จากกระทู้
http://ppantip.com/topic/31430629
ได้ตอบไว้แล้วมีสมาชิกท่านหนึ่งเห็นควรว่าน่าจะมาตั้งกระทู้สนทนาจริงจัง เรื่องตรรกพิสดาร ทีกล่าวว่า
"ถ้าแบ่งผลประโยชน์ให้ แม้จะโกงก็สามารถยอมรับได้"
ถ้าขึ้นชื่อว่า โกงบ้านกินเมือง ไม่ควรเอาตรรก เรื่องการทำประโยชน์ มาเกี่ยวข้อง เพราะมันไม่สามารถ หักล้างกันได้..
ถ้าพวกเรายอมรับ ภาวะ win-win แบบนี้ ลักษณะว่า คนนั้นก็โกง คนนี้ก็โกง แต่คนนั้นให้กรูมากกว่า งั้นเลือกคนนั้น
ฟังดูแล้ว พูดแบบตรงที่สุดว่า "สังคมไทยเรากำลังเข้าสู่ยุคตำบอนฯ" ไร้ศีลไร้ธรรม ไร้ศาสนาอย่างที่สุด เพราะทุกคนต่างยอมรับผลประ-
โยชน์ส่วนตนอย่างไม่อายฟ้าอายดินอีกต่อไป
เรื่องการทำประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง หรือส่วนรวม มันเป็นหน้าที่ของ สส.เหล่านี้อยู่แล้ว เราทุกคนลืมบริบทข้อนี้ไปเสียต่างหาก ก็ไอ้
ขบวนการใช้สิทธิหนึ่งเสียงหนึ่งโหวตในขั้นตอนการเลือกตั้งนั่นแหละ วัตถุประสงค์ที่เราเลือก เพื่อให้ สส.ที่เป็นตัวแทนของเราทุกคนเข้าไป
ทำหน้าที่แทนที่เราทุกคนนั่นแหละที่มอบอำนาจผ่านกระบวนการที่เราเห็นว่าเหมาะสม ไปทำหน้าที่บริหารประเทศ พัฒนาความเจริญรุ่งเรือง
ในด้านต่างๆ เหล่านี้ต่างหากเล่าทีนี้ การเมืองไทย มันย่ำอยู่กับที่มานานแสนนาน หลายสิบปี เพราะมีแต่เข้าไปช่วงชิงแก่งแย่งผลประโยชน์
โกงบ้านกินเมือง อย่างกับเปรตสมีทาน
ครั้นพอเกิดมีฝ่ายการเมืองที่ หาเทคนิคการโกงแบบใหม่ โดยใช้วิธีผันผลประโยชน์ส่วนต่างบางส่วน มาโปรยยาหอมให้ ประชาชนฯ แล้ว
อ้างสิทธิว่าได้เข้าไปทำประโยชน์ให้แล้วนะ เรื่องการโกงนี่แบบไม่ได้ตั้งใจ ทุจริตโดยความบกพร่อง (ตรรกประหลาด)
ที่จริงและถูกต้องควรจะเป็น เราทุกคนควรตระหนักในหน้าที่ตนเอง รวมทั้งต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า ที่เราเลือก สส. นั้นไม่ใช้เลือก
เพราะ ให้ สส.เหล่านี้เข้าไปด้วยเหตุโกงมากโกงน้อยแล้วแบ่งให้เรามากน้อย แต่มันเป็นหน้าที่ที่ สส.เหล่านั้ไม่เคยกระทำการอันเป็นประ
โยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้พัฒนาไปในทางที่ถูกที่ควรนี้ต่างหากเล่า. ทั้งที่มีบทเรียนเรื่องการบ้านการเมืองมากมายหลายๆ ประเทศให้เห็น
ไม่นับถึงการให้ทุนสนับสนุนไปอบรมดูงานต่างๆ ถึงต่างแดนทั้งหลาย และแน่นอนว่า การที่เอาสิ่งเหล่านี้มาปรับใช้ภายในประเทศเรา
ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องยึดถือหลักปฏิบัติ ตามต้นแบบไปเสียทั้งหมด เพราะบริบท สังคม วัฒนธรรม ประเพณี นั้นแตกต่างกัน
แต่สิ่งที่เหมือนกันแน่ๆ ในทุกประเทศทั่วโลก คือหลักคุณธรรม ในการบริหารบ้านเมืองต่างหากเล่า ที่เราทุกๆ คน (ไอ้หนึ่งสิทธิหนึ่งเสียง)
นั่นแหละล้วนลืม รากเหง้าเหล่านี้ไปเสียสิ้นฯ
ย้ำ เลิกเสียทีเถอะ ตรรกพิสดาร..
