สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
นักการเมือง ก็มาจากชาวบ้าน ประชาชน เปลี่ยน กี่คน ก็เหมือนเดิมแหละ
สิ่งที่ต้องเปลี่ยนคือ ต้องสอนให้คนไทยคนรู้จัก ระเบียบวินัย รู้ผิด รู้ยอมรับผิด
รู้จักให้อภัย แต่ปัญหาคือ คนไทย ส่วนใหญ่ ไม่ยอมทำกัน สิ่งที่ทำทุกวันคือ
หาคนผิดมากกว่าที่ตนทำผิดมาให้ได้ สำคัญสุด ไม่เคยมีใครยอมรับว่าตนทำผิดเลย
และหากยอมรับผิด ก็ไม่ได้รับการให้อภัย แต่จะโดนซ้ำเติม เลยไม่มีใครอยากยอมรับว่าทำผิด
เมื่อคนคิดแบบนี้ก็ ไม่มีทางเจริญแน่ๆ ประเทศนี้
สิ่งที่ต้องเปลี่ยนคือ ต้องสอนให้คนไทยคนรู้จัก ระเบียบวินัย รู้ผิด รู้ยอมรับผิด
รู้จักให้อภัย แต่ปัญหาคือ คนไทย ส่วนใหญ่ ไม่ยอมทำกัน สิ่งที่ทำทุกวันคือ
หาคนผิดมากกว่าที่ตนทำผิดมาให้ได้ สำคัญสุด ไม่เคยมีใครยอมรับว่าตนทำผิดเลย
และหากยอมรับผิด ก็ไม่ได้รับการให้อภัย แต่จะโดนซ้ำเติม เลยไม่มีใครอยากยอมรับว่าทำผิด
เมื่อคนคิดแบบนี้ก็ ไม่มีทางเจริญแน่ๆ ประเทศนี้
ความคิดเห็นที่ 24
เพราะตัวคนไทยแหละครับ
เพราะนิสัยคนไทยครับที่ยังนิยมระบบอุปถัมภ์
จากการศึกษาประวัติศาสตร์ ผมลงความเห็นว่า อันนิสัยเลวๆ ของคนไทยไม่ว่าจะเป็นความขี้เกียจ การไม่รับผิดชอบต่อการงาน การชอบโทษว่าใส่คนอื่น การชอบประจบสอพลอ การชอบอิจฉาตาร้อนเมื่อเห็นคนอื่นได้ดีเกินหน้า การโกงกินแบบไม่ละอายต่อบาป เป็นต้นนั้น ล้วนมาจากระบบอุปถัมภ์
ทำไมถึงเป็นระบบอุปถัมภ์? ระบบฝาก เส้นสาย ซึ่งคนเราจะขยันได้ต้องมีค่าตอบแทนจูงใจครับ และระบบอุปถัมภ์ถ้าอวดความสามารถมาก ก็จะยิ่งถูกใช้งานมากโดยได้ค่าจ้างไม่มาก ให้ถือว่าช่วยๆกัน คนไทยเลยไม่มีความคิดที่จะประดิษฐ์ค้นค้นหรือพัฒนาอะไรเลย เพราะทำไปตัวเองก็ไม่ได้ประโยชน์ ยิ่งกว่านั้นในระบบอุปถัมภ์แบบไทยๆ คนเราจะได้ดีหรือตกยากอยู่ที่อำเภอใจของผู้เป็นใหญ่ฝ่ายเดียว ฉะนั้นเพื่อชีวิตก็ต้องเอาอกเอาใจ เลียมันเข้าไป ดีมากครับผมเหมาะสมครับท่านกันลูกเดียว คนอื่นๆ พอเห็นคนนึงเกิดจะได้ดี ก็เลยอิจฉาตามประสาคนที่ตกอยู่ในความแค้น
ซึ่งนิสัยเหล่นนั้นมันมีมานานแล้ว
ประวัติศาสตร์ไทยฉบับตุรแปง
http://pipat2000.exteen.com/20051007/entry
เหตุการณ์ช่วงก่อนกรุงศรีอยุธยาจะแตกถึงสมัยต้นกรุงธนบุรีนั้น ชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง ชื่อ นายฟรังซัว อังรี ตุรแปง (Turpin) ได้รวบรวมเรื่องประวัติศาสตร์ประเทศไทยไว้ตามข้อมูลที่ได้รับจากบาทหลวงบรีโกต์ซึ่งเป็นสังฆราช แห่งตาบรากา (Bishop of Tabraca) ประมุขมิสซังกรุงสยาม ที่เคยอยู่กรุงสยามหลายปี เมื่อกรุงแตกบาทหลวงบรีโกต์ ถูกพม่าจับตัวไปที่บางช้าง แล้วพาไปเมืองทวาย ต่อจากนั้นกัปตันเรือชาวอังกฤษ ชื่อรีเวียร์ พาไปถึงเมืองย่างกุ้งประเทศพม่าเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๓๑๐( ค.ศ. 1767) บาทหลวงบรีโกต์ได้รับการปล่อยตัวจากย่างกุ้งเดินทางมาเมืองปอนดิเชอรี่ เมื่อ ๑๗ มีนาคม พ.ศ.๒๓๑๑( ค.ศ.1768) แล้วได้เดินทางกลับไปปารีส ตุรแปง เขียนบันทึกดังกล่าวเป็นหนังสือภาษาฝรั่งเศส ๒ เล่ม ชื่อ "Histoire du Royaume de Siam" พิมพ์ที่กรุงปารีสในปี พ.ศ. ๒๓๑๔( ค.ศ. 1771) หนังสือนี้ กรมศิลปากรได้ให้นายปอล ซาเวียร์ แปลเล่มที่ ๑ และพิมพ์เป็นภาษาไทยในปี ๒๕๓๙ ชื่อ "ประวัติศาสตร์แห่งพระราชอาณาจักรสยาม" ส่วนเล่มที่สอง กรมศิลปากรให้นางสมศรี เอี่ยมธรรม แปลเป็นภาษาไทยจากฉบับภาษาอังกฤษ ใช้ชื่อว่า "ประวัติศาสตร์ไทยสมัยกรุงศรีอยุธยาฉบับตุรแปง" พิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๒
