บอร์ด กสท.รับรองผลประมูลทีวีดิจิตอล 24 ช่องคาดเริ่มทยอยรับชม 1 เม.ย.57
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 6 มกราคม 2557 16:24:06 น.
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์(กสท.)กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กสท.วันนี้เห็นชอบให้รับรองผลการประมูลใบอนุญาตทีวีดิจิทัลเพื่อให้บริการธุรกิจ 24 ช่องที่ดำเนินการไปเมื่อวันที่ 26-27 ธ.ค.56 โดยจะประกาศในเว็ปไซต์และส่งหนังสือไปยังผู้ประกอบการภายใน 3 วัน
ทั้งนี้ ผู้ชนะการประมูลต้องดำเนินการตามข้อกำหนดตามเงื่อนไขก่อนรับใบอนุญาตภายใน 45 วัน ทั้งการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตงวดที่ 1 จำนวน 50% ของราคาขั้นต่ำ พร้อมวางหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงินสำหรับค่าธรรมเนียมงวดที่ 2(ภายใน 30 วันนับแต่ได้รับหนังสือแจ้งเป็นผู้ชนะการประมูล) และดำเนินการขอใช้โครงข่ายโทรทัศน์กับผู้ให้บริการโครงข่ายภายใน 30 วัน
นอกจากนี้ กสท.ยังได้พิจารณาการขยายโครงข่าย (MUX) รองรับการแพร่สัญญาณทีวีดิจิตอลครอบคลุมครัวเรือนในช่วงแรก 11 จังหวัด โดยเป็นจังหวัดขนาดใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ นครราชสีมา ภูเก็ต หาดใหญ่ ซึ่งในกลุ่มจังหวัดดังกล่าวมีประชาชนสามารถรับชมทีวีดิจิตอลมากกว่า 50% ของประชาชน 22 ล้านครัวเรือน
ส่วนชาวบ้านที่รับชมทีวีผ่านทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวีสามารถรับชมฟรีทีวีดิจิตอลผ่านทั้งสองระบบได้ โดย กสท.ได้เชิญตัวแทนจากผู้ชนะการประมูล ร่วมเป็นอนุกรรมการ คณะกรรมการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบทีวีดิจิตอล เพื่อร่วมกันเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ระบบการรับชมทีวีดิจิตอล จากนั้นจะเริ่มทยอยเปิดให้รับชมได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.57 ต่อไปในปี 58 และปี 59 ผู้ให้บริการโครงการข่ายจะขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมทั้งประเทศ
สำหรับรายได้ทั้งหมดจากการประมูล 50,862 ล้านบาทต้องนำส่งกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อประโยชน์สาธารณะตามกฎหมาย โดย กสท.จะสนับสนุนคูปองแลกกล่อง SET TOP BOX ให้กับประชาชนเพื่อรับชมทีวีดิจิตอล เบื้องต้นกำหนดไว้ 690 บาทต่อครัวเรือน จำนวนราว 22 ล้านครัวเรือน โดยขณะนี้กล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอลจำหน่ายตามท้องตลาดกล่องละ 1,100-1,200 บาท และแนวโน้มเมื่อจำหน่ายได้กว้างขวางมากขึ้นคาดว่าราคาจะลดลงอีก ซึ่ง กสทช.จะกำหนดรายละเอียดการชดเชยอีกครั้งหนึ่ง
ผู้ประกอบการที่ชนะการประมูล แบ่งเป็น 4 หมวดหมู่ ได้แก่
ช่องความคมชัดสูง (HD) ประกอบด้วย
1.บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด (BEC)
2.บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด
3.บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด (ช่อง 7 )
4.บริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ จำกัด (ไทยรัฐ)
5.บมจ. อสมท (MCOT)
6.บริษัท อมรินทร์ เทเลวิชั่น จำกัด (AMARIN)
7.บริษัท จีเอ็มเอ็ม เอชดี ดิจิทัล ทีวี จำกัด (GRAMMY)
ช่องความคมชัดปกติ(SD) ประกอบด้วย
1.บริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง จำกัด (WORK)
2.บริษัท ทรู ดีทีที จำกัด(TRUE)
3.บริษัท จีเอ็มเอ็ม เอสดี ดิจิทัล ทีวี จำกัด (GRAMMY)
4.บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด (BEC)
5.บริษัท อาร์.เอส.เทเลวิชั่น จำกัด (RS)
6.บริษัท โมโน บรอดคาซท์ จำกัด (MONO)
7.บริษัท แบงคอก บิสสิเนส บรอดแคสติ้ง จำกัด (เครือเนชั่น )
ช่องข่าวและสาระ ประกอบด้วย
1.บริษัท เอ็นบีซี เน็กซ์ วิชั่น จำกัด (เครือเนชั่น)
2.บริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด
3.บริษัท ไทยทีวี จำกัด
4.บริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด (SLC)
5. บริษัท ไทย นิวส์ เน็ตเวิร์ค (ทีเอ็นเอ็น) จำกัด (TRUE)
6.บริษัท ดีเอ็น บรอดคาสท์ จำกัด (เดลินิวส์ ทีวี)
7. บริษัท 3 เอ. มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
และช่องเด็ก ประกอบด้วย
1. บริษัท บีอีซีมัลติมีเดีย จำกัด(BEC)
2.บมจ. อสมท (MCOT)
3. บริษัท ไทยทีวี จำกัด
โดยจะประกาศให้ผู้ชนะการประมูลรับทราบเพื่อจับฉลากผู้มีอันดับเท่ากันในระหว่างการประมูลและทำการเลือกช่องรายการตามลำดับชนะการประมูล.