ตรรกพิสดาร "ถ้าแบ่งผลประโยชน์ให้ แม้จะโกงก็ยอมรับ"
ได้ตอบไว้แล้วมีสมาชิกท่านหนึ่งเห็นควรว่าน่าจะมาตั้งกระทู้สนทนาจริงจัง เรื่องตรรกพิสดาร ทีกล่าวว่า
"ถ้าแบ่งผลประโยชน์ให้ แม้จะโกงก็สามารถยอมรับได้"
ถ้าขึ้นชื่อว่า โกงบ้านกินเมือง ไม่ควรเอาตรรก เรื่องการทำประโยชน์ มาเกี่ยวข้อง เพราะมันไม่สามารถ หักล้างกันได้..
ถ้าพวกเรายอมรับ ภาวะ win-win แบบนี้ ลักษณะว่า คนนั้นก็โกง คนนี้ก็โกง แต่คนนั้นให้กรูมากกว่า งั้นเลือกคนนั้น
ฟังดูแล้ว พูดแบบตรงที่สุดว่า "สังคมไทยเรากำลังเข้าสู่ยุคตำบอนฯ" ไร้ศีลไร้ธรรม ไร้ศาสนาอย่างที่สุด เพราะทุกคนต่างยอมรับผลประ-
โยชน์ส่วนตนอย่างไม่อายฟ้าอายดินอีกต่อไป
เรื่องการทำประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง หรือส่วนรวม มันเป็นหน้าที่ของ สส.เหล่านี้อยู่แล้ว เราทุกคนลืมบริบทข้อนี้ไปเสียต่างหาก ก็ไอ้
ขบวนการใช้สิทธิหนึ่งเสียงหนึ่งโหวตในขั้นตอนการเลือกตั้งนั่นแหละ วัตถุประสงค์ที่เราเลือก เพื่อให้ สส.ที่เป็นตัวแทนของเราทุกคนเข้าไป
ทำหน้าที่แทนที่เราทุกคนนั่นแหละที่มอบอำนาจผ่านกระบวนการที่เราเห็นว่าเหมาะสม ไปทำหน้าที่บริหารประเทศ พัฒนาความเจริญรุ่งเรือง
ในด้านต่างๆ เหล่านี้ต่างหากเล่าทีนี้ การเมืองไทย มันย่ำอยู่กับที่มานานแสนนาน หลายสิบปี เพราะมีแต่เข้าไปช่วงชิงแก่งแย่งผลประโยชน์
โกงบ้านกินเมือง อย่างกับเปรตสมีทาน
ครั้นพอเกิดมีฝ่ายการเมืองที่ หาเทคนิคการโกงแบบใหม่ โดยใช้วิธีผันผลประโยชน์ส่วนต่างบางส่วน มาโปรยยาหอมให้ ประชาชนฯ แล้ว
อ้างสิทธิว่าได้เข้าไปทำประโยชน์ให้แล้วนะ เรื่องการโกงนี่แบบไม่ได้ตั้งใจ ทุจริตโดยความบกพร่อง (ตรรกประหลาด)
ที่จริงและถูกต้องควรจะเป็น เราทุกคนควรตระหนักในหน้าที่ตนเอง รวมทั้งต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า ที่เราเลือก สส. นั้นไม่ใช้เลือก
เพราะ ให้ สส.เหล่านี้เข้าไปด้วยเหตุโกงมากโกงน้อยแล้วแบ่งให้เรามากน้อย แต่มันเป็นหน้าที่ที่ สส.เหล่านั้ไม่เคยกระทำการอันเป็นประ
โยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้พัฒนาไปในทางที่ถูกที่ควรนี้ต่างหากเล่า. ทั้งที่มีบทเรียนเรื่องการบ้านการเมืองมากมายหลายๆ ประเทศให้เห็น
ไม่นับถึงการให้ทุนสนับสนุนไปอบรมดูงานต่างๆ ถึงต่างแดนทั้งหลาย และแน่นอนว่า การที่เอาสิ่งเหล่านี้มาปรับใช้ภายในประเทศเรา
ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องยึดถือหลักปฏิบัติ ตามต้นแบบไปเสียทั้งหมด เพราะบริบท สังคม วัฒนธรรม ประเพณี นั้นแตกต่างกัน
แต่สิ่งที่เหมือนกันแน่ๆ ในทุกประเทศทั่วโลก คือหลักคุณธรรม ในการบริหารบ้านเมืองต่างหากเล่า ที่เราทุกๆ คน (ไอ้หนึ่งสิทธิหนึ่งเสียง)
นั่นแหละล้วนลืม รากเหง้าเหล่านี้ไปเสียสิ้นฯ
ย้ำ เลิกเสียทีเถอะ ตรรกพิสดาร..