ราคาทองคำปีหน้าจะเหลือ 17,000 บ.
นายกสมาคมค้าทองคำ มองราคาทองคำปีนี้ มีโอกาสแตะ 22,000 บาท ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ คาดตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวไตรมาส 4 โดยหุ้นที่น่าลงทุนในปีนี้ ยังอยู่ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ , พลังงานและกลุ่มสื่อสาร
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มขาขึ้น เนื่องจากราคาทองในตลาดโลกสูงขึ้น ตามความต้องการซื้อทองคำ หลังจากที่ราคาปรับตัวลดลงมาก และเงินบาทอ่อนค่าลง โดยเงินบาทที่อ่อนค่าลงทุกๆ 1 บาท จะทำให้ราคาทองคำแพงขึ้น 700 บาท
ซึ่งการปรับขึ้นของราคาในรอบนี้ยังไม่เต็มที่เท่ากับปี 2554 ที่ราคาสูงถึง 1,600 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 27,000 บาท และเชื่อว่าในปีนี้ราคาทองคำ มีโอกาสปรับขึ้นสูงสุด 1,500 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 22,000 บาท จากเดิมอยู่ที่ 1,370 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ โดยคาดว่าราคาทองจะทดสอบระดับ 1,400 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ในเร็วๆ นี้
ส่วนแนวโน้มราคาทองคำในปีหน้า มีโอกาสปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1,200 เหรียญสหรัฐต่อออน หรือประมาณ 17,000 -18,000 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับค่าเงินบาท โดยเชื่อว่าการที่สหรัฐจะยกเลิกมาตรการคิวอีในปีหน้า จะทำให้ต่างชาติและกองทุนเทขายทองคำเพิ่มขึ้น เพื่อดึงเงินกลับไปลงทุนในสหรัฐ
ด้านนายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเทศไทย จำกัด มหาชน มองว่า ตลาดหุ้นไทยจะผันผวนจนถึงเดือนกันยายนนี้ เนื่องจากนักลงทุนรอความชัดเจน เรื่องการปรับลดปริมาณการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ หรือ คิวอี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยคาดว่า สหรัฐจะปรับลดคิวอีลงเหลือเดือนละ 65,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมที่อยู่ที่เดือนละ 85,000 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งสถานการณ์ทางการเมืองที่คาดว่าจะคลี่คลายลงในไตรมาส 3 ของปี ซึ่งจะทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลงได้ 1,300 จุด
ทั้งนี้ ต้องจับตาแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ หลังจากที่เทขายออกมาแล้ว 1 แสนล้านบาทในปีนี้ จากที่นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสะสมหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2551 ประมาณ 2 แสนล้านบาท ซึ่งมองว่าแรงเทขายน่าจะชะลอลงแล้ว จึงคาดว่าในช่วงไตรมาส 4 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะดีขึ้น จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะอยู่ในเกณฑ์ดี โดยคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 14 ซึ่งจะทำให้อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิอยู่ที่ 13.5 เท่า หรือระดับดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 1,550 จุด ส่วนหุ้นที่น่าลงทุนในปีนี้ ยังอยู่ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ , พลังงาน และกลุ่มสื่อสาร
ราคาทอง
ที่มา
sanook .com
ติดตามความผันผวนของราคาทอง ได้ที่
http://money.sanook.com/economic/goldrate/
ราคาทองคำปีหน้าจะเหลือ 17,000 บ.
นายกสมาคมค้าทองคำ มองราคาทองคำปีนี้ มีโอกาสแตะ 22,000 บาท ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ คาดตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวไตรมาส 4 โดยหุ้นที่น่าลงทุนในปีนี้ ยังอยู่ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ , พลังงานและกลุ่มสื่อสาร
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาทองคำมีแนวโน้มขาขึ้น เนื่องจากราคาทองในตลาดโลกสูงขึ้น ตามความต้องการซื้อทองคำ หลังจากที่ราคาปรับตัวลดลงมาก และเงินบาทอ่อนค่าลง โดยเงินบาทที่อ่อนค่าลงทุกๆ 1 บาท จะทำให้ราคาทองคำแพงขึ้น 700 บาท
ซึ่งการปรับขึ้นของราคาในรอบนี้ยังไม่เต็มที่เท่ากับปี 2554 ที่ราคาสูงถึง 1,600 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 27,000 บาท และเชื่อว่าในปีนี้ราคาทองคำ มีโอกาสปรับขึ้นสูงสุด 1,500 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 22,000 บาท จากเดิมอยู่ที่ 1,370 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ โดยคาดว่าราคาทองจะทดสอบระดับ 1,400 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ในเร็วๆ นี้
ส่วนแนวโน้มราคาทองคำในปีหน้า มีโอกาสปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1,200 เหรียญสหรัฐต่อออน หรือประมาณ 17,000 -18,000 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับค่าเงินบาท โดยเชื่อว่าการที่สหรัฐจะยกเลิกมาตรการคิวอีในปีหน้า จะทำให้ต่างชาติและกองทุนเทขายทองคำเพิ่มขึ้น เพื่อดึงเงินกลับไปลงทุนในสหรัฐ
ด้านนายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเทศไทย จำกัด มหาชน มองว่า ตลาดหุ้นไทยจะผันผวนจนถึงเดือนกันยายนนี้ เนื่องจากนักลงทุนรอความชัดเจน เรื่องการปรับลดปริมาณการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ หรือ คิวอี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยคาดว่า สหรัฐจะปรับลดคิวอีลงเหลือเดือนละ 65,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมที่อยู่ที่เดือนละ 85,000 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งสถานการณ์ทางการเมืองที่คาดว่าจะคลี่คลายลงในไตรมาส 3 ของปี ซึ่งจะทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลงได้ 1,300 จุด
ทั้งนี้ ต้องจับตาแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ หลังจากที่เทขายออกมาแล้ว 1 แสนล้านบาทในปีนี้ จากที่นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสะสมหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2551 ประมาณ 2 แสนล้านบาท ซึ่งมองว่าแรงเทขายน่าจะชะลอลงแล้ว จึงคาดว่าในช่วงไตรมาส 4 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะดีขึ้น จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะอยู่ในเกณฑ์ดี โดยคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 14 ซึ่งจะทำให้อัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิอยู่ที่ 13.5 เท่า หรือระดับดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 1,550 จุด ส่วนหุ้นที่น่าลงทุนในปีนี้ ยังอยู่ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ , พลังงาน และกลุ่มสื่อสาร
ราคาทอง
ที่มา sanook .com
ติดตามความผันผวนของราคาทอง ได้ที่ http://money.sanook.com/economic/goldrate/