ตุรแปง ได้บันทึกเรื่องเกี่ยวกับสยามไว้อย่างละเอียด สรุปได้ ดังนี้
นิสัยใจคอของชาวสยาม
ชาวสยามเป็นคนภาคภมิใจในชาติและรักขนบธรรมเนียมอย่างเหนียวแน่น มีกิริยามารยาท อ่อนโยนสุภาพ มีเมตตา ซ่อนความรู้สึก ไม่ชอบพูดมาก มัธยัสถ์ ไม่ชอบหรูหราฟุ่มเฟือย ไม่เห็นแก่ตัว มีความรู้จักพอ ไม่ติดใจอยากได้สมบัติสิ่งของต่างๆ เหมือนคนยุโรป แต่ของที่มีอยู่จะรักษาอย่างหวงแหน ชอบฝังสมบัติมากกว่าจะนำออกมาใช้ นับถืออาวุโส เคารพพ่อแม่ คำสบประมาทของชาวสยามที่เจ็บแสบที่สุด คือ เป็นคนขี้ปด
จุดอ่อนของชาวสยาม คือเป็นคนเฉื่อยชาเกียจคร้าน อันแก้ไม่หาย ย่อท้อ ไม่ชอบทำอะไรที่ลำบากยากเย็น ไม่ชอบทำของยาก ไม่ยินดียินร้าย ไม่ลุกลี้ลุกลน ไม่ออกกำลังบริหารร่างกายเพราะทำให้เหน็ดเหนื่อย ชาวสยามเป็นศัตรูกับความเหน็ดเหนื่อย และความยากลำบาก ดูเหมือนจะมีชีวิตอยู่เพื่อจะกินและสืบเผ่าพันธุ์เท่านั้น คนสยามมักจะเหลาะแหละไม่ยอมรับหลักการและผลที่เกิดจากหลักการ จิตใจไม่ค่อยได้รับการฝึกฝน จึงไม่เคยแยกว่าอะไรดีและอะไรดีที่สุด แล้วก็ประพฤติโดยไม่นึกจะคิดไตร่ตรองหาเหตุผล มักเป็นนายที่แข็งกระด้างไม่ค่อยรู้วิธีบังคับบัญชาคน
ชาวสยามมีความเจ็บแค้นสูงเมื่ออับอาย บ้าคลั่งอย่างไม่รู้จักชั่งใจเมื่อโมโห บางครั้งโหดเหี้ยมทารุณทำร้ายกันถึงตาย โดยเฉพาะวิธีประหารชีวิตของสยามแบบต่าง ๆ นั้นสยดสยองทรมานยิ่ง การปฏิวัติที่มีบ่อย ๆ ทำให้คนมั่งมีหลายคนถูกริบทรัพย์จนหมดตัว
คนสยาม มักยอมอ่อนน้อมต่อผู้อยู่เหนือกว่า แต่จะหยิ่งดูหมิ่นคนที่ต่ำกว่าและคนที่แสดงความยกย่องเขา บางคนช่างพูดอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม อ้างเหตุผลผิดๆมาตบตาคน เชื่อถือไสยศาสตร์ โชคลาง หมอดู เข้าทรงและคาถาอาคม
ครอบครัว
สตรีสยามมีความเหนียมอายสงบเสงี่ยม ผู้หญิงสยามทำงานหนัก ทำไร่ไถนาตัดไม้และเก็บเกี่ยวข้าว ขณะที่ผู้ชายชาวสยามบางคนนอนซึมอยู่บนที่นอน ผู้ชายสยามชอบมีภรรยาหลายคน
โรคภัยไข้เจ็บ
ชาวสยามไม่รู้จักปลูกฝีฉีดยา หลายคนมีแผลบนใบหน้าซึ่งเกิดจากฝีดาษ กามโรคยังไม่เป็นที่รู้จักกันในสยาม ยังไม่รู้จักการผ่าตัด ชอบใช้การนวดในการรักษาโรค มีการใช้ปูที่กลายเป็นหินนำไปตำละลายกับเหล้าเพื่อรักษาโรคบิด
อาหารการกิน
คนสยาม กินอึ่งอ่าง คางคก หนูนา ไข่Hia ตั๊กแตน หนู กิ้งก่า ตับปลากระเบน ตะขาบปิ้ง และแมลงทุกชนิด ชอบสูบยาฉุน และชอบ กินหมากทำให้ฟันดำ ลิ้นชาวสยามนั้นหยาบ สามารถกินปลาเน่าหรือไข่เสียตายโคมได้ ชาวสยามไม่ชอบกินเนื้อสัตว์ แต่ชอบกินใส้สัตว์ มีการทำปูจ๋า โดยเอาเนื้อปูมาสับกับกระเทียมใส่ในกระดองปูแล้วนำไปทอด
ที่พักอาศัย และการแต่งกาย
