วันที่ 3 มกราคม 2557 พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เดินทางลงพื้นที่ “ชุมชน วัดดวงแข” เพื่อติดตามการดำเนินงานตาม “โครงการชุมชนอุ่นในได้ลูกหลานกลับคืน” ในพื้นที่ชุมชนวัดดวงแข” ซึ่งเป็นพื้นที่เฝ้าระวังสูงสุดของ กทม. โดยก่อนหน้านี้ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ประกาศพื้นที่เฝ้าระวังสูงสุดใน กทม. 5 แห่ง ได้แก่ 1. ชุมชนวัดดวงแข แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน 2. ชุมชนสะพานปูน แขวงสีกัน เขตดอนเมือง 3. ชุมชนวัดพระยาไกร ระยะ 3 แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม 4. ชุมชนสุเหร่าแดง แขวงคันนายาว เขตคันนายาว และ 5. ชุมชนวังโสม แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ
ชุมชนวัดดวงแขมีลักษณะเป็นชุมชนแออัด มีเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ มีบ้านเรือนที่พักอาศัยประมาณ 100 หลังคาเรือน มีผู้อยู่อาศัยเดิม และประชากรแฝงที่มีอาชีพรับจ้าง ประมาณ 1,000 คน สภาพปัญหายาเสพติดในชุมชนมีทั้งนักค้ารายย่อยที่อยู่ในเครือข่ายยาเสพติดที่เชื่อมโยงกับกลุ่มพ่อค้ายาเสพติดในภาคเหนือ มีผู้เสพที่ส่วนใหญ่เป็นเด็กและเยาวชน ส่วนยาเสพติดที่แพร่ระบาดมากที่สุด คือ ยาบ้า รองลงมาคือ ไอซ์
สำหรับแนวทางการดำเนินงานของ ป.ป.ส. ที่ผ่านมา ได้ดำเนินตามแนวทางของชุมชนอุ่นใจ ฯ อย่างต่อเนื่อง ได้แก่
1. แก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่เกิดจากประชากรแฝง ใช้มาตรการการจัดระเบียบสังคม โดยขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการในพื้นที่
2. ควบคุมจุดเสี่ยงในชุมชน ใช้มาตรการจัดระเบียบสังคม โดยขอความร่วมมือกับเจ้าของร้านค้าสอดส่องดูแลผู้ใช้บริการ งดจำหน่ายสุรา หรือของมึนเมาให้กับเยาวชน
3. จับกุมนักค้า/เครือข่ายยาเสพติด ใช้มาตรการจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
4. ประสานภาคีในพื้นที่ ได้แก่ แกนนำภาคประชาชน ตำรวจชุมชนสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวมทั้งเจ้าหน้าที่การศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ที่มีศักยภาพและประสบการณ์ร่วมกันกำหนดแผนงานและเป้าหมายในการติดตามและให้ความช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดรักษา
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ กล่าวว่า “การแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชนวัดดวงแข ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย. 2556 ที่ผ่านมา ถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดีและได้รับความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจากผู้นำชุมชน ขณะนี้ถือว่าสถานการณ์ยาเสพติดของชุมชนวัดดวงแขดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับระยะแรกที่ ป.ป.ส. เข้าดำเนินการ และจะทำต่อไปอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ และเป็นชุมชนสีขาวในที่สุด”
สำหรับการดูแลแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน เฝ้าระวังสูงสุด 50 แห่งทั่วประเทศ ใน กทม. และพื้นที่ 9 ภาค 33 จังหวัดนั้น สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดได้อย่างน่าพอใจมีการสร้างกลไกความร่วมมือของเจ้าหน้าที่และประชาชนในชุมชนอย่างใกล้ชิด โดยสามารถจับกุมผู้ค้ารายย่อยได้ 216 คน มีผู้เข้ารับการบำบัดทั้งสมัครใจและบังคับบำบัด 546 คน และสามารถขยายผลติดตามยึดทรัพย์ได้แล้วกว่า 50 ล้านบาท ส่วนการดำเนินการในขั้นต่อไปตาม “โครงการชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน” มีอยู่ 4 ขั้นตอน ได้แก่
1. เปิด “บ้านอุ่นใจ” เป็นศูนย์ปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อบูรณาการเจ้าหน้าที่จากทุกฝ่ายปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นและเอ๊กซเรย์เชิงรุกเพื่อดำเนินการจับกุมลุ่มผู้ค้ารายย่อย และนำผู้เสพและผู้ใช้ยาเสพติดเข้ารับการบำบัดฟื้นฟู
2. จัด “สายตรวจอุ่นใจ” ซึ่งเป็นชุดทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครในชุมชน ลาดตระเวนเฝ้าระวังจุดล่อแหลมและแหล่งมั่วสุม เพื่อป้องกันไม่ให้มีการขายและใช้ยาเสพติดในชุมชน รวมทั้งการเฝ้าระวังอาชญากรรมที่เป็นผลสืบเนื่อง โดยเฉพาะอาชญากรรมเกี่ยวกับทรัพย์
