ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. เวลาประมาณ 12.15 น. กลุ่ม 40 ส.ว. นำโดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน พร้อมด้วย น.ส.รสนา โตสิตระกูล และนายคำนูณ สิทธิสมาน ได้เดินทางมาที่หน้าอาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ถนนมิตรไมตรี เพื่อตรวจพื้นที่ ภายหลังเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีพ.ต.อ.วัลลพ จำนงค์อาษา รองผู้บังคับการตำรวจอารักขาและควบคุมฝูงชน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้นำสำรวจความเสียหาย ทั้งสถานที่ ทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ และรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่อยู่บริเวณโดยรอบ โดยระหว่างการเดินตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาประจำกันภายในศูนย์เยาวชนฯ ได้รุมปาสิ่งของใส่ พร้อมกับตะโกนขับไล่กลุ่ม 40 ส.ว.ว่า "ออกไปเลย ไอ้พวกเลือกข้าง ไอ้พวกที่เป็นต้นเหตุให้ประชาชนฆ่ากัน" จนทำให้พ.ต.อ.วัลลพ ต้องเข้ามาห้ามปราม และสั่งการว่าถ้าใครทำร้ายกลุ่ม 40 ส.ว.ที่มาตรวจพื้นที่นั้น จะถูกตนสั่งลงโทษทางวินัย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังตะโกนขับไล่ โดยไม่มีการปาสิ่งของอีก
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการตรวจพื้นที่เสร็จเรียบร้อย นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตนลงพื้นที่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในฐานะคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา และในวันนี้มาตรวจความเสียหายหลังจากเกิดเหตุรุนแรง พร้อมตรวจสอบรถเก็บอาวุธ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชี้แจงว่าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่ได้นำมาใช้ในเหตุการณ์ปะทะกับผู้ชุมนุม อย่างไรก็ตาม โดยรายละเอียดแล้ว กมธ.มีมติจะพิจารณาเหตุปะทะโดยรวม ตั้งแต่ฝ่ายนโยบายรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้บังคับบัญชาที่ควบคุมรถขนอาวุธที่ถูกยึด ทั้งนี้ ตนเข้าใจการทำหน้าที่ของตำรวจ โดยจะนำข้อมูลทั้งหมดมาประมวลเป็นข้อมูลในการทำงานของคณะกรรมาธิการฯต่อไป แต่สิ่งที่ตนเห็นแล้วไม่สบายใจ คือฝ่ายนโยบาย หรืออำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ผอ.ศอ.รส.) ไม่ควรทำให้ตำรวจต้องพบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ตนคิดว่าขณะนี้เราตกอยู่ภายใต้การกำหนดคำสั่งที่ทำให้สถานการณ์รุนแรง โดยคณะกรรมาธิการฯจะมุ่งตรวจสอบไปที่ผู้สั่งการ โดยจะมีการประชุมในวันที่ 6 ม.ค.2557 เวลา 10.00 น.
นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบ พบว่ามีกระสุนปืนลูกซอง 124 นัดที่เป็นกระสุนจริง อยู่ในรถเก็บอาวุธ ซึ่งทางตำรวจยืนยันว่าไม่ได้ใช้ในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตนเห็นด้วยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะไม่พบการใช้ปืนลูกซอง ส่วนกระสุนชนิดอื่นที่ปรากฏนั้น ตนไม่เห็นอาวุธ แต่จะมีการตรวจสอบต่อไป ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย.
ที่มา : นสพ. เดลินิวส์
Clip ตำรวจสนามกีฬาไทย-ญี่ป่นเดือดจัด โห่ไล่ กลุ่ม 40 ส.ว. ตรวจพื้นที่ปะทะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. เวลาประมาณ 12.15 น. กลุ่ม 40 ส.ว. นำโดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน พร้อมด้วย น.ส.รสนา โตสิตระกูล และนายคำนูณ สิทธิสมาน ได้เดินทางมาที่หน้าอาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ถนนมิตรไมตรี เพื่อตรวจพื้นที่ ภายหลังเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีพ.ต.อ.วัลลพ จำนงค์อาษา รองผู้บังคับการตำรวจอารักขาและควบคุมฝูงชน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้นำสำรวจความเสียหาย ทั้งสถานที่ ทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ และรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่อยู่บริเวณโดยรอบ โดยระหว่างการเดินตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาประจำกันภายในศูนย์เยาวชนฯ ได้รุมปาสิ่งของใส่ พร้อมกับตะโกนขับไล่กลุ่ม 40 ส.ว.ว่า "ออกไปเลย ไอ้พวกเลือกข้าง ไอ้พวกที่เป็นต้นเหตุให้ประชาชนฆ่ากัน" จนทำให้พ.ต.อ.วัลลพ ต้องเข้ามาห้ามปราม และสั่งการว่าถ้าใครทำร้ายกลุ่ม 40 ส.ว.ที่มาตรวจพื้นที่นั้น จะถูกตนสั่งลงโทษทางวินัย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังตะโกนขับไล่ โดยไม่มีการปาสิ่งของอีก
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการตรวจพื้นที่เสร็จเรียบร้อย นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตนลงพื้นที่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในฐานะคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา และในวันนี้มาตรวจความเสียหายหลังจากเกิดเหตุรุนแรง พร้อมตรวจสอบรถเก็บอาวุธ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชี้แจงว่าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่ได้นำมาใช้ในเหตุการณ์ปะทะกับผู้ชุมนุม อย่างไรก็ตาม โดยรายละเอียดแล้ว กมธ.มีมติจะพิจารณาเหตุปะทะโดยรวม ตั้งแต่ฝ่ายนโยบายรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้บังคับบัญชาที่ควบคุมรถขนอาวุธที่ถูกยึด ทั้งนี้ ตนเข้าใจการทำหน้าที่ของตำรวจ โดยจะนำข้อมูลทั้งหมดมาประมวลเป็นข้อมูลในการทำงานของคณะกรรมาธิการฯต่อไป แต่สิ่งที่ตนเห็นแล้วไม่สบายใจ คือฝ่ายนโยบาย หรืออำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ผอ.ศอ.รส.) ไม่ควรทำให้ตำรวจต้องพบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ตนคิดว่าขณะนี้เราตกอยู่ภายใต้การกำหนดคำสั่งที่ทำให้สถานการณ์รุนแรง โดยคณะกรรมาธิการฯจะมุ่งตรวจสอบไปที่ผู้สั่งการ โดยจะมีการประชุมในวันที่ 6 ม.ค.2557 เวลา 10.00 น.
นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบ พบว่ามีกระสุนปืนลูกซอง 124 นัดที่เป็นกระสุนจริง อยู่ในรถเก็บอาวุธ ซึ่งทางตำรวจยืนยันว่าไม่ได้ใช้ในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตนเห็นด้วยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะไม่พบการใช้ปืนลูกซอง ส่วนกระสุนชนิดอื่นที่ปรากฏนั้น ตนไม่เห็นอาวุธ แต่จะมีการตรวจสอบต่อไป ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย.
ที่มา : นสพ. เดลินิวส์