วิกฤตการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบัน (2548-2557) ตอนที่ 3 รัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 วันเปลี่ยนแปลงประเทศ

กระทู้สนทนา
รัฐประหาร พ.ศ. 2549
ในวันที่ 19 กันยายน เวลาประมาณ 21.00 น. คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันมี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก เป็นหัวหน้าคณะ ทำรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาล พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ซึ่งอยู่ระหว่างร่วมการประชุมสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และเตรียมเสนอชื่อ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ
            และต่อไปนี้ขอนำเสนอลำดับเหตุการณ์สำคัญขณะทำการรัฐประหาร 19 ก.ย. 49

พล.อ.สนธิ  บุญกลิน  ผู้บัญชการทหารบก  ผู้นำคณะปฏิรูปการปกครองฯ

ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองฯ ฉบับที่ 3 : รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 สิ้นสุด
                     ตามที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ได้ทำการยึดอำนาจปกครองประเทศไว้เรียบร้อยแล้วนั้น เพื่อความสงบเรียบร้อยในการปกครองประเทศ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข จึงให้
1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 สิ้นสุดลง
2. วุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎร คณะรัฐมนตรี และศาลรัฐธรรมนูญ สิ้นสุดลงพร้อมกับรัฐธรรมนูญ
3. องคมนตรี คงดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
4. ศาลทั้งหลาย นอกจากศาลรัฐธรรมนูญ คงมีอำนาจในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีตามบทกฎหมาย และตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
                                                     ประกาศ ณ วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549
                                                                   ลงชื่อ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน
              หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข

จากนั้นคณะปฏิรูปการปกครองฯ ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4 ความว่า
ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองฯ ฉบับที่ 4 : หัวหน้าคณะปฏิรูปฯ เป็นนายกฯ

ประกาศ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 4
                เรื่องอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน โดยที่ได้มีกฎหมายบางฉบับ ถึงอำนาจหน้าที่ ของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ในอันที่จะปฏิบัติตามกฎหมายได้ และเพื่อประโยชน์แก่การปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
                1. ในระหว่างที่ยังไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ให้บรรดาอำนาจหน้าที่ ที่กฎหมายได้บัญญัติว่า เป็นอำนาจหน้าที่ ของนายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่ง ผู้ซึ่งหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้รับมอบหมาย
                2. ระหว่างที่ยังไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ให้บรรดาอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีกระทรวงใดก็ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของปลัดกระทรวงนั้น เว้นแต่หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
                                                  ประกาศ ณ วันที่ 19 กันยายน พุทธศักราช 2549
                                                                       พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน
                 หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ที่มา  http://w3.manager.co.th/

                    พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ในเขตกรุงเทพมหานคร ตั้งบัดนี้เป็นต้นไป พร้อมสั่งปลด พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. ไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้ง พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นหัวหน้าผู้ปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
                  เมื่อเวลาประมาณ 22.22 น. วันที่ 19 ก.ย. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี อ่านแถลงการณ์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ว่า เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นไปอย่างเหมาะสมและทันท่วงที อาศัยอำนาจตามมาตรา 11 (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ประกอบกับมาตรา 11 วรรค 2 (6) แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 จึงให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และให้รายงานตัวต่อ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการนายกรัฐมนตรี ณ บัดนี้ ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 19 ก.ย. 2549
               พ.ต.ท.ทักษิณ แถลงต่อว่า นอกจากนี้มีคำสั่งผู้กำกับการปฏิบัติงานตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เรื่องแต่งตั้ง หัวหน้าผู้รับผิดชอบและมอบอำนาจในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามที่ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานคร แล้วนั้น อาศัยอำนาจตามมาตรา 7 วรรค 4 และวรรค 6 และมาตรา 10 แห่งพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ผู้กำกับการปฏิบัติงานตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงมีคำสั่งดังนี้ ให้ พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขในสถานการณ์ฉุกเฉินมีอำนาจในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามที่กำหนดไว้ในพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ดังนี้ 1. บังคับบัญชาและสั่งการส่วนราชการและข้าราชการที่เกี่ยวข้องรวมทั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติงานให้เป็นตามกฎหมายที่กำหนด 2. ดำเนินการอื่นๆ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการกำกับปฏิบัติงานตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินกำหนด หรือ มอบหมาย ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ที่มา  http://w3.manager.co.th/

อย่างไรก็ตามโทรทัศน์อัลจาซีร่าห์ในตะวันออกกลางได้อ้างคำกล่าวของ น.พ.บุญ วนาสิน ระบุว่า ผู้บัญชาการทหารบกกับผู้บัญชาการทหารเรือได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมิได้ระบุเวลาและผลจากการเข้าเฝ้าฯ

การรัฐประหารครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่ดำเนินมายาวนานนับตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2548 คณะรัฐประหารได้ยกเลิกการเลือกตั้งในเดือนตุลาคม ยกเลิกรัฐธรรมนูญ สั่งยุบสภา สั่งห้ามการประท้วงและกิจกรรมทางการเมือง ยับยั้งและเซ็นเซอร์สื่อ ประกาศใช้กฎอัยการศึก และจับกุมสมาชิกคณะรัฐมนตรีหลายคน ได้แก่ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ และนายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช

เป็นไงครับตอนที่  3  เข้มไหมครับ  ต่อไป  ตอนที่ 4  พบกับการเข้ามาของอำนาจศาล  และคดีแปลกๆ  มีแค่ประเทศไทยเท่านั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่