เจ้าUrbanoคันนี้ผมไม่ได้ตั้งใจจัดหามาประจำการแต่อย่างใด แต่มีน้องสนิทกันอยากเริ่มปั่นจักรยานก็มาขอปั่นด้วย
แต่มาทีไรมายืมรถผมทุกทีแล้วให้ผมปั่นเสือภูเขาแก่ๆที่ยืมพี่ เพื่อน น้าแล้วแต่จะยืมได้ บางทีผมต้องยืมไฮบริดน้องสาวไปปั่น
แต่ด้วยระยะทางแต่ละทริปล้วนแต่เกิน 70 กิโลทั้งนั้น ไอ้คนปั่นหมอบเช้าวันถัดมาก็หลั่นล้า ชวนไปอีก เจ้าเนสนี่อายุ16กำลังคึก
ส่วนผมถ้าโดนเสือภูเขาต้นขาระบมต้องหยุด3วัน ถ้าได้รถเบาๆก็ฟื้นเร็วหน่อย บางทีพวกไปยืมรถเบรคติดมาปั่นหน้ามืดเป็นลมทีเดียว
วันนึงไปเจอคนประกาศขายเจ้า Urbano ในราคา6000 คิดสารตะแล้วไปเอามาก่อนแล้วให้เจ้าเนสจ่ายทีหลังก็ได้ ว่าแล้วติดต่อนัดดูรถ
เจ้าของรถก็ใจดีบอกว่ารัศมี100กิโลผมไปส่งให้ได้ แต่พอดีผมอยู่ปราณบุรียังไงก็มาไม่ถึง เลยนัดเจอกันใน กทม.
วันแรกที่เจอกันสภาพนี้ครับ
สัมผัสแรก น้ำหนักพอๆกับ Trek1.1 2013 เจ้าของบอกว่าชั่งที่บ้านได้10.5กิโลรวมบันได ดูรอบคันแล้วมีตำหนิจากการใช้งานทั่วไป
ท่อนอนมีรอยหินดีดบุบนิดนึง บางคนอาจจะซีเรียสแต่เจ้าเนสไม่ซีเรียสแน่ๆ แค่มีรถปั่นก็ดีใจแล้ว จะมีก็ยางสีน้ำเงินประหลาดมาก
ราคาไม่เอาไมล์เจ้าของลดให้เหลือ5500 แถมขากระติก กระเป๋าพาดเฟรม ไฟท้าย20บาท จ่ายตังเสร็จยกขึ้นสะพานลอย
ปั่นจากอนุเสาวรีย์ไปศิริราช (ผมมากับพี่ เค้ามาหาหมอ) ปั่นขึ้นสะพานพุทธอ้อมพาต้าใช้เวลาประมาณ40นาที ปั่นเรื่อยๆ
ยิ่งปั่นยิ่งเหมือน Trek1.1 2013 (ของพี่ที่มาหาหมอนั่นแหละ ผมปั่นประจำ) ฟิลลิ่ง ความสะเทือนต่างๆประมาณกันเลย
ความรู้สึกของการขี่ในเมือง คล่องตัวดี สายเบรคฝืดไปหน่อย จานหน้าโซ่ขึ้นช้าเพราะไม่มีหมุดวิดโซ่เหมือน1.1อีกแล้ว
ส่วนเฟืองหลังเปลี่ยนได้ปกติดีครับ อ้อกรุ๊ปเซทเป็นTourneyทั้งหมด ชิฟเตอร์ระบบเหมือนรุ่น2300
กลับมาถึงวันถัดมาโทรเรียกเจ้าตัวมาดูรถ เห็นปุ๊บชวนออกทริปทันที ผมเลยจัดเส้นทางไปกุยบุรี มีหมอบ3คัน
Coyote Urbano และ Radac ผมเห็นว่าปั่นตามลมเลยรักษาความเร็วที่35 ไปได้แค่27กิโลจากบ้าน
เจ้าเนสหน้าซีดต้องจอดพัก ถือโอกาสกินก๋วยเตี๋ยว เสร็จ เจ้าเนสงอแงสลับรถให้ผมปั่น Urbano อืม...หนืดๆพิกล
ปั่นไปได้ซัก10กิโล ผมลองเอาล้อหน้าVentoมาใส่ ความรู้สึกยังกับสวรรค์กะนรก แค่ล้อหน้ายังเบาไหลลื่นยังกับคนละคัน
ลองเปลี่ยนเอาล้อ Coyote มาใส่บ้าง ก็ยังดีกว่าล้อเจ้าUrbano เยอะ ส่วนเจ้าของCoyoteเพ้ออยากได้ล้อใหม่ไปเรียบร้อย
ขากลับปั่นเลียบทะเลสวนลมแรงพอสมควร แถมมีลมกระชากด้านข้างล้อUrbanoไม่ค่อยชอบลมด้านข้างเท่าไหร่ มีเป๋เป็นระยะๆ
เลยปั่นเอื่อยๆ25กม./ชม.กลับบ้าน เพราะเจ้าเนสหมดแรง ระยะทางประมาณ70กิโล ไม่ประทับใจเท่าที่ควร
