พึ่งพาสามีและลูกชายตัวน้อย น้องต้นข้าว บินกลับไทยเมื่อ พย.ที่ผ่านมาค่ะ
และบินกลับมาออสเตรเลียแล้วตอนนี้ กลับมาได้สามอาทิตย์แล้ว คดียังนิ่งสนิท อยู่เลยค่ะ
พยายามเข้าใจการทำงานของตำรวจ พยายามใช้คำว่า ทำใจเถอะ เหมือนที่หลายๆคนบอก
แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันทำไม่ได้เลยค่ะ ลืมไม่ลง เสียใจ
เหตุเกิดที่พื้นที่ สน.ลพบุรี
ทรัพย์สินที่หายค่ะ จริงๆคือ หอบอะไรไป จากออสฯหายทุกชิ้น หายหมด กลับมาแบบตัวเบาเลย
1.Mac Book 1 เครื่อง
2.โน้ตบุ๊ค Asus
3.โน้ตบุ๊ค Compaq
4.กล้อง Canon dslr 600d พร้อมเลนส์อีกสองตัวค่ะ
5.เงินสกุลดอลล่าออส , แหวนแต่งงาน , ทอง , นาฬิกาข้อมือ , กำไลเท้า , สร้อยข้อมือ , มือถืออีก2เครื่อง , พระเครื่องอีกสิบกว่าองค์ พระเก่าของพ่อค่ะ
เชื่อมั้ยคะ บ้านโดนงัดกลางวันแสกๆ ทั้งๆที่ข้างบ้านมีคนอยู่ เจาะจงงัดที่ห้องนอนเราโดยเฉพาะ
ลายนิ้วมือ รอยเท้าเต็มบ้าน
ปรกติทุกวันบ้านจะมีคนอยู่ตลอด แต่วันที่เกิดเรื่อง คนบ้านเราทั้งบ้านไปเฝ้าลูกชายที่นอนอยู่ รพ. เพราะป่วยติดเชื้อโรต้า
เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง เพราะคิดว่าหลานจะได้ออก ตายายเลยไปรับกลับ
สรุปตากลับมาบ้านก่อน บ้านกระจาย โทรหาเรา บอก "ลูกบ้านโดนงัด"
มือจับโทรศัพท์ ใจสั่น คิดไปแล้วว่าหมดแน่ เพราะเราทิ้งข้าวของไว้หมด เนื่องจาก พึ่งกลับจากพัทยา
และลูกชายป่วย แอดมิทที่พัทยาคืนนึงแล้วรีบมาแอดมิทต่อที่ รพ.ลพบุรี
มาบ้านก็เอาข้าวของทุกอย่างไว้บ้านหมด รีบพาลูกไปหาหมอ สรุปหมดตัว
หลังจากพ่อบอกเราโทรหา 191 จนหลายสิบรอบ ไม่ติด
เลยต้องให้พ่อขับรถมารับไปหาตำรวจที่โรงพักแทน
หปถึงเราก็แจ้งความ บอกๆ ทั้งที่ตกใจ พาตำรวจมาบ้าน
ตำรวจก็มาดูๆและสอบปากคำเล็กน้อย และกลับไป
หลังจากนั้นนัดสอบปากคำเราอีกคืนนั้น เราต้องให้ญาติมาเฝ้าลูกชายที่ รพ.ไปให้การกะตำรวจ
วิ่งวนเข้าโรงพักเป็นอาทิตย์ ขับรถตระเวณหาของ ตามร้านรับจำนำ ตลาดมืด คลองถม
เงียบสนิท จนเราท้อ สามีบอก นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่มาไทย เราพึ่งใครไม่ได้เลย
ที่สามีพูดแบบนี้ เพราะตำรวจบอกสามีเราตั้งแต่คืนแรกว่า "เชื่อผมเถอะว่าต้องเจอ"
ผ่านมาอีกสองอาทิตย์เราตามเรื่องตลอด ตำรวจก็บอกประโยคเดิม "เชื่อผมเถอะว่าต้องเจอ"