ชาวสยามชอบตั้งบ้านเรือนเฉพาะอยู่ริมน้ำ ส่วนที่ห่างแม่น้ำลำคลองจะมีคนอาศัยอยู่น้อย ชอบเดินทางและขนส่งด้วยเรือในแม่น้ำลำคลองมากกว่ารถม้า ไม่ชอบสร้างเมืองชายทะเล ไม่ชำนาญเดินเรือทะเล ไม่รู้ดาราศาสตร์ ใช้ดาราศาสตร์เพื่อทำนายโชคชะตา ในท้องนามีการทำหุ่นฟางไล่นกมีใบพัดเกิดเสียง และเคาะแผ่นโลหะเพื่อไล่นกที่มากินข้าวในนา บ้านชาวสยามสะอาดสวยงาม ฝาบ้านทำด้วยไม้ไผ่ขัดแตะยกพื้นสูงเพื่อหนีน้ำท่วม มุงหลังคาด้วยใบไม้ใบหญ้า บางบ้านทำด้วยไม้ฝากระดาน ซึ่งต่อชิ้นส่วนเข้าด้วยกันทั้งหลังได้โดยไม่ต้องใช้ตะปูสักตัวเดียว
ชาวสยามนอนบนเสื่อ ไม่มีเตียง ตู้ เก้าอี้ หรือภาพวาด ชาวสยาม ส่วนใหญ่นุ่งผ้าสีไม่ใส่เสื้อ นุ่งผ้าขาวม้าอาบน้ำ ไม่แก้ผ้าอาบน้ำเหมือนชาวยุโรป ฝ่าเท้าหนาเพราะเดินด้วยเท้าเปล่าจนหนามธรรมดาตำไม่เข้า เด็กแก้ผ้าจนถึงห้าขวบ ข้าราชการใส่เสื้อมัสลินสีขาวไม่มีคอปกสวมหมวกสีขาวยอดแหลม(ลอมพอก) ทหารใส่เสื้อสีแดง
พระเจ้าแผ่นดินทรงฉลองพระองค์ทำด้วยผ้าตาดประดับผ้าลูกไม้จากยุโรป วังพระเจ้าแผ่นดินสร้างด้วยอิฐ หลังคายอดแหลมมุงด้วยดีบุก พื้นปูด้วยพรมเปอร์เซีย ล้อมด้วยกำแพงอิฐสามชั้น พระเจ้าแผ่นดินใส่หมวก ใส่รองเท้าปลายแหลมไม่หุ้มส้น ประชาชนไม่เคยเห็นพระเจ้าแผ่นดิน เพียงการออกพระนามหรือถามถึงพระสุขภาพก็ถือเป็นการลบหลู่พระบรมเดชานุภาพ ผู้หญิงสยามชอบไว้เล็บยาว
การป้องกันประเทศ
ทหารสยามไม่ค่อยได้ออกรบ ใจไม่กล้า อ่อนแอ ไม่มีระเบียบวินัย ไม่กล้าฆ่าศัตรู อาวุธไม่ดี ขี่ม้าไม่เก่ง ใช้ช้างมากกว่าม้า ซึ่งอาจเกิดผลร้ายต่อตนเอง เพราะเมื่อช้างบาดเจ็บอาจบ้าคลั่งทำร้ายควาญของตนแล้วเหยียบให้ตาย ได้ ช้างของพระเจ้าแผ่นดินได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีมาก ม้าสยามรูปร่างไม่งดงามพันธุ์ไม่ดี ดังนั้นจึงต้องนำม้ามาจากต่างประเทศ เช่นปัตตาเวีย ทหารสยามกลัวความเหนื่อยยากในการสงคราม จึงไม่มีความก้าวหน้าในวิชาทหาร เมื่อออกสนามรบ ทหารจะเอาข้าวใส่กระบุงแบกใส่บ่าไปสำหรับกินได้หนึ่งเดือน ถ้าสงครามมีนานและข้าวหมด ทหารมักจะตายเพราะหิวข้าวมากกว่าถูกศัตรูฆ่าตาย
การที่มีน้ำท่วม กับการที่มีแม่น้ำตัดกรุงสยามออกเป็นตอน ๆ นั้น เป็นปราการที่มั่นคงที่สุดที่มีไว้ สำหรับรับมือจากการรุกรานจากต่างประเทศ
สยามมีเรือรบใช้พายและใบอยู่ห้าสิบลำ หลายลำผุชำรุด มีปืนใหญ่ที่ไม่มีประสิทธิภาพเพราะขึ้นสนิม ดินปืนที่สยามทำเองนั้นไม่แรงพอ ต้องซื้อดินปืนจากยุโรป ไม่รู้จักวิชาสร้างป้อมที่ทำให้เมืองมั่นคง ป้อมปราการที่มีอยู่สร้างตามแบบแปลนของชาวฝรั่งเศส และโปรตุเกส ที่บางกอกมีป้อมสร้างโดยฝรั่งเศสสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ขณะที่เกิดปฎิวัติในอยุธยาชาวฝรั่งเศสที่ถูกตามสังหารในนครหลวงได้เคยหนีมายังป้อมนี้ เมื่อพม่ายกทัพที่มาตีกรุงศรีอยุธยากลับไป พระยาตากได้เข้ามายึดเมืองบางกอก
มีชาวต่างประเทศมาเป็นทหารรักษาพระองค์ด้วยเช่นกองร้อยชาวตาดTartars และชาวอินเดีย ซึ่งต้องปลุกความแกล้วกล้าด้วยฝิ่น
สินค้าส่งออก