กลับมาบ้านด้วยความสงสัย ยืมเจ้าเนสมาขอมาจัดเต็มอีกซักรอบ ก่อนลองแต่งตัวนิดนึง
หลังจากปรับระะดับเบาะได้ที่ ผมจับเปลี่ยนแฮนด์ด้วยเพราะระยะเอื้อมมากเกินไป
เจ้าของเก่าตัวเล็กกว่าผมเค้ากระดกแฮนด์ขึ้น แฮนด์เดิม44ซม. เปลี่ยนเป็นX-mission40ซม. พอดีเป๊ะ
ตอนถอดผ้าพันแฮนด์พบว่า LA ใส่เจลรองมือมาให้ด้วย การพันแฮนด์ก็ปราณีตมาก จุดนี้ต้องชมทีเดียว
จับใส่ล้อ Vento พร้อมเฟืองSora ยาง Bontrager R2บันไดคลีทชิมาโน่ อื้ม...หล่อจนแทบไม่อยากคืนเจ้าของ
น้ำหนักพร้อมปั่นชั่งได้ 10 กิโลพอดีด้วยตาชั่งน้ำหนักคนบ้านผมนี่แหละ ตอนยกรู้สึกเบากว่าRadacเยอะเลย
ฟิตติ้งรถเสร็จก็ออกไปปั่น ผมเลือกเส้นทางปากน้ำปราณ-บ้านใหม่ ถนนเรียบมากมีรถน้อย
ช่วงวอร์มที่ความเร็ว 30 รู้สึกต้องเติมนิดๆ ถ้าเป็น Radac จะไหลเบาสบายไม่ต้องเติม
พอเลี้ยววงเวียนถึงทางตรงก็อัดทันที เจ้าurbanoพุ่งขึ้นความเร็ว37ด้วยระยะทางสั้นกว่า Radac มาก
ความเร็วระดับไม่ต้องเติมอยู่ที่35ขึ้นไป และไปเรื่อยๆจนสุดที่41พอ42รถเริ่มหนืดและคนหมดแรง
ลองสปรินท์ความเร็วสูงสุดได้ 50 ยังไปได้อีก แต่หน้ารถเริ่มส่ายเพราะผมไม่ได้ปั่นระดับนี้บ่อยคุมรถไม่อยู่
ขากลับปั่นสวนลม ทวนลมสู้Radacไม่ได้ แต่ท่อนอนเตี้ยมากจับดรอปบาร์ล่าง ห่อตัวมุดลมได้ดีมาก
ลองเสร็จ เจ้านี่จริงๆมันก็ซิ่งนะเนี่ยแต่ต้องได้ยางดีๆหน่อย รถเบาพุ่งขึ้นเร็วแต่ก็ไหลน้อยกว่าเป็นธรรมดา
ลองเสร็จแล้ว ยังข้องใจล้อเดิมไม่หายขออีกซักรอบ แต่ขอแกะดูก่อน
เฟืองมีแค่7สปีดเลยมีแหวนรองมาให้ ใครอยากจะใส่ล้อรุ่นอื่นถอดใส่ได้เลยครับ อย่าลืมแหวนรอง
เฟือง12-28รมดำสีน้ำตาล ในรูปยังมอมล้างแล้วดูดีขึ้นเยอะ
ดุมมีลูกยางครอบหน้าหลัง หน้าตาเหมือนล้อ Trek1.1อีกแล้ว
รางวิ่งลูกปืน Cone หรือบ้านเราเรียกจี๋ เหมือน1.1 แต่ของ1.1 เจียรนัยผิวมาให้ Laต้องรันอินเอง
และแล้วก็เจอปัญหา ดุมหน้าหลังลูกปืนฝืดมากโดยเฉพาะล้อหลัง Laประกอบแต่จับยัดให้วิ่งได้
ไม่ได้ตั้งระยะให้พอดีเลย จุดนี้ชุ่ยมาก ใครซื้อรุ่นนี้ถอดล้อหมุนดุมเล่นก่อนจ่ายตังนะครับ
ถ้ามีเสียงครืดๆๆ ให้ร้านตั้งให้ใหม่ไม่กี่นาทีก็เสร็จครับ
ลูกปืนผมใช้แม่เหล็กดูดไว้ สะดวกและไม่หาย ล้อหลังขันมาซะแน่น พอใช้งานจริงลูกปืนเสียไปเลย
ผมเปลี่ยนลูกปืนใช้ของชิมาโน่ซองละ50บาทลื่นขึ้นเยอะ ใครจะลองก็ได้นะครับใช้ดีจริงๆต้องบอกต่อ
จารบีผมใช้ซุปเปอร์ลูป ไม่ใช่เพราะลื่นแต่เหลือจากปืนบีบีเลยเอามาใช้ ทนฝนได้ดีพอควรเลยชอบ
แอ๊คท่าก่อนทดสอบวันสุดท้ายด้วยล้อยางเดิมๆ
อุปกรณ์ทดสอบ HR Sigma และไมล์ velo7 ไมล์เทียบกับรถคนอื่นจะแข็งกว่า1 กม./ชม.
