คือในความคิดของผมนะครับ ในโลกเราทุกวันนี้โดยเฉพาะกฎหมายที่ออกมามันมีหลายอย่างที่แย้งกับความถูกต้องที่ควรจะเป็น
อย่างเช่นเรื่องคนหายต้อง24ชั่วโมงถึงจะแจ้งได้ การออกตามหาต่างกันแค่ 1 ชั่วโมงหรือ 30 นาที มันมีค่ามากคือมันมีความหมายว่า"รอด"หรือ"ไม่รอด"เลยนะ
สิ่งที่ผมจะพูดบางคนอาจจะคิดว่ามันแปลก แต่ถ้าเกิดอ่านจบลองอ่านอีกรอบโดยคิดในอีกมุมนึง แต่ถ้าคิดแล้วยังหาว่าแปลกก็ไม่เป็นไรครับ
พวกคดีพวกฆ่าข่มขืนผมขอพูดดังนี้
ถ้าใครซักคนมี logic ที่ว่า "ถ้าไม่มีอาบอบนวด คดีข่มขืนจะเพิ่มมากกว่านี้อีก" นั้น ผมขอสนับสนุนเต็มที่และยืนยันว่านั่นเป็น"เรื่องจริง"ครับ
บอกว่าไม่ให้ค้าประเวณีแต่ความจริงสัญชาตญานของมนุษย์ทั้งผู้หญิงและผู้ชายก็ต้องการ sex อยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องอาบอบนวด ผมขอสนับสนุนให้ถูกกฎหมายอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ มีข้อแม้แค่ ห้ามติดป้ายยั่วยวนต่างๆหน้าสถานที่ และในกรณีนี้เรามองข้ามไปว่า คนก่อคดีข่มขืน เกือบ100%ก็เป็นคนระดับล่าง ดังนั้นเราจึงต้องแก้ไขโดยให้คนระดับนี้ได้ปลดปล่อยบ้าง ถ้าเทียบระหว่างคนที่โดนข่มขืนส่วนใหญ่กับหมดนวด เราคงจะไม่เถียงว่า หมอนวดนั้นน่าที่จะมีsexมากกว่า แต่มีปัญหาคือไม่ตังค์ ไม่มีเงินทำไง อาจฟังดูแปลก แต่คือก็"รัฐก็จัดสวัสดิการให้ดิ" ก็ออกเงินให้เลย เอาแค่ระดับสวนลุมก็ได้ ครั้งละ 500 เดิอนนึง 1 ครั้งต่อคน มีโควต้าให้ซัก 20,000 คนต่อเดือน ก็ให้แต่พวกที่มีแนวโน้มจะก่อคดี เพราะคนที่มีเงินมากระดับนึง ไม่มีใครที่จะไปเอาแบบที่สวนลุมหรอกนะ เค้าก็ไปที่อื่น จากอันนี้อาจทำให้รัฐเสียเงินเพิ่มเดือนละ 10 ล้าน แต่ถามจริง แลกกับคดีข่มขืนลดไปเอาซักแค่ 1000 คดี(1:20 คิดจาก20,000คน) ก็โคตรจะคุ้มแล้วนะ คิดดูจากเรื่องนี้ ใครได้อะไรบ้าง
1.เด็กที่ตกเป็นเหยื่อก็ไม่ต้องเป็นเหยื่อ
2.ครอบครัวของเหยื่อไม่ต้องเสียใจ
3.คนร้ายก็ไม่ต้องก่อคดีทำให้ไม่ต้องเสียแรงงานไป1แรงงาน
4.ค่าใช้จ่ายของกรมของราชทันธ์ก็น้อยลง
5.หมอนวดจำนวนมากในรายได้เพิ่มขึ้น
จากข้อ5 บางทีถ้าเราพูดจริงๆ อาจต่อรองกับพวกหมดนวดว่าเหมาต่อเดือนไปเลย อาจทำให้ลดค่าใช้จ่ายจากครั้งละ 500 เป็น 250 ก็ได้ ถ้าใช้ 10 ล้านเท่ากันอาจจะมีโควต้าให้ซัก 40,000คน