เราพยายามบอกตำรวจตลอดว่าเราสงสัยคนใกล้บ้านเพราะ วันที่เราเข้าออก ไม่มีใครรู้ เรากลับจากพัทยาเกือบเที่ยงคืน
และเช้าตรู่เราออกจากบ้านพาลูกไปแอดมิท ต้องคนที่รู้เวลาเข้าออกของเรา และแถวบ้านไม่เคยมีโจร
และต้องเป็นคนที่รู้นอกในบ้านเราเพราะโจรเจาะจงงัดแค่ห้องนอนเราโดยเฉพาะ
ตำรวจบอกถ้าสงสัยก็ขอหมายค้นได้ แต่หลักฐานต้องแน่นจริงๆ เราเข้าใจวิธีการทำงานของตำรวจนะ
แต่รู้มั้ย คนที่เราสงสัย เค้าติดยา เค้าไม่มีอาชีพ เค้าหนีเจ้าหนี้ เค้าอาศัยบ้านญาติ
หลังจากที่บ้านเราโดนงัด ได้สองสามวันเค้าหายตัวไปทั้งสามีภรรยา หายเงียบแบบไร้ร่องรอย
เราบอกตำรวจแล้ว แต่ผลคือ รอๆๆ
ผ่านมาเดือนครึ่งแล้วค่ะ เราพยายามติดต่อตำรวจเจ้าของคดี ก็เงียบสนิทไม่ตอบกลับไรทั้งสิ้น
เราพยายามถามผลลายนิ้วมือออกรึยังคะ ถึงไหนแล้ว ก็ไม่มีการตอบกลับ
เรากะสามีเครียดเพราะว่าข้อมูลสำคัญทุกอย่างเราอยู่ในโน้ตบุ๊คสามเครื่อง
รูปภาพที่เก็บไว้แต่ในนั้น ในระยะเวลาเจ็ดแปดปี ไม่มีสำรองไว้เลย หายหมดเกลี้ยง
เป็นไปได้ไหมคะ ที่จะให้บ้านเราเป็นบ้านสุดท้ายที่โดนแบบนี้
>>ทริปกลับเมืองไทยปีนี้ เศร้ากว่าที่คิด เมื่อโดนโจรงัดบ้าน ทรัพย์สินเกลี้ยง<<
และบินกลับมาออสเตรเลียแล้วตอนนี้ กลับมาได้สามอาทิตย์แล้ว คดียังนิ่งสนิท อยู่เลยค่ะ
พยายามเข้าใจการทำงานของตำรวจ พยายามใช้คำว่า ทำใจเถอะ เหมือนที่หลายๆคนบอก
แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันทำไม่ได้เลยค่ะ ลืมไม่ลง เสียใจ
เหตุเกิดที่พื้นที่ สน.ลพบุรี
ทรัพย์สินที่หายค่ะ จริงๆคือ หอบอะไรไป จากออสฯหายทุกชิ้น หายหมด กลับมาแบบตัวเบาเลย
1.Mac Book 1 เครื่อง
2.โน้ตบุ๊ค Asus
3.โน้ตบุ๊ค Compaq
4.กล้อง Canon dslr 600d พร้อมเลนส์อีกสองตัวค่ะ
5.เงินสกุลดอลล่าออส , แหวนแต่งงาน , ทอง , นาฬิกาข้อมือ , กำไลเท้า , สร้อยข้อมือ , มือถืออีก2เครื่อง , พระเครื่องอีกสิบกว่าองค์ พระเก่าของพ่อค่ะ
เชื่อมั้ยคะ บ้านโดนงัดกลางวันแสกๆ ทั้งๆที่ข้างบ้านมีคนอยู่ เจาะจงงัดที่ห้องนอนเราโดยเฉพาะ
ลายนิ้วมือ รอยเท้าเต็มบ้าน
ปรกติทุกวันบ้านจะมีคนอยู่ตลอด แต่วันที่เกิดเรื่อง คนบ้านเราทั้งบ้านไปเฝ้าลูกชายที่นอนอยู่ รพ. เพราะป่วยติดเชื้อโรต้า
เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง เพราะคิดว่าหลานจะได้ออก ตายายเลยไปรับกลับ
สรุปตากลับมาบ้านก่อน บ้านกระจาย โทรหาเรา บอก "ลูกบ้านโดนงัด"
มือจับโทรศัพท์ ใจสั่น คิดไปแล้วว่าหมดแน่ เพราะเราทิ้งข้าวของไว้หมด เนื่องจาก พึ่งกลับจากพัทยา
และลูกชายป่วย แอดมิทที่พัทยาคืนนึงแล้วรีบมาแอดมิทต่อที่ รพ.ลพบุรี
มาบ้านก็เอาข้าวของทุกอย่างไว้บ้านหมด รีบพาลูกไปหาหมอ สรุปหมดตัว
หลังจากพ่อบอกเราโทรหา 191 จนหลายสิบรอบ ไม่ติด
เลยต้องให้พ่อขับรถมารับไปหาตำรวจที่โรงพักแทน
หปถึงเราก็แจ้งความ บอกๆ ทั้งที่ตกใจ พาตำรวจมาบ้าน
ตำรวจก็มาดูๆและสอบปากคำเล็กน้อย และกลับไป
หลังจากนั้นนัดสอบปากคำเราอีกคืนนั้น เราต้องให้ญาติมาเฝ้าลูกชายที่ รพ.ไปให้การกะตำรวจ
วิ่งวนเข้าโรงพักเป็นอาทิตย์ ขับรถตระเวณหาของ ตามร้านรับจำนำ ตลาดมืด คลองถม
เงียบสนิท จนเราท้อ สามีบอก นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่มาไทย เราพึ่งใครไม่ได้เลย
ที่สามีพูดแบบนี้ เพราะตำรวจบอกสามีเราตั้งแต่คืนแรกว่า "เชื่อผมเถอะว่าต้องเจอ"
ผ่านมาอีกสองอาทิตย์เราตามเรื่องตลอด ตำรวจก็บอกประโยคเดิม "เชื่อผมเถอะว่าต้องเจอ"
เราพยายามบอกตำรวจตลอดว่าเราสงสัยคนใกล้บ้านเพราะ วันที่เราเข้าออก ไม่มีใครรู้ เรากลับจากพัทยาเกือบเที่ยงคืน
และเช้าตรู่เราออกจากบ้านพาลูกไปแอดมิท ต้องคนที่รู้เวลาเข้าออกของเรา และแถวบ้านไม่เคยมีโจร
และต้องเป็นคนที่รู้นอกในบ้านเราเพราะโจรเจาะจงงัดแค่ห้องนอนเราโดยเฉพาะ
ตำรวจบอกถ้าสงสัยก็ขอหมายค้นได้ แต่หลักฐานต้องแน่นจริงๆ เราเข้าใจวิธีการทำงานของตำรวจนะ
แต่รู้มั้ย คนที่เราสงสัย เค้าติดยา เค้าไม่มีอาชีพ เค้าหนีเจ้าหนี้ เค้าอาศัยบ้านญาติ
หลังจากที่บ้านเราโดนงัด ได้สองสามวันเค้าหายตัวไปทั้งสามีภรรยา หายเงียบแบบไร้ร่องรอย
เราบอกตำรวจแล้ว แต่ผลคือ รอๆๆ
ผ่านมาเดือนครึ่งแล้วค่ะ เราพยายามติดต่อตำรวจเจ้าของคดี ก็เงียบสนิทไม่ตอบกลับไรทั้งสิ้น
เราพยายามถามผลลายนิ้วมือออกรึยังคะ ถึงไหนแล้ว ก็ไม่มีการตอบกลับ
เรากะสามีเครียดเพราะว่าข้อมูลสำคัญทุกอย่างเราอยู่ในโน้ตบุ๊คสามเครื่อง
รูปภาพที่เก็บไว้แต่ในนั้น ในระยะเวลาเจ็ดแปดปี ไม่มีสำรองไว้เลย หายหมดเกลี้ยง
เป็นไปได้ไหมคะ ที่จะให้บ้านเราเป็นบ้านสุดท้ายที่โดนแบบนี้