แต่เทียบกับหลักกิโลแล้วแข็งกว่าประมาณ20เมตรครับ
ปีนี้ผมอายุ40พอดี สูง168.5ซม. หนักประมาณ 69 กก.(นน.พึ่งลงมาหลังจากปั่นจักรยานนี่แหละ)
หัวใจโซน2ของผมเริ่มที่ 133-145 โซน3 145-158 (ปกติผมปั่นหัวใจแค่150 เพื่อสุขภาพครับ)
เริ่มต้นวอร์ม ความเร็ว 28 หัวใจอยู่ที่133 แต่ช่วงนี้ยังเอาแน่นอนไม่ค่อยได้ เพราะความเร็วยังต่ำ
หัวใจอยู่โซน1จะไม่ค่อยยอมขึ้นครับ ต้องอัดอีกหน่อยหัวใจถึงจะพุ่ง
เริ่มใช้ความเร็วเดินทางปกติ ผมใช้รอบขา90เพราะรู้สึกสบายขา ความเร็ว 33 หัวใจ155 คุมนิ่งๆทางยาว10กิโล
ตอนใส่ล้อVento ความเร็ว 35 หัวใจ150 แปลว่ายางที่ติดมาห่วยจริงอะไรจริงครับ หนืดชมัด
ถึงบ้านผมลองยัดล้อไฮบริดใส่ยางหน้ากว้าง32.มม เพราะเห็นว่าตะเกียบกว้างมาก แต่ไม่เข้าติดตะเกียบหลังด้านล่าง
เสร็จแล้วก็มานั่งพิมพ์รีวิวนี่แหละครับ
สรุป ผมเชื่อว่าทุกคนจะเพลิดเพลินกับเจ้านี่ได้ที่ความเร็ว 27-30 ซึ่งก็ไม่ได้ช้า และถ้าอายุน้อยกว่าผมคงจะอัดได้อีกเยอะ
และถ้าอยากซิ่งยางขอบพับเกรดดีซักคู่ น่าจะฟินกับความเร็วได้ในระดับนึงทีเดียว (หมอบระดับสองหมื่นมีหนาว)
เทียบกับรถไฮบริดเจ้านี่ปั่นไหลลื่นกว่าด้วยอัตราทดเฟืองที่ชิดของเสือหมอบ (เฟืองHG20 หมดอายุจะไปซื้อที่ไหนละนี่)
ผมคงบอกไม่ได้ว่านี่เป็นรถที่คุ้มค่าสุดๆแห่งปี แต่บอกได้ว่าเป็นรถที่สมราคา (ถ้าLAจับใส่กรุ๊ปClarisในราคาหมื่นถ้วนน่าจะขายดี)
รถคันนี้ท่อนอนยาว 51 ไซส์ประมาณ 50 แต่ท่อนอนเตี้ยมาก คนที่สูงในช่วง 160-170 ขี่ได้ 155ก็ยังพอไหวเอื้อมหน่อย
แต่บางคนอาจจะต้องเปลี่ยนแฮนด์ สเต็ม ซึ่งต้องคำนึงถึงราคาในจุดนี้ด้วย ถ้าทำมากไปอาจจะกลายเป็นรถราคาหมื่น
ถ้าไซส์ไม่ได้จริงๆเพิ่มเงินไปหาตัวอื่นดีกว่าครับ
[CR] รีวิว LA Urbano 14 สปีด
แต่มาทีไรมายืมรถผมทุกทีแล้วให้ผมปั่นเสือภูเขาแก่ๆที่ยืมพี่ เพื่อน น้าแล้วแต่จะยืมได้ บางทีผมต้องยืมไฮบริดน้องสาวไปปั่น
แต่ด้วยระยะทางแต่ละทริปล้วนแต่เกิน 70 กิโลทั้งนั้น ไอ้คนปั่นหมอบเช้าวันถัดมาก็หลั่นล้า ชวนไปอีก เจ้าเนสนี่อายุ16กำลังคึก
ส่วนผมถ้าโดนเสือภูเขาต้นขาระบมต้องหยุด3วัน ถ้าได้รถเบาๆก็ฟื้นเร็วหน่อย บางทีพวกไปยืมรถเบรคติดมาปั่นหน้ามืดเป็นลมทีเดียว
วันนึงไปเจอคนประกาศขายเจ้า Urbano ในราคา6000 คิดสารตะแล้วไปเอามาก่อนแล้วให้เจ้าเนสจ่ายทีหลังก็ได้ ว่าแล้วติดต่อนัดดูรถ