ขอเสนอวิธีแก้ปัญหาอาขญากรรมอย่างคดีข่มขืนฆ่าของไอ้หนุ่ย
อย่างเช่นเรื่องคนหายต้อง24ชั่วโมงถึงจะแจ้งได้ การออกตามหาต่างกันแค่ 1 ชั่วโมงหรือ 30 นาที มันมีค่ามากคือมันมีความหมายว่า"รอด"หรือ"ไม่รอด"เลยนะ
สิ่งที่ผมจะพูดบางคนอาจจะคิดว่ามันแปลก แต่ถ้าเกิดอ่านจบลองอ่านอีกรอบโดยคิดในอีกมุมนึง แต่ถ้าคิดแล้วยังหาว่าแปลกก็ไม่เป็นไรครับ
พวกคดีพวกฆ่าข่มขืนผมขอพูดดังนี้
ถ้าใครซักคนมี logic ที่ว่า "ถ้าไม่มีอาบอบนวด คดีข่มขืนจะเพิ่มมากกว่านี้อีก" นั้น ผมขอสนับสนุนเต็มที่และยืนยันว่านั่นเป็น"เรื่องจริง"ครับ
บอกว่าไม่ให้ค้าประเวณีแต่ความจริงสัญชาตญานของมนุษย์ทั้งผู้หญิงและผู้ชายก็ต้องการ sex อยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องอาบอบนวด ผมขอสนับสนุนให้ถูกกฎหมายอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ มีข้อแม้แค่ ห้ามติดป้ายยั่วยวนต่างๆหน้าสถานที่ และในกรณีนี้เรามองข้ามไปว่า คนก่อคดีข่มขืน เกือบ100%ก็เป็นคนระดับล่าง ดังนั้นเราจึงต้องแก้ไขโดยให้คนระดับนี้ได้ปลดปล่อยบ้าง ถ้าเทียบระหว่างคนที่โดนข่มขืนส่วนใหญ่กับหมดนวด เราคงจะไม่เถียงว่า หมอนวดนั้นน่าที่จะมีsexมากกว่า แต่มีปัญหาคือไม่ตังค์ ไม่มีเงินทำไง อาจฟังดูแปลก แต่คือก็"รัฐก็จัดสวัสดิการให้ดิ" ก็ออกเงินให้เลย เอาแค่ระดับสวนลุมก็ได้ ครั้งละ 500 เดิอนนึง 1 ครั้งต่อคน มีโควต้าให้ซัก 20,000 คนต่อเดือน ก็ให้แต่พวกที่มีแนวโน้มจะก่อคดี เพราะคนที่มีเงินมากระดับนึง ไม่มีใครที่จะไปเอาแบบที่สวนลุมหรอกนะ เค้าก็ไปที่อื่น จากอันนี้อาจทำให้รัฐเสียเงินเพิ่มเดือนละ 10 ล้าน แต่ถามจริง แลกกับคดีข่มขืนลดไปเอาซักแค่ 1000 คดี(1:20 คิดจาก20,000คน) ก็โคตรจะคุ้มแล้วนะ คิดดูจากเรื่องนี้ ใครได้อะไรบ้าง
1.เด็กที่ตกเป็นเหยื่อก็ไม่ต้องเป็นเหยื่อ
2.ครอบครัวของเหยื่อไม่ต้องเสียใจ
3.คนร้ายก็ไม่ต้องก่อคดีทำให้ไม่ต้องเสียแรงงานไป1แรงงาน
4.ค่าใช้จ่ายของกรมของราชทันธ์ก็น้อยลง
5.หมอนวดจำนวนมากในรายได้เพิ่มขึ้น
จากข้อ5 บางทีถ้าเราพูดจริงๆ อาจต่อรองกับพวกหมดนวดว่าเหมาต่อเดือนไปเลย อาจทำให้ลดค่าใช้จ่ายจากครั้งละ 500 เป็น 250 ก็ได้ ถ้าใช้ 10 ล้านเท่ากันอาจจะมีโควต้าให้ซัก 40,000คน