ข้อ 7...พูดเป็นนัย....ผู้หญิงคนนี้เลวมั่กๆๆ ยากหาใครเปรียบได้.....อยากรู้จังจุดจบจะเป็นอย่างไร.....

วันนี้ตั้งใจจะมาสังเกตุการณ์ ไม่คิดว่าจะโดน อ.แก้วสรรจับมาเป็นตัวประกัน (ฮา) แต่นายกยิ่งลักษณ์กล่าวพาดพิงผมกับเลขายูเอ็น
เป็นการโกหกระดับโลก ผมเพิ่งเขียนจดหมายไปชี้แจ้งกับบันคีมูน# เดอะมาร์ค เวทีราชดำเนิน/ ภาพ คุณอิน
--------------------------------------
7 ข้อ ยิ่งลักษณ์ตอแหL UN

1. ยิ่งลักษณ์ ได้ชี้แจงกับเลขาฯ ยูเอ็นว่า ปัญหาเกิดจากองค์กรอิสระ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง และส่งผลกระทบ
ต่อรัฐบาล จนทำให้สถานการณ์ขัดแย้งรุนแรงยิ่งขึ้น คงหมายถึงศาลรัฐธรรมนูญ ถามว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้อะไรคิด ที่ใส่ร้ายองค์กรอิสระ
ในประเทศตนเอง ทั้งที่พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลทำผิดกฎหมาย ซึ่งศาลพิจารณาจากข้อเท็จจริง ที่เอาศาลรัฐธรรมนูญไทยไปโพทะนา
กับทางยูเอ็น


2. น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังอ้างกับนายบันคี มูน ว่ากฎหมายนิรโทษกรรมฉบับนี้ นายอภิสิทธิ์ และนายแก้วสรร อติโพธิ์ ก็เข้าร่วมเป็นกรรมาธิการ
ในการพิจารณาร่างกฎหมายนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าทั้งสองคน จะเห็นด้วยกับการออกกฎหมายฉบับนี้ ซ้ำยังใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์
ว่าไม่ร่วมพิจารณากฎหมายดังกล่าว โดยไม่พูดความจริงว่ารัฐบาลนี้ลักหลับออกกฎหมายสำคัญ เพื่อล้างผิดให้พี่ชายตัวเอง
ตอนตี 4 กว่าๆ ซึ่งไม่มีประเทศไหนทำกัน และยังโกหกว่ากฎหมายนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น สร้างความปรองดองที่จ่ายเงินเยียวยา
ให้เหยื่อรายละ 7.75 ล้านบาท ทั้งที่รัฐบาลนี้ออกประกาศจ่ายเงินให้ไปก่อนหน้านี้แล้ว


3. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยืนยันกับ นายบัน คี มูนว่า กฎหมายนิรโทษกรรมนี้ ไม่เอื้อประโยชน์ต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และแกนนำคนเสื้อแดง
อีกทั้งไม่คืนทรัพย์สินให้พ.ต.ท.ทักษิณ อีกด้วย แต่มุ่งล้างผิดให้คนทุกกลุ่มทุกสี ซึ่งเรื่องนี้ขัดแย้งต่อความจริงเช่นกัน

4. น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล้าถึงขนาดโกหกว่าได้เชิญนายอภิสิทธิ์ เข้าร่วมสภาปฏิรูปหลายครั้ง แต่ได้รับการปฏิเสธ ทั้งที่ความจริง
มาเชิญแค่ครั้งเดียวคือสภาปฏิรูป ชุดที่มีนายบรรหาร ศิลปาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา มาเชิญ โดยนายอภิสิทธิ์
ได้เสนอให้ยุติการออกกฎหมายนิรโทษกรรมแล้วจะเข้าร่วม แต่รัฐบาลนี้ก็เลือกที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมแทน
ถือเป็นการเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่นอย่างหน้าไม่อาย


5. น.ส.ยิ่งลักษณ์บอกกับเลขาฯ ยูเอ็นว่า ในกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.มี 3 พวก คือพวก กปปส.ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯ กปปส.
กลุ่มพันธมิตรเก่าของนายสนธิ ลิ้มทองกุล และกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) ที่ส่วนใหญ่มาจากภาคใต้
โดยมีอาวุธ ระเบิดและสารเสพติด ทั้งที่การชุมนุมของ กปปส. 2 เดือนที่ผ่านมา ไม่มีความรุนแรงใดๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นช่วง 2-3 วันนี้
เพราะมีการตั้งกลุ่มคนแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มมวลชน เพื่อมาก่อเหตุปะทะสร้างสถานการณ์ เพื่อเป็นข่าวทำให้เสียหายและขู่ประชาชาชน
ไม่ให้มาร่วมชุมนุม


6. รัฐธรรมนูญกำหนดให้ กกต.จัดการเลือกตั้งตัวนายกฯ ไม่มีอำนาจเลื่อนการเลือกตั้ง แต่เมื่อ กกต.มีมติทำหนังสือถึงนายกฯ
โดยระบุว่าเป็นผู้รักษากฎหมายลำดับที่ 1 ขอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อนที่จะหารือกัน แต่นายกฯ กลับไม่พูดถึงยังมาปั้น
เรื่องโกหกคำโตเพื่อสร้างภาพ


7. ถ้อยคำสุดท้ายที่นายกฯ พูดกับเลขาฯ ยูเอ็นคือ "ถ้าวันที่ 13 ม.ค.นี้ เกิดเหตุรุนแรงขึ้น และมีความสูญเสียก็ขอให้เลขาฯ
ยูเอ็นออกแถลงการณ์ให้ภาคส่วนต่างๆ ให้กลไกแก้ไขอย่างสงบ คำพูดนี้ถอดความได้เท่ากับการเปิดช่องทางให้ต่างประเทศ
เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทย เป็นการใช้ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศไทยอีกครั้ง แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ตั้งใจที่จะ
ใช้ความรุนแรง หรือเพื่อให้เกิดสถานการณ์รุนแรงเพื่อที่จะดึงต่างชาติมหาอำนาจ มารักษาอำนาจให้รัฐบาลตัวเอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่