จากที่ทุกวันนี้เห็นว่ามีความต้องการจะปฏิรูปประชาธิปไตย ให้สมบูรณ์ (ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าไม่มีระบบใดในโลกที่มีความสมบูรณ์จริงๆ)
ดังนั้นผมขอเสนอว่าทำไมไม่ปฏิรูปในกฏ ระเบียบที่นักการเมืองไม่สามารถนำมาเป็นหัวข้อในการหาเสียงได้เพราะ มันอาจไม่ถูกใจฐานเสียงเท่าใดนัก คือถ้าเสนอเป็นนโยบายก็คงไม่มีใครเลือก(หรืออาจจะดีก็ได้)
(ที่แท็กหลายห้องเพราะต้องการฟังความคิดเห็นครับ)
ผมขอเสนอดังนี้ครับ
เรื่องสิทธิ เสรีภาพ ในการแสดงออก

1 หลังจากการปฏิรูปเกิดขี้น ห้ามผู้ชุมนุม ประท้วงโดยการทำลายระบบ เศรษฐกิจ เช่น ปิดถนน ทำลายทรัพย์สินราชการ และอะไรที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ผู้ที่กระทำมีโทษทางแพ่ง คือต้องเฉลี่ยชดใช้แก่ความสูญเสียเหล่านั้น และถ้าไม่มีเงินพอก็ต้องไปทำงานชดใช้โดยหักจากเงินเดือน และแบ่งส่วนที่ต้องจ่ายไปให้แกนนำจ่าย คือห้าสิบเปอร์เซนต์ และส่วนที่เหลือก็เฉลี่ยกันไป (เพื่อไม่ให้ใช้สิทธิเกินขอบเขตผู้อื่น)
สำหรับผู้ที่เข้ายึดสถานที่ราชการต่างๆ ให้มีการจัดการโดยเด็ดขาด คือเริ่มยิงจากขาก่อน เพื่อไม่ให้มีการนำความเสียหายต่อสถานที่สำคัญมาต่อรองได้อีก

2 หลังจากการปฏิรูปเกิดขึ้น ถ้ารัฐบาลนำเสนอกฏหมาย ข้อบังคับใดที่จะนำพาประเทศสู่ความเสียหาย ให้มีการจัดชุมนุมได้โดยสงบ และ ส่งหนังสือไปให้ทางรัฐบาลเป็นลายลักษณ์อักษร รัฐบาลมีหน้าที่ๆจะต้องนำไปพิจารณาในกรอบไม่เกินสามวัน และชี้แจ้งต่อมวลชน ถ้ารัฐบาลนิ่งเฉย ให้ถือว่าผิดกฏหมายให้ทำการปลดทันที แต่ถ้ารัฐบาลชี้แจงแล้วต่อมวลชนแต่ไม่เป็นที่น่าพอใจ ให้ทำประชามติโดยคัดมาจากประชากรทุกจังหวัดๆละ 20000 คนเป็นอย่างน้อย

3 จากการที่มักมีการประท้วงเรื่องราคาผลผลิตการเกษตรตกต่ำ รัฐบาลควรจำกัดปริมาณการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด ไม่ใช่พอเกษตรกรเห็นราคา พืชชนิดใดดีก็แห่กันไปปลูก นายทุนก็ไปกว้านเช่าซื้อที่ พอสินค้าเกินความต้องการก็ต้องถูกลงเป็นธรรมดา ขอเสนอให้รัฐบาลสนับสนุน ช่วยเหลือเกษตรกรที่ทำการเพาะปลูกโดยไม่ฝ่าฝืนข้อเสนอที่รัฐบาลควบคุมเท่านั้น