3. พัฒนาสภาพแวดล้อมโดยรอบ “บ้าน วัด โรงเรียน” เพื่อให้ทุกคนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และปรับปรุง“ลานกีฬาต้านยาเสพติด”เพื่อให้เด็กและยาวชนสามารถเข้าไปเล่นกีฬาได้ตลอดเวลา
4. สร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชน เพื่อต่อยอดให้เป็น “ชุมชนเข้มแข็ง” และ เป็น “ชุมชนสีขาว” ให้ได้ในที่สุด”
เลขาธิการ ป.ป.ส. ลงพื้นที่ชุมชนวัดดวงแข
ชุมชนวัดดวงแขมีลักษณะเป็นชุมชนแออัด มีเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ มีบ้านเรือนที่พักอาศัยประมาณ 100 หลังคาเรือน มีผู้อยู่อาศัยเดิม และประชากรแฝงที่มีอาชีพรับจ้าง ประมาณ 1,000 คน สภาพปัญหายาเสพติดในชุมชนมีทั้งนักค้ารายย่อยที่อยู่ในเครือข่ายยาเสพติดที่เชื่อมโยงกับกลุ่มพ่อค้ายาเสพติดในภาคเหนือ มีผู้เสพที่ส่วนใหญ่เป็นเด็กและเยาวชน ส่วนยาเสพติดที่แพร่ระบาดมากที่สุด คือ ยาบ้า รองลงมาคือ ไอซ์
สำหรับแนวทางการดำเนินงานของ ป.ป.ส. ที่ผ่านมา ได้ดำเนินตามแนวทางของชุมชนอุ่นใจ ฯ อย่างต่อเนื่อง ได้แก่
1. แก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่เกิดจากประชากรแฝง ใช้มาตรการการจัดระเบียบสังคม โดยขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการในพื้นที่
2. ควบคุมจุดเสี่ยงในชุมชน ใช้มาตรการจัดระเบียบสังคม โดยขอความร่วมมือกับเจ้าของร้านค้าสอดส่องดูแลผู้ใช้บริการ งดจำหน่ายสุรา หรือของมึนเมาให้กับเยาวชน
3. จับกุมนักค้า/เครือข่ายยาเสพติด ใช้มาตรการจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
4. ประสานภาคีในพื้นที่ ได้แก่ แกนนำภาคประชาชน ตำรวจชุมชนสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวมทั้งเจ้าหน้าที่การศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ที่มีศักยภาพและประสบการณ์ร่วมกันกำหนดแผนงานและเป้าหมายในการติดตามและให้ความช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดรักษา
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ กล่าวว่า “การแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชนวัดดวงแข ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย. 2556 ที่ผ่านมา ถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดีและได้รับความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจากผู้นำชุมชน ขณะนี้ถือว่าสถานการณ์ยาเสพติดของชุมชนวัดดวงแขดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับระยะแรกที่ ป.ป.ส. เข้าดำเนินการ และจะทำต่อไปอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ และเป็นชุมชนสีขาวในที่สุด”
สำหรับการดูแลแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน เฝ้าระวังสูงสุด 50 แห่งทั่วประเทศ ใน กทม. และพื้นที่ 9 ภาค 33 จังหวัดนั้น สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดได้อย่างน่าพอใจมีการสร้างกลไกความร่วมมือของเจ้าหน้าที่และประชาชนในชุมชนอย่างใกล้ชิด โดยสามารถจับกุมผู้ค้ารายย่อยได้ 216 คน มีผู้เข้ารับการบำบัดทั้งสมัครใจและบังคับบำบัด 546 คน และสามารถขยายผลติดตามยึดทรัพย์ได้แล้วกว่า 50 ล้านบาท ส่วนการดำเนินการในขั้นต่อไปตาม “โครงการชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน” มีอยู่ 4 ขั้นตอน ได้แก่
1. เปิด “บ้านอุ่นใจ” เป็นศูนย์ปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อบูรณาการเจ้าหน้าที่จากทุกฝ่ายปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นและเอ๊กซเรย์เชิงรุกเพื่อดำเนินการจับกุมลุ่มผู้ค้ารายย่อย และนำผู้เสพและผู้ใช้ยาเสพติดเข้ารับการบำบัดฟื้นฟู
2. จัด “สายตรวจอุ่นใจ” ซึ่งเป็นชุดทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครในชุมชน ลาดตระเวนเฝ้าระวังจุดล่อแหลมและแหล่งมั่วสุม เพื่อป้องกันไม่ให้มีการขายและใช้ยาเสพติดในชุมชน รวมทั้งการเฝ้าระวังอาชญากรรมที่เป็นผลสืบเนื่อง โดยเฉพาะอาชญากรรมเกี่ยวกับทรัพย์
3. พัฒนาสภาพแวดล้อมโดยรอบ “บ้าน วัด โรงเรียน” เพื่อให้ทุกคนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และปรับปรุง“ลานกีฬาต้านยาเสพติด”เพื่อให้เด็กและยาวชนสามารถเข้าไปเล่นกีฬาได้ตลอดเวลา
4. สร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชน เพื่อต่อยอดให้เป็น “ชุมชนเข้มแข็ง” และ เป็น “ชุมชนสีขาว” ให้ได้ในที่สุด”