[เอามาให้อ่านขำๆ นำมาจากสลิ่มในเฟสบุค]
ส.ป.ก.๔-๐๑ กับ สุเทพ เทือกสุบรรณ
"ความจริง ที่ยังไม่รู้"
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
.....ถ้าพูดถึง ส.ป.ก. ๔-๐๑ ใครต่างคิดถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
.....จึงเสมือนรอยด่างบนผ้าสีพื้นในชีวิตของสุเทพ เทือกสุบรรณ
.....ปลายปี ๒๕๓๗ สื่อมวลชนต่างประโคมข่าว "แจกที่ดิน ส.ป.ก. ๔-๐๑ ให้เศรษฐีภูเก็ต"
.....ปีนั้นนายไพโรจน์ สุวรรณฉวี ส.ส. พรรคชาติไทย แกนนำกลุ่ม ๑๖ เป็นผู้สร้างตำนานเอากระจงขาหักไปปล่อย โดยพาสื่อมวลชนไปตรวจพื้นที่ส.ป.ก.จัดฉากวิ่งไล่ถ่ายกระจงกันจนป่าราบ เพื่อตอกย้ำว่าพื้นที่ป่าสมบูรณ์มีแม้กระทั่งกระจงยังเอามาแจกให้เกษตรกร
.....หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคพลังธรรมงดออกเสียง และขอลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาล นายชวน หลีกภัย ประกาศยุบสภา
.....สำหรับคนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเช่นผม และมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีส.ป.ก. ๔-๐๑ อยู่พอสมควร ทราบดีว่า ที่ดินที่นำไปแจกให้ชาวภูเก็ตทั้งหมด ๔๘๖ ราย รวมเนื้อที่ ๑๐,๕๓๖ ไร่ ๒ งาน ๙๕ ตารางวา นั้น เป็นที่ดินที่ผู้ได้รับถือครองอยู่ก่อนแล้วทั้งสิ้น ครั้นเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้ที่ดินเหล่านั้นอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน ผู้ครอบครองก็ยินยอมเข้าร่วมโครงการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมของรัฐบาล ไม่ใช่เป็นการเอาที่ดินป่าไม้เสื่อมโทรม หรือที่ดินของรัฐประเภทใด ๆ มายกให้ชาวบ้านและเศรษฐีภูเก็ต ๑๐ ตระกูลดัง ตามที่หลายคนเข้าใจ
.....ทั้ง ๆ ที่ผู้ถือครองที่ดินอยู่ก่อนนั้นเขาสามารถนำที่ดินไปออกเป็นโฉนดหรือน.ส. ๓ ได้อยู่แล้ว ด้วยวิธีการที่ถูกต้องหรือไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็แล้วแต่ โดยเฉพาะผู้มีอันจะกินย่อมมีกำลังความสามารถ และทำกันมากี่แปลงแล้วตามที่รู้ ๆ กันอยู่ทั่วไปในภูเก็ต...แต่การที่เขายอมรับให้ที่ดินของตัวเองให้อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน ยังจะเป็นผลดีเสียอีก เพราะเขาไม่สามารถนำที่ดินเหล่านั้นไปสร้างโรงแรม รีสอร์ท สนามกอลฟ์ได้ เพราะจะต้องใช้เป็นพื้นที่สำหรับทำเกษตรกรรมเท่านั้น
.....ถึงแม้ว่าไม่มอบส.ป.ก.๔-๐๑ ให้เขา แต่ผมเชื่อว่าไม่มีใครหน้าไหนกล้าไปยึดที่ดินของเขามาเป็นของหลวง
.....นอกจากนี้ หากจะพูดถึงคุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับกับคำว่า “เกษตรกร” ซึ่งต้องมีรายได้หลักมาจากการเกษตร และคำว่า “ยากจน” ต้องมีรายได้ตามหลักเกณฑ์ที่ส.ป.ก.กำหนด แต่สำรับชาวภูเก็ตที่ได้รับ ส.ป.ก.-๔๐๑ ทั้งหมด ไม่ถือเป็นเกษตรกร และยากจน ดังนั้น หากจะถือตามคุณสมบัติดังกล่าวแล้ว การแจกให้คนภูเก็ตทุกรายก็นับว่าผิดเงื่อนไขหลักเกณฑ์ไม่ใช่เฉพาะตระกูลเศรษฐีที่ถูกโจมตี (ส่วนตามกฎหมายปฏิรูปที่ดินจะถือว่าบุคคลเหล่านั้นมีสิทธิได้รับหรือไม่ ผมจะไม่พูดถึง)
.....หากแม้วันนั้นที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ทำหน้าที่ประธานแจกส.ป.ก. ๔-๐๑ ให้ชาวภูเก็ต ไม่มีนายทศพร เทพบุตร สามีของนางอัญชลี วานิช (เลขาฯ นายสุเทพขณะนั้น) อยู่ด้วย คงไม่เป็นจุดอ่อนให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์
.....แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว นายนิพนธ์ พร้อมพันธ์ รมต. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รมช. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งกำกับดูแลส.ป.ก. ได้แสดงความรับผิดชอบลาออกจากตำแหน่ง...นั่นคือคุณธรรมระดับหนึ่งของรัฐมนตรีขณะนั้น ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐมนตรีขณะนี้ ที่ยังไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบแม้แต่น้อย
.....จำได้ว่า หลังจากลาออกจากตำแหน่งแล้ว ด้วยความเป็นเลือดนักสู้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ลงทุนเดินแจกจ่ายเอกสารชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนเรื่องส.ป.ก.