4 (จากการที่กลุ่มชนชั้นกลางใน กทม. ไม่พอใจกล่าวว่าชนชั้นกลาง และสูง เสียภาษีมากที่สุดจีงมีสิทธิ มีเสียงมากกว่า จึงขอเสนอดังนี้)
ต่อไปนี้ การค้าทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นการค้าทางการเกษตร ตลาดสด ร้านขายข้าวแกง หรือโรงงานที่ไม่ได้จดทะเบียนขนาดเล็ก ต้อง ออกใบกำกับภาษีสินค้าทุกชนิด เพื่อให้การจัดเก็บภาษีได้เต็มประสิทธิภาพ และส่งผลทางอ้อมให้รัฐบาลสามารถคำนวนต้นทุนราคาสินค้าที่แท้จริงได้ ใครที่ไม่ยื่นใบกำกับภาษี มีโทษปรับครั้งละ 10000 บาทโดยปรับทุกวันจนกว่าจะมีการทำใบกำกับภาษีให้ถูกต้อง

5 สำหรับกิจการใดถ้าประชาชนมีข้อสงสัยว่า หลบเลี่ยง ไม่จ่ายภาษี ให้ทำการแจ้งโดยจดหมายไม่ต้องลงชื่อ ที่อยู่ผู้ส่งเพื่อความปลอดภัย และให้ผู้ส่งทำสำเนาหนังสือที่ยื่นไว้ ถ้ามีการนิ่งเฉยไม่ตรวจสอบ ให้มีหน่วยงานรับเรื่องร้องเรียนที่มีสิทธิขาดในการ ปลดเจ้าหน้าที่ๆ เพิกเฉยและมีการฟ้องทางแพ่งกับเจ้าหน้าที่ถ้าพิสูจน์แล้วว่ากิจการนั้นๆเข้าข่ายต้องเสียภาษีจริง โดยปรับครั้งละ 1000000 บาทต่อหนี่งคดี ส่วนผลของการตรวจสอบนั้นให้นำมาเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้รู้ในเว็บไซด์ ที่จัดทำขึ้นมาเพื่อการนี้

6 สำหรับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์นั้น ให้จับผู้ที่ใช้สินค้านั้นๆโดยตรงโดยเปรียบเทียบปรับตามราคาสินค้านั้นๆ คูณด้วยยี่สิบเท่า ไม่ต้องรอหมายศาล
ส่วนผู้จัดทำสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์นั้นให้ปรับตามจำนวนที่เสียหายจริง(ดูจากเครื่องจักร สถานที่แล้วคำนวนเอา)

7 (อันนี้คือทุกข์คนกรุง ที่อยู่ตามหมู่บ้านจัดสรร)
ขอเสนอว่า ห้ามไม่ให้ มีการนำรถยนต์มาจอดหน้านบ้านหลังอื่น หรือ แม้กระทั่งโต๊ะม้าหินอ่อน หรือ เศษซากขยะในบ้าน มาตั้งบนทางเท้า(ทั้งตามฟุตบาทและถนนในหมู่บ้าน ในลักษณะกีดขวางการจราจร มีโทษปรับ ครั้งละ หนึ่งพันบาทต่อชั่วโมง ต่อการแจ้งหนึ่งครั้ง(ปรับได้เรื่อยๆตลอดทั้งไม่มีช่วงเว้นจนกว่าจะนำสิ่งกีดขวางออกไป ยกเว้นกรณีย้ายบ้านทำความสะอาดบ้าน ให้คุยกับเพื่อนบ้านให้เรียบร้อยเป็นกรณีไป และการแจ้งไม่ต้องร้องขอชื่อที่อยู่ผู้ร้องทุกข์ เพราะจริงๆมันเป็นหน้าที่รัฐ หรือตำรวจอยู่แล้ว
  อีกข้อคือ ห้ามทำการจับกลุ่มดื่มเหล้าเมายาโดยส่งเสียงดังหลัง สองทุ่มเด็ดขาด ปรับครั้งละหนึ่งพันต่อชั่วโมงแรกและคุณสองต่อชั่วโมงถัดไป
  สถานที่อยู่อาศัยไม่ควรมีการปรับเปลี่ยนเป็น แคมป์คนงานก่อสร้าง หรือ นำงานก่อสร้างที่ก่อให้เกิดมลพิษทาง เสียง กลิ่น แสง มาทำในเขตที่อยู่อาศัยเด็ดขาด โทษปรับวันละหมื่นและคูณสองไปทุกวัน และนำเงินนั้นห้าสิบเปอร์เซนต์ จัดสรรให้คนในพื้นที่นั้นๆ