีหนี้ค้าง 82,219 บาท และแจ้งว่าส่วนที่คิดเพิ่มขึ้นมาคือส่วนของดอกเบี้ยนอกสัญญาที่ดิฉันผิดนัดชำระหนี้ ดิฉันพยายามขอคำอธิบายของคำว่า ดอกเบี้ยนอกสัญญา และขอเอกสารชี้แจงถึงรายละเอียดของเงินที่จนท.แจ้งให้ชำระ แต่จนท. ก็ได้แต่เพียงบอกว่าแจ้งตามข้อมูลในระบบ และ ไม่สามารถหาเอกสารใดๆให้เราได้
เถียงกันอยู่สักพักใหญ่เหมือนกันค่ะ เวลาที่เราพยายามขอคำอธิบาย จนท.ก็จะพูดตัดบท ไม่ให้เราได้พูด และทำเป็นไม่ฟังอะไรจากเราทั้งนั้น เหมือนจะไม่ได้ข้อสรุป ดิฉันเลยขอว่า ขอคิดดูก่อน
รายละเอียดอีกเยอะค่ะ แต่เป็นนํ้าๆ ที่ถ้าเล่าไปก็เสียเวลาเปล่าๆ เอาเป็นว่า ขอรบกวนเพื่อนๆ พี่ๆ ชาวเวบพันทิปผู้รู้เรื่องกฏหมาย ช่วยชี้แนะวิธีปฏิบัติ และแนวทางแก้ไขให้ด้วยค่ะ ว่าดิฉันควรจะทำอย่างไรดี ไอ้เงินที่ไปกู้เขามา ก็มีเจตนาจะใช้คืนค่ะ แต่เจอดอกเบี้ยแบบนี้ ก็หมดกำลังใจ ไม่รู้ต้องทำยังไง ถึงจะปลดหนี้ได้ ธนาคารให้ส่วนลดมา ก็สนใจค่ะ แต่ไม่รู้จะเอาเงินก้อนที่ใหนไปจ่าย หรือจะหยุดจ่าย รอเก็บเงิน แล้วไปขึ้นศาลรอจ่ายตอนนั้น ก็มีคนบอกว่า จะไม่ได้ส่วนลด เพราะเราทำปรับโครงสร้างไปแล้ว ถ้าอยากได้ส่วนลด ช่วงนี้ก็ต้องจ่ายขั้นตํ่าไปเรื่อยๆ รอเก็บเงินได้ก่อน (แล้วจะเอาที่ใหนมาเก็บอ่ะคะ)
เล่าไป นํ้าตาก็ชักจะซึมๆ เอาเป็นว่า รบกวนเพื่อนๆที่พอมีแนวทาง หรือมีประสบการณ์ ช่วยให้คำปรึกษา ชี้แนะด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
หนี้บัตรเครดิตที่ทำเรื่องปรับโครงสร้างไว้ จะจ่ายต่อไป หรือหยุดจ่ายดี
การจ่ายค่าบัตรของดิฉันคือ การจ่ายขั้นตํ่าเข้าไป และกดออกมา เพื่อจ่ายบัตรอีกใบ พยายามหมุนอยู่อย่างนี้ และถ้าเดือนใหนมีค่าโอทีมาก ก็จะจ่ายเข้าไปมากกว่าขั้นตํ่านิดหน่อยค่ะ เมื่อปีที่แล้ว ครอบครัวดิฉันประสบปัญหาหมุนไม่ทัน เลยหยุดจ่ายค่าบัตรของธนาคารแห่งหนึ่ง (จากหลายธนาคารที่มีอยู่) ทางธนาคารโทรมายื่นข้อเสนอให้ปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อลดภาระการชำระแต่ละเดือนให้ตํ่าลง ซึ่งตอนแรก ดิฉันไม่อยากทำการปรับ เพราะคิดว่าหากไม่สามารถจ่ายได้ในวันหนึ่ง สัญญาปรับโครงสร้างหนี้นี้ จะเป็นโมฆะ และหากวันหนึ่งเก็บเงินก้อนได้ จะไปขอเจรจาให้ทางธนาคารลดหนี้ให้ และจ่ายเป็นเงินก้อนทีเดียวดีกว่า แต่ทางเจ้าหน้าที่ กลับชี้แจงว่า การปรับโครงสร้างหนี้ หากจ่ายไม่ได้ในเดือนใดเดือนหนึ่ง แล้วกลับมาจ่ายต่อ เราก็เพียงแค่ต้องจ่ายหนี้ยืดออกไปและจ่ายให้ครบเท่านั้นเอง และจะไม่มีผลต่อสัญญาด้วย ดิฉันจึงยินยอมยื่นเอกสาร เพื่อให้ธนาคารทำเรื่องให้ และเริ่มจ่ายเข้าไปตั้งแต่ต้นปี 2556
เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2556 ดิฉันคลอดลูกคนที่ 2 และในช่วงลาคลอดนั้น ไม่สามารถออกไปจ่ายค่าบัตรได้ และคิดว่า คงไม่เป็นไร เมื่อสะดวกแล้ว เดี๋ยวจะเข้าไปจ่าย และคงไม่มีปัญหาอะไร
มาวันนี้ มี จนท. ธนาคารโทรมา แจ้งว่าเราไม่ได้จ่ายค่าบัตรที่ปรับโครงสร้างไว้ รวมถึงปัจจุบัน 4 งวดแล้ว และให้รีบดำเนินการชำระโดยเร็ว
ดิฉันบอก จนท.ไปว่า จะขอจ่าย 1 งวดภายในสัปดาห์นี้ก่อน และถามถึงยอดหนี้ที่ยังค้างอยู่ทั้งหมด คำตอบของจนท. ทำให้ดิฉันปากสั่น มือสั่น เพราะเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าที่คาดเดาเอาไว้มาก
เงินต้นที่ดิฉันกู้แบงค์มาจากบัตร 3 ใบที่ได้รวบมาเป็นยอดเดียว ในธนาคารเดียวกันนี้คือ 57,000 บาท อาจจะมีดอกเบี้ยและค่าปรับบวกเพิ่มมาอีกนิดหน่อยก่อนปรับโครงสร้าง ซึ่งดิฉันว่าก็ไม่น่าจะมากมายอะไรนัก และต้องมีปรับลดลงมาอีก หลังจากที่ดิฉันมีการจ่ายหนี้เดือนละ 2,000 บาทเข้าไป หลังทำสัญญาใหม่ เแต่มาวันนี้ จนท.แจ้งว่าดิฉันมีหนี้ค้าง 82,219 บาท และแจ้งว่าส่วนที่คิดเพิ่มขึ้นมาคือส่วนของดอกเบี้ยนอกสัญญาที่ดิฉันผิดนัดชำระหนี้ ดิฉันพยายามขอคำอธิบายของคำว่า ดอกเบี้ยนอกสัญญา และขอเอกสารชี้แจงถึงรายละเอียดของเงินที่จนท.แจ้งให้ชำระ แต่จนท. ก็ได้แต่เพียงบอกว่าแจ้งตามข้อมูลในระบบ และ ไม่สามารถหาเอกสารใดๆให้เราได้
เถียงกันอยู่สักพักใหญ่เหมือนกันค่ะ เวลาที่เราพยายามขอคำอธิบาย จนท.ก็จะพูดตัดบท ไม่ให้เราได้พูด และทำเป็นไม่ฟังอะไรจากเราทั้งนั้น เหมือนจะไม่ได้ข้อสรุป ดิฉันเลยขอว่า ขอคิดดูก่อน
รายละเอียดอีกเยอะค่ะ แต่เป็นนํ้าๆ ที่ถ้าเล่าไปก็เสียเวลาเปล่าๆ เอาเป็นว่า ขอรบกวนเพื่อนๆ พี่ๆ ชาวเวบพันทิปผู้รู้เรื่องกฏหมาย ช่วยชี้แนะวิธีปฏิบัติ และแนวทางแก้ไขให้ด้วยค่ะ ว่าดิฉันควรจะทำอย่างไรดี ไอ้เงินที่ไปกู้เขามา ก็มีเจตนาจะใช้คืนค่ะ แต่เจอดอกเบี้ยแบบนี้ ก็หมดกำลังใจ ไม่รู้ต้องทำยังไง ถึงจะปลดหนี้ได้ ธนาคารให้ส่วนลดมา ก็สนใจค่ะ แต่ไม่รู้จะเอาเงินก้อนที่ใหนไปจ่าย หรือจะหยุดจ่าย รอเก็บเงิน แล้วไปขึ้นศาลรอจ่ายตอนนั้น ก็มีคนบอกว่า จะไม่ได้ส่วนลด เพราะเราทำปรับโครงสร้างไปแล้ว ถ้าอยากได้ส่วนลด ช่วงนี้ก็ต้องจ่ายขั้นตํ่าไปเรื่อยๆ รอเก็บเงินได้ก่อน (แล้วจะเอาที่ใหนมาเก็บอ่ะคะ)
เล่าไป นํ้าตาก็ชักจะซึมๆ เอาเป็นว่า รบกวนเพื่อนๆที่พอมีแนวทาง หรือมีประสบการณ์ ช่วยให้คำปรึกษา ชี้แนะด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