.....และจำได้ว่า พรรคพลังธรรม ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลและประกาศถอนตัวตอนนั้น มีพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นรมต.กระทรวงการต่างประเทศ
.....หรือว่า ?? ส.ป.ก. ได้จุดประกายความคิดของทักษิณ ชินวัตร ขึ้นว่า ข่าวสารสามารถสร้างและบิดเบือนได้ สมองคนสามารถยึดครองได้ และอาจเป็นจุดปฏิสนธิของระบอบทักษิณ
.....บางคนอาจไม่ชอบผู้ชายคนนี้ เพราะพูดจาโผงผาง ชัดเจน ตรงไปตรงมาเกินไป ตามสไตล์คนใต้...แต่สำหรับผมแล้ว เขาคือ !!
"นักสู้..ผู้ไม่แพ้"
กรำเกร็ง ตะเบ็งพูด
เอ็นมือปูด เอ็นคอโปน
กู่ก้อง ร้องตะโกน
จุดไฟโชน กลางใจชน
ไฟคั่ง ก็ถั่งโถม
กระพือโหม ไปทั่วหน
ล้านล้าน ละลานล้น
แน่นถนน ราชดำเนิน
สุเทพ เทือกสุบรรณ
ชูธงชัน เชิดเผชิญ
เหิมห้าว ทุกก้าวเดิน
ทุกก้าวเกิน กว่ากงการ
"เทพเทือก" ที่เลือกทำ
จักจดจำ ในตำนาน
เชิดชู เป็นชายชาญ
ฆ่าผองพาล ให้สูญพันธ์ุ
นักสู้ ผู้ไม่แพ้
ผู้แน่วแน่ ไม่แปรผัน
"สุเทพ เทือกสุบรรณ"
จะโจษจัน ในดวงใจ
"ขออีกครั้ง สำหรับกาพย์ยานีบทนี้"
ส.ป.ก.๔-๐๑ กับ สุเทพ เทือกสุบรรณ
ส.ป.ก.๔-๐๑ กับ สุเทพ เทือกสุบรรณ
"ความจริง ที่ยังไม่รู้"
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
.....ถ้าพูดถึง ส.ป.ก. ๔-๐๑ ใครต่างคิดถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
.....จึงเสมือนรอยด่างบนผ้าสีพื้นในชีวิตของสุเทพ เทือกสุบรรณ
.....ปลายปี ๒๕๓๗ สื่อมวลชนต่างประโคมข่าว "แจกที่ดิน ส.ป.ก. ๔-๐๑ ให้เศรษฐีภูเก็ต"
.....ปีนั้นนายไพโรจน์ สุวรรณฉวี ส.ส. พรรคชาติไทย แกนนำกลุ่ม ๑๖ เป็นผู้สร้างตำนานเอากระจงขาหักไปปล่อย โดยพาสื่อมวลชนไปตรวจพื้นที่ส.ป.ก.จัดฉากวิ่งไล่ถ่ายกระจงกันจนป่าราบ เพื่อตอกย้ำว่าพื้นที่ป่าสมบูรณ์มีแม้กระทั่งกระจงยังเอามาแจกให้เกษตรกร
.....หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคพลังธรรมงดออกเสียง และขอลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาล นายชวน หลีกภัย ประกาศยุบสภา
.....สำหรับคนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเช่นผม และมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีส.ป.ก. ๔-๐๑ อยู่พอสมควร ทราบดีว่า ที่ดินที่นำไปแจกให้ชาวภูเก็ตทั้งหมด ๔๘๖ ราย รวมเนื้อที่ ๑๐,๕๓๖ ไร่ ๒ งาน ๙๕ ตารางวา นั้น เป็นที่ดินที่ผู้ได้รับถือครองอยู่ก่อนแล้วทั้งสิ้น ครั้นเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้ที่ดินเหล่านั้นอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน ผู้ครอบครองก็ยินยอมเข้าร่วมโครงการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมของรัฐบาล ไม่ใช่เป็นการเอาที่ดินป่าไม้เสื่อมโทรม หรือที่ดินของรัฐประเภทใด ๆ มายกให้ชาวบ้านและเศรษฐีภูเก็ต ๑๐ ตระกูลดัง ตามที่หลายคนเข้าใจ
.....ทั้ง ๆ ที่ผู้ถือครองที่ดินอยู่ก่อนนั้นเขาสามารถนำที่ดินไปออกเป็นโฉนดหรือน.ส. ๓ ได้อยู่แล้ว ด้วยวิธีการที่ถูกต้องหรือไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็แล้วแต่ โดยเฉพาะผู้มีอันจะกินย่อมมีกำลังความสามารถ และทำกันมากี่แปลงแล้วตามที่รู้ ๆ กันอยู่ทั่วไปในภูเก็ต...แต่การที่เขายอมรับให้ที่ดินของตัวเองให้อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน ยังจะเป็นผลดีเสียอีก เพราะเขาไม่สามารถนำที่ดินเหล่านั้นไปสร้างโรงแรม รีสอร์ท สนามกอลฟ์ได้ เพราะจะต้องใช้เป็นพื้นที่สำหรับทำเกษตรกรรมเท่านั้น
