การเดินทางที่จะรีวิวต่อไปนี้ ผมไปมาตั้งแต่ปี 2009 ถ่ายรูปไว้มากมาย เคยมีความตั้งใจว่าจะเขียนรีวิว แต่ด้วยความขี้เกียจ ทำให้ไม่ได้เขียนซะที จะมาช่วงนี้ เอารูปเก่าๆ มาย้อนดู เลยตัดสินใจว่า ลองรื้อฟื้นความหลังกันซักตั้ง เนื่องจากมันเป็นดินแดนที่นักท่องเที่ยวชาวไทยน้อยคนจะได้ไป อยากถ่ายทอดให้คนอื่นได้รับรู้บ้าง และที่สำคัญ หลังจากได้ไปดู animation เรื่อง Frozen เกิดคิดถึงความหลังอย่างแรก เพราะบรรยากาศมันใช่เลยทุกอย่าง
แผนการเดินทางของเรามีเพียงสองประเทศ คือ นอร์เวย์ และสวีเดน ซึ่งจริงๆแล้ว มันคือ นอร์เวย์เป็นหลัก เพราะสวีเดนไปแค่วันกว่าๆ เท่านั้น โดยจุดหมายที่สำคัญที่สุดคือ เกาะ Svalbard ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่เกือบสุดขั้วโลกเหนือ เป็นดินแดนของประเทศนอร์เวย์ แต่มีลักษณะเป็นเขตปกครองพิเศษซึ่งดูแลโดย The Governor of Svalbard มีข้อกำหนดทางกฎหมายต่างจาก mainland เช่น ภาษีถูกกว่า ไม่มี VAT และที่สำคัญ Svalbard ไม่ได้อยู่ในเขต Schengen Visa แต่เข้าใจว่าต้องมีขั้นตอนการขออนุญาตจากเขตปกครองนี้ก่อนเข้า อย่างไรก็ดี สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยซึ่งเวลาไปยุโรป เรามักจะเที่ยวในเมืองด้วยอยู่แล้ว ดังนั้นก็ต้องมีเชงเก้นวีซ่านะครับ มีเช้งเก้นเราก็สามารถเข้า Svalbard ได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ
สมัยก่อนคนส่วนใหญ่ในเกาะมีอาชีพทำเหมืองถ่านหินเป็นหลัก ปัจจุบันมีรายได้จากการท่องเที่ยวมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งที่นี่ยังมีหน่วยงานในการทำวิจัยต่างๆ เกี่ยวกับพื้นที่หนาวด้วย เรามาทำความรู้จัก Svalbard เบื้องต้นได้ที่นี่
http://en.wikipedia.org/wiki/Svalbard
แผนที่เกาะ Svalbard จะเห็นว่ามันไกลจากนอร์เวย์มาก เกือบถึงขั้วโลกเหนือแล้ว
เพื่อให้เห็นชัดๆว่า มันใกล้ขั้วโลกเหนือแค่ไหน ลองดูจากแผนที่มองจากด้านบนของโลก
ณ ปี 2009 ยังไม่มีสายการบินที่บินตรงจากกรุงเทพฯ ไปออสโล เมืองหลวงของนอร์เวย์ เราจึงต้องบินจากกรุงเทพฯ มายังสตอกโฮล์ม ที่สวีเดนก่อนโดยใช้การบินไทย และเปลี่ยนเครื่องเป็น SAS เพื่อไปยังออสโลต่อ และจากออสโล เราก็เปลี่ยนเป็น SAS อีกลำไปยัง Svalbard เปลี่ยนเครื่องสองรอบ เครื่องบิน 3 ลำ มีลุ้นมาก เพราะเวลาต่อเครื่องมีไม่มาก และที่กรุงเทพฯ ไม่สามารถออก Boarding Pass ขาสวีเดน – นอร์เวย์ให้เราได้ ทำให้ต้องเสียเวลามาออก Boarding Pass ที่สตอกโฮล์ม ซึ่งโชคดีที่ใช้เวลาไม่นาน แต่ก็ต้องมาลุ้นที่ออสโลอีก เนื่องจาก ขาไป Svalbard ไม่สามารถ check through ได้ ต้องไปรับกระเป๋า และโหลดใหม่ แต่ก็โชคดีอีกนั่นแหละ ที่คนน้อย ทำให้เสร็จทันเวลา ปัจจุบันการบินไทยมีบินตรงมาออสโลแล้ว ทำให้สะดวกมากขึ้น เราสามารถบินมาต่อ SAS ไป Svalbard ได้เลย
แม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยน้อยรายที่มาถึงนี่ แต่สิ่งที่น่าตกใจไม่น้อยสำหรับคณะเราก็คือ เราพบว่าที่นี่มีคนไทยทำงานอยู่จำนวนมากหลายสิบคนเลยทีเดียว ที่รู้เพราะเราเจอคนไทยใน super market เค้าเห็นเราพูดไทยเลยมาทัก เลยได้คุยกันทราบว่า มีคนไทยทำงานในแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงโรงแรมที่นี่เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เกิดจากการชักชวนกันมา
