ผมเคยตั้งคำถามว่า ... คนธรรมดา จะมีเงิน 10 ล้านได้ไหม?

ผมเคยตั้งคำถามว่า ...

คนๆหนึ่งเกิดมาธรรมดาๆ
เราจะมีเงิน 10 ล้าน 100 ล้านได้ไหม?

ผมมาพบคำตอบตอนผมอายุ 20 กว่าๆ หลังจากใช้เวลาศึกษามาสองปี ผมก็พบคำตอบว่า
ได้ดิ ! มันเป็นความจริงในระบบทุนนิยม ที่รอคนเข้าใจและเอาไปลงมือทำอยู่

ผมพบว่าถ้าคุณสตาร์ทลู่วิ่งที่อายุ 25 ปี จบที่อายุ 60 ถึงตอนนั้น ...

คุณจะมี 10 ล้าน
ถ้าคุณเก็บเงินเดือนละ 2500

คุณจะมี 100 ล้าน
ถ้าเก็บเงินเดือนละ 25000

ความลับอยู่ตรงที่ว่า คุณต้องทำผลตอบแทนให้ได้ปีละ 11%
ถ้าทำได้ที่เหลือก็แค่ปล่อยให้ความมหัศจรรย์ของดอกเบี้ยทบต้นจัดการให้ อ่านมาถึงวรรคนี้ คำถามจะตามมาว่า เอ้ย ! ไอ้ 11% ทำไงอ่ะไอ้น้อง แน่นอนว่าถ้าเอาเงินไปฝากธนาคารกินดอกเบี้ย 3% คุณก็จะมี 10 ล้านตอนอายุ 105 ปี (ควรจะทำพินัยกรรมยกให้หลานของหลานแทน) แล้วตัวเลือกอื่นหล่ะ โดยเฉลี่ยอสังหาริมทรัพย์ผลตอบแทนที่ 6-7% ทองคำก็พอๆกัน บวกลบนิดหน่อย

ตัวเลือกเดียวที่จะผลักดันคุณได้
คือ หุ้น !!!

ใช่แล้ว หุ้นซื้อแล้วเท่ากับคุณเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ เป็นเจ้าของตามสัดส่วนที่คุณมี บริษัทมีกำไร 100 ล้านบาท คุณมีหนึ่งหุ้น คุณก็ได้ส่วนแบ่งกำไร 1 ล้านบาท และในระยะยาวหุ้นก็ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นที่ 10% ขึ้นไป (สามารถตรวจสอบได้จากตลาดหุ้นที่ตั้งมานาน เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐ อังกฤษ แม้กระทั่งของไทยเอง เกิน 30 ปีขึ้นไป ผลตอบแทนมันก็ประมาณนี้หล่ะ)

อธิบายแบบให้หายสงสัยขึ้น ว่า 10% ไอ้ผลตอบแทนนี้มายังไง มันมาจากในระยะยาวแล้ว เคยมีการสำรวจในอเมริกาว่า ผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น คือเงินลงทุนของเจ้าของบริษัทเนี่ย ถ้าปีนี้ลงไป 100 บาท บริษัทจะทำกำไรให้โดยเฉลี่ย 10-12 บาท คือเป็นค่าเฉลี่ยรวมๆของหลายๆธุรกิจมาเฉลี่ยกันไม่ว่าจะขายข้าว สร้างเคลื่อนบิน ทำโรงกลั่น โรงแรม เฉลี่ยไปมาจะได้ 10-12% เลขตัวนี้ก็สะท้อนย้อนหลังกลับมาในตลาดหุ้น ว่า ผลตอบแทนรวมของหุ้นทั้งตลาดก็อยู่ 10-12% ทบต้นต่อปี (คิดแบบถ้าได้เงินปันผลมาเราก็เอาเงินปันผลกลับไปซื้อหุ้นใหม่ทบไปเรื่อย)

แล้วเราจะไปทำงั้นได้ไง ต้องขายบ้านขายรถมาซื้อป่ะนั่น หุ้นทั้งตลาด จริงๆมันมีตัวช่วยครับ นั่นคือ กองทุนรวม แล้วต้องเป็นกลุ่มที่เรียกว่า กองทุนดัชนี ( งงกันใหญ่เลยงี้) อธิบายงี้ดีกว่า หุ้นธนาคารกสิกรราคาหุ้นละ 150 ไทยพาณิชย์ 140 เค้าบังคับว่าต้องซื้อทีละ 100 หุ้น ซื้ออย่างละสองร้อยหุ้นสองบริษัทรวมกันก็ 3 หมื่นบาทแล้ว (//เป็นลม) มันเลยมีกองทุนรวมเกิดขึ้นมา  ถ้ารวมเงินหลายๆคนมาซื้อมันก็ซื้อง่ายขึ้น