สินค้าสำคัญของสยามคือ แร่กาลีนา แร่ดีบุก งา ดินประสิวขาว และแท่งตะกั่ว ในสมัยก่อน การค้าของสยามรุ่งเรืองมาก มีเรือเป็นพัน ๆ ลำจากจีนและยุโรป เข้ามาค้าขาย แต่ปัจจุบันสักสิบลำยังหายาก
การละเล่น
เด็กสยามชอบเล่น ลูกข่าง ลูกหนัง มีการเล่นว่าวผูกตะเกียงขึ้นไปตอนกลางคืนด้วย ดนตรีสยามมีซอสามสาย ปี่ขลุ่ย กลอง มีการเล่นหุ่นกระบอก สกา หมากรุก ตะกร้อ คนสยามชอบการพนัน ชนไก่ แข่งวัวแทนแข่งม้า ชอบการร้องเพลงแต่ไม่รู้จักโน้ตเพลง และไม่จดไว้ในตำรา มิชชันนารีหมู่แรกได้แต่งกฎทางศาสนาเบื้องต้นเป็นทำนองเพลงภาษาละตินเพื่อจารึกลงในความจำของศิษย์ และวิธีนี้ปรากฏผลดียิ่ง ไม่มีคนทำเครื่องดนตรีขาย ใครอยากทำอะไรก็ทำตามใจชอบ อาชีพนักแสดงละครเป็นอาชีพต่ำต้อย การแสดงส่วนมากมักตลกโปกฮา และมักมีคำอุจาดลามกสอดแทรกอยู่ ชาวสยามชอบการพนันอย่างยิ่ง ผู้แพ้การพนันนั้นยอมขายได้แม้กระทั่งลูกเมียของตน
การศึกษา
การศึกษาของสยามขาดวิชารู้จักคิดหาเหตุผล คนสยามพยายามจะไม่คิดเพราะความคิดทำให้เหน็ดเหนื่อย
การศาสนา
ภาษาฝรั่งเศสเรียกพระภิกษุพุทธศาสนาว่า ตาลาปวง Talapoin ซึ่งได้มาจากคำว่า ตาลปัตร ที่พระภิกษุถือในมือ เพื่อไม่ให้เห็นสตรีขณะกำลังสวดมนต์
การยุติธรรม
ไม่มีประเทศใดในโลก ที่คนทุจริตจะมีวิธีพลิกแพลงมากเท่ากับในประเทศสยาม ในประเทศนี้ คนที่ชำนาญการในการทำให้คดียุ่ง สามารถทำให้เรื่องร้ายที่สุดกลับเป็นไปในทางดีได้ และเขาจะเรียกร้องค่าตอบแทนอย่างสูงทีเดียว การลงโทษผู้กระทำผิดมีหลายระดับ เช่น ไปตัดหญ้าให้ช้างกิน เอามีดกรีดศรีษะ เฆี่ยน ดำน้ำลุยไฟ ตอกเล็บบีบขมับ จนถึง ตัดหัวประหารชีวิต
สัตว์
ช้างสยาม เป็นช้างงามที่สุดในโลก เมื่อช้างนอนจะเอางวงใส่ปากแล้วยืนหลับเพราะกลัวมดจะเข้าไปในงวง ช้างกินหญ้า กิ่งมะพร้าว ใบกล้วย งาช้างสยามส่งไปขายเมืองสุรัต(อินเดีย)และทวีปยุโรป มีการส่งตัวช้างลงเรือจากเมืองมะริดไปขายให้พ่อค้าจากฝั่งโคโรมังเดลและอาณาจักรโมกุลปีละอย่างน้อยห้าสิบเชือก ช้างรักลิง แต่เกลียดไก่ เห็นกันไม่ได้ ต้องตามเหยียบไก่จนตาย ดังนั้นในเรือที่บรรทุกช้างจึงต้องระวังไม่ให้ไก่ออกจากกรง ช้างเกลียดเสือและจระเข้ พระเจ้าแผ่นดินสยามบางครั้งจัดให้ช้างสู้กับเสือหรือจระเข้ซึ่งประชาชนนิยมมาชมกันมาก
ตุ๊กแก ถ้าตุ๊กแกปัสสาวะรดผิวหนังคนจะทำให้มีรอยดำติดอยู่ตลอดไป ถ้ากินมูลของมันจะทำให้คนกินไม่มีเสียงอย่างสิ้นเชิงราวหนึ่งเดือน เวลาตุ๊กแกกัดจะไม่ยอมปล่อย
แร้ง เป็นนกที่กินของที่ตายแล้วเท่านั้น ผู้เคร่งศาสนาจะสั่งไว้ว่าเมื่อตายแล้วให้โยนศพของตนให้แร้งกินเพื่อจะได้บุญ
งู ชาวสยามมีหินรักษาแผลงูกัด (pierre de serpent)มีสีดำ กลมและแบน เส้นผ่าศูนย์กลาง ราว 1 นิ้ว ใช้วางทาบลงที่งูกัด หินจะเกาะติดและดูดพิษงูออก ต่อจากนั้นต้องเอาหินจุ่มในน้ำนม ให้นมดูดพิษจากหินมิฉะนั้นหินจะแตกใช้ต่ออีกไม่ได้
ปลา บริเวณหน้าวัดพุทธศาสนาที่ติดน้ำจะมีปลามาชุมนุมกัน โดยไม่มีใครไปทำร้ายจับปลา
ศิลปะ
ในกรุงสยามไม่มีนักวาดรูปตามหลักศิลปะของยุโรป เขาวาดแต่รูปสัตว์ประหลาดพิสดาร กับรูปเพ้อฝันฟุ้งซ่าน ไม่วาดภาพเป็นจริงตามธรรมชาติ ภาพวาดของชาวสยามไม่ได้สัดส่วนงดงาม !!!!!