เจ้าของรถก็ใจดีบอกว่ารัศมี100กิโลผมไปส่งให้ได้ แต่พอดีผมอยู่ปราณบุรียังไงก็มาไม่ถึง เลยนัดเจอกันใน กทม.
วันแรกที่เจอกันสภาพนี้ครับ
สัมผัสแรก น้ำหนักพอๆกับ Trek1.1 2013 เจ้าของบอกว่าชั่งที่บ้านได้10.5กิโลรวมบันได ดูรอบคันแล้วมีตำหนิจากการใช้งานทั่วไป
ท่อนอนมีรอยหินดีดบุบนิดนึง บางคนอาจจะซีเรียสแต่เจ้าเนสไม่ซีเรียสแน่ๆ แค่มีรถปั่นก็ดีใจแล้ว จะมีก็ยางสีน้ำเงินประหลาดมาก
ราคาไม่เอาไมล์เจ้าของลดให้เหลือ5500 แถมขากระติก กระเป๋าพาดเฟรม ไฟท้าย20บาท จ่ายตังเสร็จยกขึ้นสะพานลอย
ปั่นจากอนุเสาวรีย์ไปศิริราช (ผมมากับพี่ เค้ามาหาหมอ) ปั่นขึ้นสะพานพุทธอ้อมพาต้าใช้เวลาประมาณ40นาที ปั่นเรื่อยๆ
ยิ่งปั่นยิ่งเหมือน Trek1.1 2013 (ของพี่ที่มาหาหมอนั่นแหละ ผมปั่นประจำ) ฟิลลิ่ง ความสะเทือนต่างๆประมาณกันเลย
ความรู้สึกของการขี่ในเมือง คล่องตัวดี สายเบรคฝืดไปหน่อย จานหน้าโซ่ขึ้นช้าเพราะไม่มีหมุดวิดโซ่เหมือน1.1อีกแล้ว
ส่วนเฟืองหลังเปลี่ยนได้ปกติดีครับ อ้อกรุ๊ปเซทเป็นTourneyทั้งหมด ชิฟเตอร์ระบบเหมือนรุ่น2300
กลับมาถึงวันถัดมาโทรเรียกเจ้าตัวมาดูรถ เห็นปุ๊บชวนออกทริปทันที ผมเลยจัดเส้นทางไปกุยบุรี มีหมอบ3คัน
Coyote Urbano และ Radac ผมเห็นว่าปั่นตามลมเลยรักษาความเร็วที่35 ไปได้แค่27กิโลจากบ้าน
เจ้าเนสหน้าซีดต้องจอดพัก ถือโอกาสกินก๋วยเตี๋ยว เสร็จ เจ้าเนสงอแงสลับรถให้ผมปั่น Urbano อืม...หนืดๆพิกล
ปั่นไปได้ซัก10กิโล ผมลองเอาล้อหน้าVentoมาใส่ ความรู้สึกยังกับสวรรค์กะนรก แค่ล้อหน้ายังเบาไหลลื่นยังกับคนละคัน
ลองเปลี่ยนเอาล้อ Coyote มาใส่บ้าง ก็ยังดีกว่าล้อเจ้าUrbano เยอะ ส่วนเจ้าของCoyoteเพ้ออยากได้ล้อใหม่ไปเรียบร้อย
ขากลับปั่นเลียบทะเลสวนลมแรงพอสมควร แถมมีลมกระชากด้านข้างล้อUrbanoไม่ค่อยชอบลมด้านข้างเท่าไหร่ มีเป๋เป็นระยะๆ
เลยปั่นเอื่อยๆ25กม./ชม.กลับบ้าน เพราะเจ้าเนสหมดแรง ระยะทางประมาณ70กิโล ไม่ประทับใจเท่าที่ควร
กลับมาบ้านด้วยความสงสัย ยืมเจ้าเนสมาขอมาจัดเต็มอีกซักรอบ ก่อนลองแต่งตัวนิดนึง
หลังจากปรับระะดับเบาะได้ที่ ผมจับเปลี่ยนแฮนด์ด้วยเพราะระยะเอื้อมมากเกินไป
เจ้าของเก่าตัวเล็กกว่าผมเค้ากระดกแฮนด์ขึ้น แฮนด์เดิม44ซม. เปลี่ยนเป็นX-mission40ซม. พอดีเป๊ะ