ที่มา: อินโฟเควสท์
http://www.ryt9.com/s/iq05/1809793
บอร์ด กสท.รับรองผลประมูลทีวีดิจิตอล 24 ช่องคาดเริ่มทยอยรับชม 1 เม.ย.57
ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 6 มกราคม 2557 16:24:06 น.
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์(กสท.)กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กสท.วันนี้เห็นชอบให้รับรองผลการประมูลใบอนุญาตทีวีดิจิทัลเพื่อให้บริการธุรกิจ 24 ช่องที่ดำเนินการไปเมื่อวันที่ 26-27 ธ.ค.56 โดยจะประกาศในเว็ปไซต์และส่งหนังสือไปยังผู้ประกอบการภายใน 3 วัน
ทั้งนี้ ผู้ชนะการประมูลต้องดำเนินการตามข้อกำหนดตามเงื่อนไขก่อนรับใบอนุญาตภายใน 45 วัน ทั้งการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตงวดที่ 1 จำนวน 50% ของราคาขั้นต่ำ พร้อมวางหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงินสำหรับค่าธรรมเนียมงวดที่ 2(ภายใน 30 วันนับแต่ได้รับหนังสือแจ้งเป็นผู้ชนะการประมูล) และดำเนินการขอใช้โครงข่ายโทรทัศน์กับผู้ให้บริการโครงข่ายภายใน 30 วัน
นอกจากนี้ กสท.ยังได้พิจารณาการขยายโครงข่าย (MUX) รองรับการแพร่สัญญาณทีวีดิจิตอลครอบคลุมครัวเรือนในช่วงแรก 11 จังหวัด โดยเป็นจังหวัดขนาดใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ นครราชสีมา ภูเก็ต หาดใหญ่ ซึ่งในกลุ่มจังหวัดดังกล่าวมีประชาชนสามารถรับชมทีวีดิจิตอลมากกว่า 50% ของประชาชน 22 ล้านครัวเรือน
ส่วนชาวบ้านที่รับชมทีวีผ่านทีวีดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวีสามารถรับชมฟรีทีวีดิจิตอลผ่านทั้งสองระบบได้ โดย กสท.ได้เชิญตัวแทนจากผู้ชนะการประมูล ร่วมเป็นอนุกรรมการ คณะกรรมการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบทีวีดิจิตอล เพื่อร่วมกันเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ระบบการรับชมทีวีดิจิตอล จากนั้นจะเริ่มทยอยเปิดให้รับชมได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.57 ต่อไปในปี 58 และปี 59 ผู้ให้บริการโครงการข่ายจะขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมทั้งประเทศ
สำหรับรายได้ทั้งหมดจากการประมูล 50,862 ล้านบาทต้องนำส่งกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อประโยชน์สาธารณะตามกฎหมาย โดย กสท.จะสนับสนุนคูปองแลกกล่อง SET TOP BOX ให้กับประชาชนเพื่อรับชมทีวีดิจิตอล เบื้องต้นกำหนดไว้ 690 บาทต่อครัวเรือน จำนวนราว 22 ล้านครัวเรือน โดยขณะนี้กล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอลจำหน่ายตามท้องตลาดกล่องละ 1,100-1,200 บาท และแนวโน้มเมื่อจำหน่ายได้กว้างขวางมากขึ้นคาดว่าราคาจะลดลงอีก ซึ่ง กสทช.จะกำหนดรายละเอียดการชดเชยอีกครั้งหนึ่ง
ผู้ประกอบการที่ชนะการประมูล แบ่งเป็น 4 หมวดหมู่ ได้แก่
ช่องความคมชัดสูง (HD) ประกอบด้วย
1.บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด (BEC)
2.บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด
3.บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด (ช่อง 7 )
4.บริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ จำกัด (ไทยรัฐ)
5.บมจ. อสมท (MCOT)
6.บริษัท อมรินทร์ เทเลวิชั่น จำกัด (AMARIN)
7.บริษัท จีเอ็มเอ็ม เอชดี ดิจิทัล ทีวี จำกัด (GRAMMY)
ช่องความคมชัดปกติ(SD) ประกอบด้วย
1.บริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง จำกัด (WORK)
2.บริษัท ทรู ดีทีที จำกัด(TRUE)
3.บริษัท จีเอ็มเอ็ม เอสดี ดิจิทัล ทีวี จำกัด (GRAMMY)
4.บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด (BEC)
5.บริษัท อาร์.เอส.เทเลวิชั่น จำกัด (RS)
6.บริษัท โมโน บรอดคาซท์ จำกัด (MONO)
7.บริษัท แบงคอก บิสสิเนส บรอดแคสติ้ง จำกัด (เครือเนชั่น )
ช่องข่าวและสาระ ประกอบด้วย
1.บริษัท เอ็นบีซี เน็กซ์ วิชั่น จำกัด (เครือเนชั่น)
2.บริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด
3.บริษัท ไทยทีวี จำกัด
4.บริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด (SLC)
5. บริษัท ไทย นิวส์ เน็ตเวิร์ค (ทีเอ็นเอ็น) จำกัด (TRUE)
6.บริษัท ดีเอ็น บรอดคาสท์ จำกัด (เดลินิวส์ ทีวี)
7. บริษัท 3 เอ. มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
และช่องเด็ก ประกอบด้วย
1. บริษัท บีอีซีมัลติมีเดีย จำกัด(BEC)
2.บมจ. อสมท (MCOT)
3. บริษัท ไทยทีวี จำกัด
โดยจะประกาศให้ผู้ชนะการประมูลรับทราบเพื่อจับฉลากผู้มีอันดับเท่ากันในระหว่างการประมูลและทำการเลือกช่องรายการตามลำดับชนะการประมูล.
ที่มา: อินโฟเควสท์ http://www.ryt9.com/s/iq05/1809793