เพราะนิสัยคนไทยครับที่ยังนิยมระบบอุปถัมภ์
จากการศึกษาประวัติศาสตร์ ผมลงความเห็นว่า อันนิสัยเลวๆ ของคนไทยไม่ว่าจะเป็นความขี้เกียจ การไม่รับผิดชอบต่อการงาน การชอบโทษว่าใส่คนอื่น การชอบประจบสอพลอ การชอบอิจฉาตาร้อนเมื่อเห็นคนอื่นได้ดีเกินหน้า การโกงกินแบบไม่ละอายต่อบาป เป็นต้นนั้น ล้วนมาจากระบบอุปถัมภ์
ทำไมถึงเป็นระบบอุปถัมภ์? ระบบฝาก เส้นสาย ซึ่งคนเราจะขยันได้ต้องมีค่าตอบแทนจูงใจครับ และระบบอุปถัมภ์ถ้าอวดความสามารถมาก ก็จะยิ่งถูกใช้งานมากโดยได้ค่าจ้างไม่มาก ให้ถือว่าช่วยๆกัน คนไทยเลยไม่มีความคิดที่จะประดิษฐ์ค้นค้นหรือพัฒนาอะไรเลย เพราะทำไปตัวเองก็ไม่ได้ประโยชน์ ยิ่งกว่านั้นในระบบอุปถัมภ์แบบไทยๆ คนเราจะได้ดีหรือตกยากอยู่ที่อำเภอใจของผู้เป็นใหญ่ฝ่ายเดียว ฉะนั้นเพื่อชีวิตก็ต้องเอาอกเอาใจ เลียมันเข้าไป ดีมากครับผมเหมาะสมครับท่านกันลูกเดียว คนอื่นๆ พอเห็นคนนึงเกิดจะได้ดี ก็เลยอิจฉาตามประสาคนที่ตกอยู่ในความแค้น
ซึ่งนิสัยเหล่นนั้นมันมีมานานแล้ว
ประวัติศาสตร์ไทยฉบับตุรแปง
http://pipat2000.exteen.com/20051007/entry
เหตุการณ์ช่วงก่อนกรุงศรีอยุธยาจะแตกถึงสมัยต้นกรุงธนบุรีนั้น ชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง ชื่อ นายฟรังซัว อังรี ตุรแปง (Turpin) ได้รวบรวมเรื่องประวัติศาสตร์ประเทศไทยไว้ตามข้อมูลที่ได้รับจากบาทหลวงบรีโกต์ซึ่งเป็นสังฆราช แห่งตาบรากา (Bishop of Tabraca) ประมุขมิสซังกรุงสยาม ที่เคยอยู่กรุงสยามหลายปี เมื่อกรุงแตกบาทหลวงบรีโกต์ ถูกพม่าจับตัวไปที่บางช้าง แล้วพาไปเมืองทวาย ต่อจากนั้นกัปตันเรือชาวอังกฤษ ชื่อรีเวียร์ พาไปถึงเมืองย่างกุ้งประเทศพม่าเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๓๑๐( ค.ศ. 1767) บาทหลวงบรีโกต์ได้รับการปล่อยตัวจากย่างกุ้งเดินทางมาเมืองปอนดิเชอรี่ เมื่อ ๑๗ มีนาคม พ.ศ.๒๓๑๑( ค.ศ.1768) แล้วได้เดินทางกลับไปปารีส ตุรแปง เขียนบันทึกดังกล่าวเป็นหนังสือภาษาฝรั่งเศส ๒ เล่ม ชื่อ "Histoire du Royaume de Siam" พิมพ์ที่กรุงปารีสในปี พ.ศ. ๒๓๑๔( ค.ศ. 1771) หนังสือนี้ กรมศิลปากรได้ให้นายปอล ซาเวียร์ แปลเล่มที่ ๑ และพิมพ์เป็นภาษาไทยในปี ๒๕๓๙ ชื่อ "ประวัติศาสตร์แห่งพระราชอาณาจักรสยาม" ส่วนเล่มที่สอง กรมศิลปากรให้นางสมศรี เอี่ยมธรรม แปลเป็นภาษาไทยจากฉบับภาษาอังกฤษ ใช้ชื่อว่า "ประวัติศาสตร์ไทยสมัยกรุงศรีอยุธยาฉบับตุรแปง" พิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๒
ตุรแปง ได้บันทึกเรื่องเกี่ยวกับสยามไว้อย่างละเอียด สรุปได้ ดังนี้
นิสัยใจคอของชาวสยาม