ตอนถอดผ้าพันแฮนด์พบว่า LA ใส่เจลรองมือมาให้ด้วย การพันแฮนด์ก็ปราณีตมาก จุดนี้ต้องชมทีเดียว
จับใส่ล้อ Vento พร้อมเฟืองSora ยาง Bontrager R2บันไดคลีทชิมาโน่ อื้ม...หล่อจนแทบไม่อยากคืนเจ้าของ
น้ำหนักพร้อมปั่นชั่งได้ 10 กิโลพอดีด้วยตาชั่งน้ำหนักคนบ้านผมนี่แหละ ตอนยกรู้สึกเบากว่าRadacเยอะเลย
ฟิตติ้งรถเสร็จก็ออกไปปั่น ผมเลือกเส้นทางปากน้ำปราณ-บ้านใหม่ ถนนเรียบมากมีรถน้อย
ช่วงวอร์มที่ความเร็ว 30 รู้สึกต้องเติมนิดๆ ถ้าเป็น Radac จะไหลเบาสบายไม่ต้องเติม
พอเลี้ยววงเวียนถึงทางตรงก็อัดทันที เจ้าurbanoพุ่งขึ้นความเร็ว37ด้วยระยะทางสั้นกว่า Radac มาก
ความเร็วระดับไม่ต้องเติมอยู่ที่35ขึ้นไป และไปเรื่อยๆจนสุดที่41พอ42รถเริ่มหนืดและคนหมดแรง
ลองสปรินท์ความเร็วสูงสุดได้ 50 ยังไปได้อีก แต่หน้ารถเริ่มส่ายเพราะผมไม่ได้ปั่นระดับนี้บ่อยคุมรถไม่อยู่
ขากลับปั่นสวนลม ทวนลมสู้Radacไม่ได้ แต่ท่อนอนเตี้ยมากจับดรอปบาร์ล่าง ห่อตัวมุดลมได้ดีมาก
ลองเสร็จ เจ้านี่จริงๆมันก็ซิ่งนะเนี่ยแต่ต้องได้ยางดีๆหน่อย รถเบาพุ่งขึ้นเร็วแต่ก็ไหลน้อยกว่าเป็นธรรมดา
ลองเสร็จแล้ว ยังข้องใจล้อเดิมไม่หายขออีกซักรอบ แต่ขอแกะดูก่อน
เฟืองมีแค่7สปีดเลยมีแหวนรองมาให้ ใครอยากจะใส่ล้อรุ่นอื่นถอดใส่ได้เลยครับ อย่าลืมแหวนรอง
เฟือง12-28รมดำสีน้ำตาล ในรูปยังมอมล้างแล้วดูดีขึ้นเยอะ
ดุมมีลูกยางครอบหน้าหลัง หน้าตาเหมือนล้อ Trek1.1อีกแล้ว
รางวิ่งลูกปืน Cone หรือบ้านเราเรียกจี๋ เหมือน1.1 แต่ของ1.1 เจียรนัยผิวมาให้ Laต้องรันอินเอง
และแล้วก็เจอปัญหา ดุมหน้าหลังลูกปืนฝืดมากโดยเฉพาะล้อหลัง Laประกอบแต่จับยัดให้วิ่งได้
ไม่ได้ตั้งระยะให้พอดีเลย จุดนี้ชุ่ยมาก ใครซื้อรุ่นนี้ถอดล้อหมุนดุมเล่นก่อนจ่ายตังนะครับ
ถ้ามีเสียงครืดๆๆ ให้ร้านตั้งให้ใหม่ไม่กี่นาทีก็เสร็จครับ
ลูกปืนผมใช้แม่เหล็กดูดไว้ สะดวกและไม่หาย ล้อหลังขันมาซะแน่น พอใช้งานจริงลูกปืนเสียไปเลย
ผมเปลี่ยนลูกปืนใช้ของชิมาโน่ซองละ50บาทลื่นขึ้นเยอะ ใครจะลองก็ได้นะครับใช้ดีจริงๆต้องบอกต่อ
จารบีผมใช้ซุปเปอร์ลูป ไม่ใช่เพราะลื่นแต่เหลือจากปืนบีบีเลยเอามาใช้ ทนฝนได้ดีพอควรเลยชอบ
แอ๊คท่าก่อนทดสอบวันสุดท้ายด้วยล้อยางเดิมๆ
อุปกรณ์ทดสอบ HR Sigma และไมล์ velo7 ไมล์เทียบกับรถคนอื่นจะแข็งกว่า1 กม./ชม.
