อาวุธอย่าง "เกอ" (戈) กับ "จี่"(戟) ในกองทัพจีนโบราณเลิกใช้กันยุคไหน

เกอ กับ จี่ ที่เป็นอาวุธคล้ายขวาน หรือขวานบวกหอก ที่เป็นอาวุธหลักของกองทหารราบตั้งแต่ก่อนราชวงศ์ฉินนั้นถูกใช้งานไปจนถึงยุคไหนครับเพราะเห็นว่าช่วงราชวงศ์ซ่งเป็นต้นมา กองทหารราบและกองทหารม้าก็ใช้หอกเป็นอาวุธหลัก แล้วสาเหตุที่เลิกใช้ไปเพราะอะไรครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
น่าจะเป็นช่วงปลายราชวงศ์ตงฮั่นครับ เพราะรูปแบบการทำสงครามที่เปลี่ยนแปลงไป

อาวุธจำพวก เกอ นั้น ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้สำหรับทหารราบในกระบวนรถศึกครับ คือให้กองทหารยืนเป็นแนวอยู่เคียงข้างรถศึกที่มีหัวหน้ากองหรือผู้นำทัพนั่งอยู่ เมื่อรถศึกเคลื่อนไปทางใด เหล่ากองทหารคุ้มกันรถศึกกับบ่ายหน้าไปทางนั้น ด้วยความที่รถศึกมักจะวิ่งได้ไม่เร็วครับ ดังนั้นทหารที่คุ้มกันรถก็ไม่ได้เน้นการเคลื่อนที่เร็วนัก อาศัยเอาเกอ ชูตั้งเป็นแนวกันปะทะหรือเดินหน้าเข้าบีบแนวรถศึกของข้าศึกเป็นหลัก เลยไม่ต้องการความคล่องตัว แต่ต้องการความหนักของอาวุธเพื่อเอาไว้ดันข้าศึก
เนื่องจากการรบด้วยการใช้รถศึกนั้น นิยมตั้งกระบวนทัพเป็นรูปหน้ากระดาน แล้วก็ดาหน้าเข้าปะทะกัน ฝ่ายไหนกระบวนแตกก่อนก็จะพ่ายแพ้ เพราะไม่อาจจะรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนเพื่อสร้างอำนาจการทำลายล้างได้นั่นเอง

พอตกถึงสมัยฮั่น กลยุทธ์รบด้วยรถศึกเสื่อมความนิยม (อันที่จริงมันเริ่มเสื่อมความนิยมมาตั้งแต่ยุคจั้นกั๋วแล้ว) พร้อมๆกับการพัฒนากองทหารม้าเกราะเบาที่เคลื่อนที่เร็ว และยุทธวิธีการรบด้วยกองทหารราบขนาดมหึมา ที่ต้องพกอาวุธจำพวกโล่ห์ขนาดใหญ่ไว้กันธนูและหอกยาวไว้สู้กับทหารม้า แต่ยังเคลื่อนที่ได้เร็ว การเอาเกอและจี่ที่หนัก และเทอะทะมาใช้เลยเสื่อมความนิยมไปหน่ะครับ

กองทหารยุคฮั่นจะเน้นหอกยาว กระบี่ และหน้าไม้มากกว่าครับ โดยเฉพาะหน้าไม้เป็นอาวุธที่ทหารราบส่วนใหญ่มีกันเลย เพราะด้วยความหึมาของกองทัพฮั่น ลองทุกคนมีหน้าไม้นี่ ยิงทีมืดฟ้ามัวดิน และเอาไว้สู้กับพวกกองทหารม้าเบาได้ดีทีเดียว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่