ชาวสยามเป็นคนภาคภมิใจในชาติและรักขนบธรรมเนียมอย่างเหนียวแน่น มีกิริยามารยาท อ่อนโยนสุภาพ มีเมตตา ซ่อนความรู้สึก ไม่ชอบพูดมาก มัธยัสถ์ ไม่ชอบหรูหราฟุ่มเฟือย ไม่เห็นแก่ตัว มีความรู้จักพอ ไม่ติดใจอยากได้สมบัติสิ่งของต่างๆ เหมือนคนยุโรป แต่ของที่มีอยู่จะรักษาอย่างหวงแหน ชอบฝังสมบัติมากกว่าจะนำออกมาใช้ นับถืออาวุโส เคารพพ่อแม่ คำสบประมาทของชาวสยามที่เจ็บแสบที่สุด คือ เป็นคนขี้ปด
จุดอ่อนของชาวสยาม คือเป็นคนเฉื่อยชาเกียจคร้าน อันแก้ไม่หาย ย่อท้อ ไม่ชอบทำอะไรที่ลำบากยากเย็น ไม่ชอบทำของยาก ไม่ยินดียินร้าย ไม่ลุกลี้ลุกลน ไม่ออกกำลังบริหารร่างกายเพราะทำให้เหน็ดเหนื่อย ชาวสยามเป็นศัตรูกับความเหน็ดเหนื่อย และความยากลำบาก ดูเหมือนจะมีชีวิตอยู่เพื่อจะกินและสืบเผ่าพันธุ์เท่านั้น คนสยามมักจะเหลาะแหละไม่ยอมรับหลักการและผลที่เกิดจากหลักการ จิตใจไม่ค่อยได้รับการฝึกฝน จึงไม่เคยแยกว่าอะไรดีและอะไรดีที่สุด แล้วก็ประพฤติโดยไม่นึกจะคิดไตร่ตรองหาเหตุผล มักเป็นนายที่แข็งกระด้างไม่ค่อยรู้วิธีบังคับบัญชาคน
ชาวสยามมีความเจ็บแค้นสูงเมื่ออับอาย บ้าคลั่งอย่างไม่รู้จักชั่งใจเมื่อโมโห บางครั้งโหดเหี้ยมทารุณทำร้ายกันถึงตาย โดยเฉพาะวิธีประหารชีวิตของสยามแบบต่าง ๆ นั้นสยดสยองทรมานยิ่ง การปฏิวัติที่มีบ่อย ๆ ทำให้คนมั่งมีหลายคนถูกริบทรัพย์จนหมดตัว
คนสยาม มักยอมอ่อนน้อมต่อผู้อยู่เหนือกว่า แต่จะหยิ่งดูหมิ่นคนที่ต่ำกว่าและคนที่แสดงความยกย่องเขา บางคนช่างพูดอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม อ้างเหตุผลผิดๆมาตบตาคน เชื่อถือไสยศาสตร์ โชคลาง หมอดู เข้าทรงและคาถาอาคม
ครอบครัว
สตรีสยามมีความเหนียมอายสงบเสงี่ยม ผู้หญิงสยามทำงานหนัก ทำไร่ไถนาตัดไม้และเก็บเกี่ยวข้าว ขณะที่ผู้ชายชาวสยามบางคนนอนซึมอยู่บนที่นอน ผู้ชายสยามชอบมีภรรยาหลายคน
โรคภัยไข้เจ็บ
ชาวสยามไม่รู้จักปลูกฝีฉีดยา หลายคนมีแผลบนใบหน้าซึ่งเกิดจากฝีดาษ กามโรคยังไม่เป็นที่รู้จักกันในสยาม ยังไม่รู้จักการผ่าตัด ชอบใช้การนวดในการรักษาโรค มีการใช้ปูที่กลายเป็นหินนำไปตำละลายกับเหล้าเพื่อรักษาโรคบิด
อาหารการกิน
คนสยาม กินอึ่งอ่าง คางคก หนูนา ไข่Hia ตั๊กแตน หนู กิ้งก่า ตับปลากระเบน ตะขาบปิ้ง และแมลงทุกชนิด ชอบสูบยาฉุน และชอบ กินหมากทำให้ฟันดำ ลิ้นชาวสยามนั้นหยาบ สามารถกินปลาเน่าหรือไข่เสียตายโคมได้ ชาวสยามไม่ชอบกินเนื้อสัตว์ แต่ชอบกินใส้สัตว์ มีการทำปูจ๋า โดยเอาเนื้อปูมาสับกับกระเทียมใส่ในกระดองปูแล้วนำไปทอด
ที่พักอาศัย และการแต่งกาย
ชาวสยามชอบตั้งบ้านเรือนเฉพาะอยู่ริมน้ำ ส่วนที่ห่างแม่น้ำลำคลองจะมีคนอาศัยอยู่น้อย ชอบเดินทางและขนส่งด้วยเรือในแม่น้ำลำคลองมากกว่ารถม้า ไม่ชอบสร้างเมืองชายทะเล ไม่ชำนาญเดินเรือทะเล ไม่รู้ดาราศาสตร์ ใช้ดาราศาสตร์เพื่อทำนายโชคชะตา ในท้องนามีการทำหุ่นฟางไล่นกมีใบพัดเกิดเสียง และเคาะแผ่นโลหะเพื่อไล่นกที่มากินข้าวในนา บ้านชาวสยามสะอาดสวยงาม ฝาบ้านทำด้วยไม้ไผ่ขัดแตะยกพื้นสูงเพื่อหนีน้ำท่วม มุงหลังคาด้วยใบไม้ใบหญ้า บางบ้านทำด้วยไม้ฝากระดาน ซึ่งต่อชิ้นส่วนเข้าด้วยกันทั้งหลังได้โดยไม่ต้องใช้ตะปูสักตัวเดียว
