ข้อเสนอแนะ วิธีการที่จะพลิกเกม ให้ฝ่ายประชาธิปไตย ( วิเคราะห์ ต่อจากของเดิม )

กระทู้สนทนา
ผมเคยโยนกระเบื้อง  วิเคราะห์  สถานะการการเมืองไว้นานแล้ว ( ไม่สามารถลิงค์อ้างอิงได้ เพราะโดนยึดอมยิ้ม )  ซึ่ง เหตุการณ์ในปัจจุบัน ตรงกับที่ผมวิเคราะห์ไว้กว่า 80% ว่าเรื่องที่จะเป็นจุด ไฮไลค์ ที่ฝ่ายอำมาตย์ จะแพ้ถ้าปล่อยผ่านไปได้  คือ  การแก้ที่มาของ สว. ให้มาจากการเลือกตั้ง  ซึ่ง สถานการณ์ ตอนนั้น  ฝ่าย  ประชาธิปไตยได้เปรียบหลายประตู    แต่ฝ่ายอำมาตย์  กลับใช้แผน ยืมดอกไม้บูชาพระ  ( ใครเคยดู เกาจิ้งคงเข้าใจ ) คือใช้ อาวุธ ของฝ่ายประชาธิปไตย  ที่ ชื่อ  ทักษิน  ซึ่งเป็น หัวหอก ที่ฝ่ายประชาธิปไตยใช้รวมคน  ดึง ทักษิน จากจุดที่ได้เปรียบ มาเสียเปรียบ ในเรื่อง พรบ  นิรโทษ   โดยอาศัย ข้อมูล  ในคลิป ถังเช่า ว่าเนื้อแท้  ทักษิน ต้องการยอม อำมาตย์อยู่แล้ว  อำมาตย์เลยใช้จุดนี้  ใช้ทั้ง ไม้น่วมและไม้แข็ง  พูดง่ายๆ ล่อทักษิน ด้วยเงิน และ ให้ทักษินแสดงความจริงใจ  ( ซึ่งต้องยอมรับ ว่าแผนนี้ของอำมาตย์ จะไม่สำเร็จเลย ถ้าทักษิน  อยู่ฝ่ายประชาธิปไตยเต็มตัว เหมือน แกนนำคนเสื้อแดง )  เพราะถ้าทักษิน อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย  แค่รอให้  ศึกชี้วัด  การแก้ที่มา ของ สว  ผ่านไปได้  ก็จะกุมความได้เปรียบ เต็มประตู  เรื่อง  พรบ  นิรโทษ  ทำเมื่อไรก็ได้ ( ไม่เห็นต้องรีบ เพราะยังไงก็ไม่ได้ดอกเบี้ย )

              แต่รู้ไหมทำไม ทักษิน จึง เอา พรบนิรโทษเพราะ ถ้าให้ แก้ที่มาของ สว. ได้ เท่ากับ ชนะอำมาตย์ไปแล้ว  ทักษินที่อยากยอมอำมาตย์  ก็จะโดนผลักออกห่าง ให้เป็นศัตรูเต็มตัว  ทักษินจึงใช้จังหวะนั้น  เดินเรื่อง  พรบ  หงายไผ่เล่น  กับอำมาตย์ให้ทุกอย่างจบ คิดว่าตัวเองยอมเจ็บ  ยอมโดนด่า แล้วก็เอาตระกูลตัวเอง ออกจากจุดประทะ  ( แต่อย่างที่ผมเคยวิเคราะห์ ว่าไม่มีใครรู้  ว่าทักษิน จะเสียแค่ไหน ) ถ้าทักษิน เสียมากจนหมดราคา กับ ฝ่ายอำมาตย์ ทักษินจะไม่ได้อะไรเลย  ในขณะที่สุเทพ ซึ่งไม่มีราคาพอได้เรื่อง พรบ นิรโทษ กับการเกลียดชังแบบไม่ลืมหูลืมตา  เลยกลับมีราคาขึ้นมา  แล้ว สุเทพก็รู้ว่า ถ้าตัวเอง ไม่ล้มประชาธิปไตย  ตัวเอง จะต้องเป็น แพะบูชายันต์  วันนี้ มันจึงเป็นเกม  การหนีตัวเองเป็นแพะ  ระหว่าง ทักษิน กับ สุเทพ  โดยให้อำมาตย์เลือก ว่า จะเดินไปในสายตาประชาคมโลก ในระบอบ ประชาธิปไตย   หรือ  จะเป็นเผด็จการ  

            ถามว่าอำมาตย์ต้องการแบบไหน  อำมาตย์ต้องการเผด็จการในคราบ ประชาธิปไตย  ถ้ากำหนดได้ คือ ให้ทักษิน ลาออก แล้วใช้  ตุลาการ  จัดการ  แต่ ทักษินไม่มีทางยอมลาออก เพราะ ถ้าลาออก  ทักษิน จะหมดคุณค่า และกลายเป็นแพะแน่ๆ  แล้วถามว่าทำไม ทหารไม่ออกมา รัฐประหารสักที เพราะ ถ้ารัฐประหาร เท่ากับ อำมาตย์เลือกเผด็จการ แล้ว ต้องมีปัญหากับประชาคมโลก  ฉะนั้น จึงมี 3 แบบ