[CR] รีวิวค้าง(หลาย)ปี Norway ภาคต้น: Svalbard เยือนแดน Frozen ตะลุยหิมะสุดขั้วโลก
แผนการเดินทางของเรามีเพียงสองประเทศ คือ นอร์เวย์ และสวีเดน ซึ่งจริงๆแล้ว มันคือ นอร์เวย์เป็นหลัก เพราะสวีเดนไปแค่วันกว่าๆ เท่านั้น โดยจุดหมายที่สำคัญที่สุดคือ เกาะ Svalbard ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่เกือบสุดขั้วโลกเหนือ เป็นดินแดนของประเทศนอร์เวย์ แต่มีลักษณะเป็นเขตปกครองพิเศษซึ่งดูแลโดย The Governor of Svalbard มีข้อกำหนดทางกฎหมายต่างจาก mainland เช่น ภาษีถูกกว่า ไม่มี VAT และที่สำคัญ Svalbard ไม่ได้อยู่ในเขต Schengen Visa แต่เข้าใจว่าต้องมีขั้นตอนการขออนุญาตจากเขตปกครองนี้ก่อนเข้า อย่างไรก็ดี สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยซึ่งเวลาไปยุโรป เรามักจะเที่ยวในเมืองด้วยอยู่แล้ว ดังนั้นก็ต้องมีเชงเก้นวีซ่านะครับ มีเช้งเก้นเราก็สามารถเข้า Svalbard ได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ
สมัยก่อนคนส่วนใหญ่ในเกาะมีอาชีพทำเหมืองถ่านหินเป็นหลัก ปัจจุบันมีรายได้จากการท่องเที่ยวมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งที่นี่ยังมีหน่วยงานในการทำวิจัยต่างๆ เกี่ยวกับพื้นที่หนาวด้วย เรามาทำความรู้จัก Svalbard เบื้องต้นได้ที่นี่
http://en.wikipedia.org/wiki/Svalbard
แผนที่เกาะ Svalbard จะเห็นว่ามันไกลจากนอร์เวย์มาก เกือบถึงขั้วโลกเหนือแล้ว
เพื่อให้เห็นชัดๆว่า มันใกล้ขั้วโลกเหนือแค่ไหน ลองดูจากแผนที่มองจากด้านบนของโลก
ณ ปี 2009 ยังไม่มีสายการบินที่บินตรงจากกรุงเทพฯ ไปออสโล เมืองหลวงของนอร์เวย์ เราจึงต้องบินจากกรุงเทพฯ มายังสตอกโฮล์ม ที่สวีเดนก่อนโดยใช้การบินไทย และเปลี่ยนเครื่องเป็น SAS เพื่อไปยังออสโลต่อ และจากออสโล เราก็เปลี่ยนเป็น SAS อีกลำไปยัง Svalbard เปลี่ยนเครื่องสองรอบ เครื่องบิน 3 ลำ มีลุ้นมาก เพราะเวลาต่อเครื่องมีไม่มาก และที่กรุงเทพฯ ไม่สามารถออก Boarding Pass ขาสวีเดน – นอร์เวย์ให้เราได้ ทำให้ต้องเสียเวลามาออก Boarding Pass ที่สตอกโฮล์ม ซึ่งโชคดีที่ใช้เวลาไม่นาน แต่ก็ต้องมาลุ้นที่ออสโลอีก เนื่องจาก ขาไป Svalbard ไม่สามารถ check through ได้ ต้องไปรับกระเป๋า และโหลดใหม่ แต่ก็โชคดีอีกนั่นแหละ ที่คนน้อย ทำให้เสร็จทันเวลา ปัจจุบันการบินไทยมีบินตรงมาออสโลแล้ว ทำให้สะดวกมากขึ้น เราสามารถบินมาต่อ SAS ไป Svalbard ได้เลย
แม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยน้อยรายที่มาถึงนี่ แต่สิ่งที่น่าตกใจไม่น้อยสำหรับคณะเราก็คือ เราพบว่าที่นี่มีคนไทยทำงานอยู่จำนวนมากหลายสิบคนเลยทีเดียว ที่รู้เพราะเราเจอคนไทยใน super market เค้าเห็นเราพูดไทยเลยมาทัก เลยได้คุยกันทราบว่า มีคนไทยทำงานในแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงโรงแรมที่นี่เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เกิดจากการชักชวนกันมา