แล้วกองทุนดัชนีหุ้นคืออะไร มันคือกองทุนที่จะลงทุนในหุ้นที่ประกอบกันเป็นดัชนี เช่น ดัชนี Set50 คือ ดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้น 50 ตัวแรกของตลาดที่มีขนาดใหญ่เรียงตามกันมา ซื้อง่ายขายคล่อง ถ้าคุณซื้อหุ้นตาม set50 คุณก็เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ๆในประเทศเกือบครบแล้ว ส่วนเจ้ากองทุนดัชนีนั้นก็มีหน้าที่เอาเงินเราไปลงทุนตามแผงที่กำหนดนี้ ได้เงินก้อนใหม่ก็โปะลงไปเรื่อยๆ ถ้าหุ้นที่กองทุนถือจ่ายปันผลออกมา กองทุนก็จะเอาเงินไปซื้อหุ้นอีก มันคือนวัตกรรมที่เรียบง่ายแต่ผลลัพธ์แซ่บ กองทุนพวกนี่ก็จะทำผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีหุ้นดังกล่าว (แหงดิ copy paste หุ้นทุกตัวมาขนาดนี้) ถ้าดัชนี set50 ทำผลตอบแทนได้ปีนี้ 10% กองทุนดัชนีจะทำได้ 9% ขึ้นไป ถามว่า เฮ้ย !! หายไปไหนนิดนึงอ่ะ คำตอบคือ ถูกหักเป็นค่าใช้จ่าย ค่าจ้างคนดูแลกองทุนไง อย่าลืมว่าเขาต้องใช้ต้องจ่ายเหมือนกัน แต่ค่าบริหารไม่มากหรอก (เคยสำรวจดูก็ 0.5-0.9%โดยเฉลี่ยที่ถูกหักไป)

อันนี้เป็นกองทุนดัชนี TMBSET50 ตั้งกองทุนปี 2544 ผ่านไป 12 ปี ด้วย หลักการเดียวกับที่อธิบายมาข้างบน จากก่อตั้งกองทุนที่ราคา 10 บาท ตอนนี้ 60 เกือบ 70 บาท ถ้าคุณลงทุนไป 1 ล้านตอนนั้น ตอนนี้ก็มีแค่หกเจ็ดล้านแน่ะ



อันล่างเป็นผลตอบแทนรวมของดัชนี S&P 500 ของสหรัฐ



ถามว่าถ้าง่ายงี้ คนก็รวยหมดแล้วดิ ไม่หรอก ... กก ก มันต้องใช้ทั้งการยึดมั่นในสิ่งที่เราศึกษามา ศรัทธา แน่วแน่ มีวินัย(ลงทุนเดือนละ2500อย่างไม่ลดละ) แล้วอะไรหล่ะที่ยาก มันไม่หมูตรงนี้ ไอ้คำว่า หุ้น ให้ผลตอบแทนทบต้นปีละ 10% เนี่ย ต้อง 15 ปีเป็นอย่างต่ำ เพราะมันคือคำว่า เฉลี่ยยยย ระหว่างปีมันมีโอกาสขาดทุนด้วย เช่นปีนี้ตลาดหุ้นให้ผลตอบแทน 10% ปีถัดไปขาดทุน ติดลบ 30% ลงทุนห้าปีกำไร 10% คือยังไงอ่ะ หุ้นต้องถือยาว ผลตอบแทนที่แท้จริงถึงจะออกมา มันยากตรงนี้หล่ะ คนเราเห็นขาดทุนนิดหน่อยก็โวยวายว่าไม่น่าถอนเงินจากธนาคารมาเลย ก็นั่นล่ะ แนวความคิดมันไม่สอดคล้องกับแนวลงทุน ในเมื่อหุ้นคือธุรกิจ แล้วก็มีแต่นักธุรกิจนี่หล่ะที่เป็นอาชีพเดียวในโลกที่รวยเป็นร้อยล้านได้ เพราะนักธุรกิจก้าวเท้าอยู่บนความเสี่ยง ผลตอบแทนจึงต้องสูงชดเชยด้วย การลงทุนในหุ้นก็หลักการเดียวกัน นักธุรกิจที่มีหุ้นส่วนในกิจการดีดี คงไม่ขายกิจการทิ้งเพราะเห้นว่าราคาตกไป 10% ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