        1. ให้ทักษินลาออก  แล้วใช้  ตุลาการจัดการ ( อันนี้เยี่ยมที่สุดสำหรับอำมาตย์ เพราะได้ ล็อค กลไกไปแล้ว เรื่องห้ามแก้รัฐธรรมนูญ ถ้า รัฐประหาร  ที่ทำมาก็สูญป่าว )
        2. ให้สุเทพทำให้เกิด จลาจล จน ทหารต้องออกมาใช้กำลัง แล้ว กับทำหน้ามึน ว่าไม่ได้ฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วก็มั่วไปเป็น เผด็จการ แบบ ดัดจริต
        3. สุเทพ หมดราคา อำมาตย์เลือกใช้ ทักษิน  แต่ ห้ามแก้รัฐธรรมนูญ


              ถามว่าทั้ง 3 หน้าไม่มีชัยชนะของฝ่ายประชาธิปไตย เลย แต่ให้ดีที่สุดก็คือ ข้อ 3 แต่ในวิกฤติ  ยังมีโอกาส  ถ้า ฝ่าย ประชาธิปไตย ฉวยโอกาส จับจังหวะนี้ได้  ปชช ก็จะกลับมาเป็นผู้มีชัยชนะ เหนืออำมาตย์ได้  นั้นคือ  ใช้แผนเดียว กับ ที่อำมาตย์ใช้ พลิกเกม  คือ

             ยืมดอกไม้บูชาพระ  ดอกไม้นั้นก็คือ เรื่อง การปฎิรูปนั้นแหละ  กระแสเรื่องนี้มันติดแล้ว  แต่มันผิดฝาผิดตัว ที่ฝ่ายเผด็จการ  จะปฎิรูป  ประชาธิปไตย ไปเป็นเผด็จการ  แค่เราทำให้มันกลับมาถูกต้อง  วิธีคือ

            1. รัฐบาลประการการ ปฎิรูปให้ชัดเจน  อย่ากั๊ก ยอมเรื่องนี้ให้หมด  อย่าคิดเอาคนของตัวเองมามีส่วน  ปล่อยให้เป็นเรื่อง ปชช
            2. เสนอแนวทางปฎิรูปให้ ถูกใจทุกฝ่าย ถ้าแบบผมคือ
   - รัฐประกาศไปเลย จะใช้วิธี คัดสรร ผู้ปฎิรูปแบบ THE STAR ให้ทุกฝ่ายได้แข่งขัน ได้แสดงวิสัยทัศน์ให้ ปชช เห็นว่าเป็นคนยังไง มีแนวทางจะร่างยังไง แล้วให้ปชชโหวต  ผ่าน SMS เพื่อคัดเลือก ผู้เข้าไป เป็นผู้ร่างการปฎิรูป สัก 100 คน  การทำแบบนี้  เท่ากับปิด ประตูการล็อค สเปกจากฝ่ายใด ( แถมดูเท่ห์ ดึงความสนใจจากพวกโหน กระแสได้ )
   - ประกาศอีกว่า  สุดท้ายแนวทางปฎิรูป จะเปิดรับ ของทุกฝ่าย   ทั้ง กปปส  เสื้อแดง  และ  รายการ THE STAR นี้ ให้นำมาแข่งขัน ออกฟรีทีวี  รณรงค์ทำประชามติ  ว่าจะเอาของใคร  แน่นอน ถ้าใครอยากได้เสียงประชาชน ( ก็จะใส่เรื่องที่นักการเมืองทุกฝ่ายกลัว  คือห้ามดำรงตำแหน่ง  ทางการเมือง  เกิน 8 ปี  ไปถามดู ทั้งฝ่าย ปชป และ พท ใครชอบ กติกานี้ ไม่มี  แต่ไปถาม ปชช  ชอบทุกคน )
            

              เมื่อเป็นแบบนี้  การล็อค สเปกของฝ่ายอำมาตย์ก็หมดละ  เพราะ ถ้าไปทำประชามติ ผู้มาใช้สิทธิ  เกิน ครึ่งนึงแน่นอน  เพราะมันเป็นเรื่องของชาติบ้านเมืองจริงๆ  ไม่ได้ทำเพราะเกลียดใคร  อำมาตย์ก็ได้แต่มองดูตาปริปๆ  ให้ประเทศเป็น ประชาธิปไตย  ถ้าถึงตอนนั้น จะมาทำรัฐประหาร  ก็คงไม่สำเร็จ  สังคมไทยก็จะปรับตัว  ไปสู่  ประเทศ ประชาธิปไตย เต็มใบ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เหมือน อังกฤษ เหมือน ญ่ปุ่น  ไม่วนเวียนอยู่กับความเกลียดชัง  ( แล้วเมื่อถึงวันนั้น  เราคงพร้อมกับ รถไฟความเร็วสูง เหมือน ประเทศลาว )
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่