แต่เทียบกับหลักกิโลแล้วแข็งกว่าประมาณ20เมตรครับ
ปีนี้ผมอายุ40พอดี สูง168.5ซม. หนักประมาณ 69 กก.(นน.พึ่งลงมาหลังจากปั่นจักรยานนี่แหละ)
หัวใจโซน2ของผมเริ่มที่ 133-145 โซน3 145-158 (ปกติผมปั่นหัวใจแค่150 เพื่อสุขภาพครับ)
เริ่มต้นวอร์ม ความเร็ว 28 หัวใจอยู่ที่133 แต่ช่วงนี้ยังเอาแน่นอนไม่ค่อยได้ เพราะความเร็วยังต่ำ
หัวใจอยู่โซน1จะไม่ค่อยยอมขึ้นครับ ต้องอัดอีกหน่อยหัวใจถึงจะพุ่ง
เริ่มใช้ความเร็วเดินทางปกติ ผมใช้รอบขา90เพราะรู้สึกสบายขา ความเร็ว 33 หัวใจ155 คุมนิ่งๆทางยาว10กิโล
ตอนใส่ล้อVento ความเร็ว 35 หัวใจ150 แปลว่ายางที่ติดมาห่วยจริงอะไรจริงครับ หนืดชมัด
ถึงบ้านผมลองยัดล้อไฮบริดใส่ยางหน้ากว้าง32.มม เพราะเห็นว่าตะเกียบกว้างมาก แต่ไม่เข้าติดตะเกียบหลังด้านล่าง
เสร็จแล้วก็มานั่งพิมพ์รีวิวนี่แหละครับ
สรุป ผมเชื่อว่าทุกคนจะเพลิดเพลินกับเจ้านี่ได้ที่ความเร็ว 27-30 ซึ่งก็ไม่ได้ช้า และถ้าอายุน้อยกว่าผมคงจะอัดได้อีกเยอะ
และถ้าอยากซิ่งยางขอบพับเกรดดีซักคู่ น่าจะฟินกับความเร็วได้ในระดับนึงทีเดียว (หมอบระดับสองหมื่นมีหนาว)
เทียบกับรถไฮบริดเจ้านี่ปั่นไหลลื่นกว่าด้วยอัตราทดเฟืองที่ชิดของเสือหมอบ (เฟืองHG20 หมดอายุจะไปซื้อที่ไหนละนี่)
ผมคงบอกไม่ได้ว่านี่เป็นรถที่คุ้มค่าสุดๆแห่งปี แต่บอกได้ว่าเป็นรถที่สมราคา (ถ้าLAจับใส่กรุ๊ปClarisในราคาหมื่นถ้วนน่าจะขายดี)
รถคันนี้ท่อนอนยาว 51 ไซส์ประมาณ 50 แต่ท่อนอนเตี้ยมาก คนที่สูงในช่วง 160-170 ขี่ได้ 155ก็ยังพอไหวเอื้อมหน่อย
แต่บางคนอาจจะต้องเปลี่ยนแฮนด์ สเต็ม ซึ่งต้องคำนึงถึงราคาในจุดนี้ด้วย ถ้าทำมากไปอาจจะกลายเป็นรถราคาหมื่น
ถ้าไซส์ไม่ได้จริงๆเพิ่มเงินไปหาตัวอื่นดีกว่าครับ