ชาวสยามนอนบนเสื่อ ไม่มีเตียง ตู้ เก้าอี้ หรือภาพวาด ชาวสยาม ส่วนใหญ่นุ่งผ้าสีไม่ใส่เสื้อ นุ่งผ้าขาวม้าอาบน้ำ ไม่แก้ผ้าอาบน้ำเหมือนชาวยุโรป ฝ่าเท้าหนาเพราะเดินด้วยเท้าเปล่าจนหนามธรรมดาตำไม่เข้า เด็กแก้ผ้าจนถึงห้าขวบ ข้าราชการใส่เสื้อมัสลินสีขาวไม่มีคอปกสวมหมวกสีขาวยอดแหลม(ลอมพอก) ทหารใส่เสื้อสีแดง
พระเจ้าแผ่นดินทรงฉลองพระองค์ทำด้วยผ้าตาดประดับผ้าลูกไม้จากยุโรป วังพระเจ้าแผ่นดินสร้างด้วยอิฐ หลังคายอดแหลมมุงด้วยดีบุก พื้นปูด้วยพรมเปอร์เซีย ล้อมด้วยกำแพงอิฐสามชั้น พระเจ้าแผ่นดินใส่หมวก ใส่รองเท้าปลายแหลมไม่หุ้มส้น ประชาชนไม่เคยเห็นพระเจ้าแผ่นดิน เพียงการออกพระนามหรือถามถึงพระสุขภาพก็ถือเป็นการลบหลู่พระบรมเดชานุภาพ ผู้หญิงสยามชอบไว้เล็บยาว
การป้องกันประเทศ
ทหารสยามไม่ค่อยได้ออกรบ ใจไม่กล้า อ่อนแอ ไม่มีระเบียบวินัย ไม่กล้าฆ่าศัตรู อาวุธไม่ดี ขี่ม้าไม่เก่ง ใช้ช้างมากกว่าม้า ซึ่งอาจเกิดผลร้ายต่อตนเอง เพราะเมื่อช้างบาดเจ็บอาจบ้าคลั่งทำร้ายควาญของตนแล้วเหยียบให้ตาย ได้ ช้างของพระเจ้าแผ่นดินได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีมาก ม้าสยามรูปร่างไม่งดงามพันธุ์ไม่ดี ดังนั้นจึงต้องนำม้ามาจากต่างประเทศ เช่นปัตตาเวีย ทหารสยามกลัวความเหนื่อยยากในการสงคราม จึงไม่มีความก้าวหน้าในวิชาทหาร เมื่อออกสนามรบ ทหารจะเอาข้าวใส่กระบุงแบกใส่บ่าไปสำหรับกินได้หนึ่งเดือน ถ้าสงครามมีนานและข้าวหมด ทหารมักจะตายเพราะหิวข้าวมากกว่าถูกศัตรูฆ่าตาย
การที่มีน้ำท่วม กับการที่มีแม่น้ำตัดกรุงสยามออกเป็นตอน ๆ นั้น เป็นปราการที่มั่นคงที่สุดที่มีไว้ สำหรับรับมือจากการรุกรานจากต่างประเทศ
สยามมีเรือรบใช้พายและใบอยู่ห้าสิบลำ หลายลำผุชำรุด มีปืนใหญ่ที่ไม่มีประสิทธิภาพเพราะขึ้นสนิม ดินปืนที่สยามทำเองนั้นไม่แรงพอ ต้องซื้อดินปืนจากยุโรป ไม่รู้จักวิชาสร้างป้อมที่ทำให้เมืองมั่นคง ป้อมปราการที่มีอยู่สร้างตามแบบแปลนของชาวฝรั่งเศส และโปรตุเกส ที่บางกอกมีป้อมสร้างโดยฝรั่งเศสสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ขณะที่เกิดปฎิวัติในอยุธยาชาวฝรั่งเศสที่ถูกตามสังหารในนครหลวงได้เคยหนีมายังป้อมนี้ เมื่อพม่ายกทัพที่มาตีกรุงศรีอยุธยากลับไป พระยาตากได้เข้ามายึดเมืองบางกอก
มีชาวต่างประเทศมาเป็นทหารรักษาพระองค์ด้วยเช่นกองร้อยชาวตาดTartars และชาวอินเดีย ซึ่งต้องปลุกความแกล้วกล้าด้วยฝิ่น
สินค้าส่งออก
สินค้าสำคัญของสยามคือ แร่กาลีนา แร่ดีบุก งา ดินประสิวขาว และแท่งตะกั่ว ในสมัยก่อน การค้าของสยามรุ่งเรืองมาก มีเรือเป็นพัน ๆ ลำจากจีนและยุโรป เข้ามาค้าขาย แต่ปัจจุบันสักสิบลำยังหายาก