วิธีผสานกันระหว่าง จ่ายให้ตัวเองก่อน + หลักมีวินัยในการลงทุนในหุ้นตลอดเวลา จะได้หนทางแห่งความมั่งคั่งง่ายๆ เป็นวิธีว่า ทุกๆเดือน ตั้งเป้าเลย คุณจะลงทุนกี่พัน สมมติ 2500 คุณไปซื้อกองทุนดัชนีสักตัว เลือกของธนาคารไหนก็ได้ (ผลตอบแทนไม่ต่างกันครับ ค่าธรรมเนียมก็อยู่ที่ 0.6-09% ต่อปี) แล้วคุณก็ตั้งว่าจะให้มันตัดซื้อกองทุนวันที่เท่าไหร่ เช่น กำหนดแผนลงทุนอัตโนมัติ ซื้อกองทุน set50 ทุกวันแรกวันที่หนึ่งของทุกเดือน ทำไปเริ่มตั้งแต่วันนี้ สมมติเริ่มอายุ 25 จนไปถึงอายุ 60-70 คุณก็ทำงานของคุณ ปล่อยเงินในกองทุนทำงานไป ใครมาถามเรื่องหุ้น คุณก็บอก ไม่ได้ตามข่าวเลยก็ยังได้ ปลายทางอายุ 60 ขึ้นยังไงคุณก็มีเงินล้าน ตั้งแต่อธิบายมาคุณไม่ต้องเลือกหุ้นเป็นด้วยซ้ำแหน่ะ ทำตามนี้ มีวินัยยังไงก็ไม่จน ขอแค่อดทนถือกองทุน แม้จะเห็นว่ามันขาดทุน จนท้องของคุณบอกว่าขาย ก็ห้ามขาย ปิดหูปิดหาไปหาไรทำ แล้วก็ใส่เงินให้มันซื้อเดือนหน้าต่อ จริงๆ มันเป็นวิธีที่ต้องใช้เวลารวยช้าแต่รวยชัวร์ว่างั้น แถมเป็นคำแนะนำของนักลงทุนที่เก่งๆหลายคนก็ชมเชยกองทุนดัชนีไว้ด้วย เป็นการลงทุนที่เหมาะสำหรับคนที่อยากได้ผลตอบแทนของหุ้น แต่ไม่ต้องการเสียเวลามากในการเฝ้าติดตาม

อันนี้ผมขอยกเครดิตให้คุณ "หล่อทุกอณูรูขุมขน" นะครับที่พิมพ์พวกข้อความที่นักลงทุนดังๆกล่าวถึงกองทุนดัชนีไว้ได้ดีแล้ว และกระทู้เขาก็พูดถึงกองทุนดัชนีได้ดีมากด้วย
http://ppantip.com/topic/30414933

กดดูได้เลยครับว่านักลงทุนชั้นเซียนพูดถึงกองทุนดัชนีไว้ยังไง

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



โดยส่วนตัวผมเห็นว่าการบริหารเงินเป็นเรื่องสำคัญมาก หาเงินแค่ไหน จัดการเงินไม่เป็น มันก็ไม่มีทางรวย อ้าว แล้วเราจะรวยไปทำไม ฉันอยู่แบบพอดีก็พอแล้ว ในมุมมองผม ถ้าเรารวย ครอบครัวและคนที่เรารักจะสบายด้วย ไม่ใช่แค่เราคนเดียว อ้าว ! แต่คนรวยส่วนมากมันนิสัยไม่ดีนะ ข้อนี้ก็ไม่เลย ถ้าเราตั้งเป้าหมายดี เงินจะช่วยเราทำสิ่งดีๆได้ง่ายขึ้น ผมเชื่อว่าพอถึงจุดที่เราไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นอยู่ของตัวเอง เราจะมีเวลาคิดและไปช่วยเหลือความเป็นอยู่ของคนอื่นได้มากขึ้นครับ

ปล. อยู่ในช่วงเริ่มต้นปีใหม่ เผื่อใครอ่านแล้วต่อยอด เอาไปลงมือทำ ผมค่อนข้างตั้งใจเขียน อยากให้เข้าใจหลักการ ผมคิดว่ามันเป็นของขวัญปีใหม่ ที่ทำให้ปีต่อๆไปในระยะยาวๆดีขึ้นด้วย อย่าพึ่งเชื่อครับ แต่ขอให้อย่างน้อยผ่านหูผ่านตา เคยอ่านแล้วไปศึกษาต่อก็ยังดี

ถ้ายังไงเดินทางด้วยลงทุนไปด้วยกัน : )

สวัสดีปีใหม่ครับ

เม่าดี๊ด๊า
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่