.....ถึงแม้ว่าไม่มอบส.ป.ก.๔-๐๑ ให้เขา แต่ผมเชื่อว่าไม่มีใครหน้าไหนกล้าไปยึดที่ดินของเขามาเป็นของหลวง
.....นอกจากนี้ หากจะพูดถึงคุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับกับคำว่า “เกษตรกร” ซึ่งต้องมีรายได้หลักมาจากการเกษตร และคำว่า “ยากจน” ต้องมีรายได้ตามหลักเกณฑ์ที่ส.ป.ก.กำหนด แต่สำรับชาวภูเก็ตที่ได้รับ ส.ป.ก.-๔๐๑ ทั้งหมด ไม่ถือเป็นเกษตรกร และยากจน ดังนั้น หากจะถือตามคุณสมบัติดังกล่าวแล้ว การแจกให้คนภูเก็ตทุกรายก็นับว่าผิดเงื่อนไขหลักเกณฑ์ไม่ใช่เฉพาะตระกูลเศรษฐีที่ถูกโจมตี (ส่วนตามกฎหมายปฏิรูปที่ดินจะถือว่าบุคคลเหล่านั้นมีสิทธิได้รับหรือไม่ ผมจะไม่พูดถึง)
.....หากแม้วันนั้นที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ทำหน้าที่ประธานแจกส.ป.ก. ๔-๐๑ ให้ชาวภูเก็ต ไม่มีนายทศพร เทพบุตร สามีของนางอัญชลี วานิช (เลขาฯ นายสุเทพขณะนั้น) อยู่ด้วย คงไม่เป็นจุดอ่อนให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์
.....แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว นายนิพนธ์ พร้อมพันธ์ รมต. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รมช. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งกำกับดูแลส.ป.ก. ได้แสดงความรับผิดชอบลาออกจากตำแหน่ง...นั่นคือคุณธรรมระดับหนึ่งของรัฐมนตรีขณะนั้น ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐมนตรีขณะนี้ ที่ยังไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบแม้แต่น้อย
.....จำได้ว่า หลังจากลาออกจากตำแหน่งแล้ว ด้วยความเป็นเลือดนักสู้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ลงทุนเดินแจกจ่ายเอกสารชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนเรื่องส.ป.ก.
.....และจำได้ว่า พรรคพลังธรรม ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลและประกาศถอนตัวตอนนั้น มีพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นรมต.กระทรวงการต่างประเทศ
.....หรือว่า ?? ส.ป.ก. ได้จุดประกายความคิดของทักษิณ ชินวัตร ขึ้นว่า ข่าวสารสามารถสร้างและบิดเบือนได้ สมองคนสามารถยึดครองได้ และอาจเป็นจุดปฏิสนธิของระบอบทักษิณ
.....บางคนอาจไม่ชอบผู้ชายคนนี้ เพราะพูดจาโผงผาง ชัดเจน ตรงไปตรงมาเกินไป ตามสไตล์คนใต้...แต่สำหรับผมแล้ว เขาคือ !!
"นักสู้..ผู้ไม่แพ้"
กรำเกร็ง ตะเบ็งพูด
เอ็นมือปูด เอ็นคอโปน
กู่ก้อง ร้องตะโกน
จุดไฟโชน กลางใจชน
ไฟคั่ง ก็ถั่งโถม
กระพือโหม ไปทั่วหน
ล้านล้าน ละลานล้น
แน่นถนน ราชดำเนิน
สุเทพ เทือกสุบรรณ
ชูธงชัน เชิดเผชิญ
เหิมห้าว ทุกก้าวเดิน
ทุกก้าวเกิน กว่ากงการ
"เทพเทือก" ที่เลือกทำ
จักจดจำ ในตำนาน
เชิดชู เป็นชายชาญ
ฆ่าผองพาล ให้สูญพันธ์ุ
นักสู้ ผู้ไม่แพ้
ผู้แน่วแน่ ไม่แปรผัน
"สุเทพ เทือกสุบรรณ"
จะโจษจัน ในดวงใจ
"ขออีกครั้ง สำหรับกาพย์ยานีบทนี้"