การละเล่น
เด็กสยามชอบเล่น ลูกข่าง ลูกหนัง มีการเล่นว่าวผูกตะเกียงขึ้นไปตอนกลางคืนด้วย ดนตรีสยามมีซอสามสาย ปี่ขลุ่ย กลอง มีการเล่นหุ่นกระบอก สกา หมากรุก ตะกร้อ คนสยามชอบการพนัน ชนไก่ แข่งวัวแทนแข่งม้า ชอบการร้องเพลงแต่ไม่รู้จักโน้ตเพลง และไม่จดไว้ในตำรา มิชชันนารีหมู่แรกได้แต่งกฎทางศาสนาเบื้องต้นเป็นทำนองเพลงภาษาละตินเพื่อจารึกลงในความจำของศิษย์ และวิธีนี้ปรากฏผลดียิ่ง ไม่มีคนทำเครื่องดนตรีขาย ใครอยากทำอะไรก็ทำตามใจชอบ อาชีพนักแสดงละครเป็นอาชีพต่ำต้อย การแสดงส่วนมากมักตลกโปกฮา และมักมีคำอุจาดลามกสอดแทรกอยู่ ชาวสยามชอบการพนันอย่างยิ่ง ผู้แพ้การพนันนั้นยอมขายได้แม้กระทั่งลูกเมียของตน
การศึกษา
การศึกษาของสยามขาดวิชารู้จักคิดหาเหตุผล คนสยามพยายามจะไม่คิดเพราะความคิดทำให้เหน็ดเหนื่อย
การศาสนา
ภาษาฝรั่งเศสเรียกพระภิกษุพุทธศาสนาว่า ตาลาปวง Talapoin ซึ่งได้มาจากคำว่า ตาลปัตร ที่พระภิกษุถือในมือ เพื่อไม่ให้เห็นสตรีขณะกำลังสวดมนต์
การยุติธรรม
ไม่มีประเทศใดในโลก ที่คนทุจริตจะมีวิธีพลิกแพลงมากเท่ากับในประเทศสยาม ในประเทศนี้ คนที่ชำนาญการในการทำให้คดียุ่ง สามารถทำให้เรื่องร้ายที่สุดกลับเป็นไปในทางดีได้ และเขาจะเรียกร้องค่าตอบแทนอย่างสูงทีเดียว การลงโทษผู้กระทำผิดมีหลายระดับ เช่น ไปตัดหญ้าให้ช้างกิน เอามีดกรีดศรีษะ เฆี่ยน ดำน้ำลุยไฟ ตอกเล็บบีบขมับ จนถึง ตัดหัวประหารชีวิต
สัตว์
ช้างสยาม เป็นช้างงามที่สุดในโลก เมื่อช้างนอนจะเอางวงใส่ปากแล้วยืนหลับเพราะกลัวมดจะเข้าไปในงวง ช้างกินหญ้า กิ่งมะพร้าว ใบกล้วย งาช้างสยามส่งไปขายเมืองสุรัต(อินเดีย)และทวีปยุโรป มีการส่งตัวช้างลงเรือจากเมืองมะริดไปขายให้พ่อค้าจากฝั่งโคโรมังเดลและอาณาจักรโมกุลปีละอย่างน้อยห้าสิบเชือก ช้างรักลิง แต่เกลียดไก่ เห็นกันไม่ได้ ต้องตามเหยียบไก่จนตาย ดังนั้นในเรือที่บรรทุกช้างจึงต้องระวังไม่ให้ไก่ออกจากกรง ช้างเกลียดเสือและจระเข้ พระเจ้าแผ่นดินสยามบางครั้งจัดให้ช้างสู้กับเสือหรือจระเข้ซึ่งประชาชนนิยมมาชมกันมาก
ตุ๊กแก ถ้าตุ๊กแกปัสสาวะรดผิวหนังคนจะทำให้มีรอยดำติดอยู่ตลอดไป ถ้ากินมูลของมันจะทำให้คนกินไม่มีเสียงอย่างสิ้นเชิงราวหนึ่งเดือน เวลาตุ๊กแกกัดจะไม่ยอมปล่อย
แร้ง เป็นนกที่กินของที่ตายแล้วเท่านั้น ผู้เคร่งศาสนาจะสั่งไว้ว่าเมื่อตายแล้วให้โยนศพของตนให้แร้งกินเพื่อจะได้บุญ
งู ชาวสยามมีหินรักษาแผลงูกัด (pierre de serpent)มีสีดำ กลมและแบน เส้นผ่าศูนย์กลาง ราว 1 นิ้ว ใช้วางทาบลงที่งูกัด หินจะเกาะติดและดูดพิษงูออก ต่อจากนั้นต้องเอาหินจุ่มในน้ำนม ให้นมดูดพิษจากหินมิฉะนั้นหินจะแตกใช้ต่ออีกไม่ได้
ปลา บริเวณหน้าวัดพุทธศาสนาที่ติดน้ำจะมีปลามาชุมนุมกัน โดยไม่มีใครไปทำร้ายจับปลา
ศิลปะ
ในกรุงสยามไม่มีนักวาดรูปตามหลักศิลปะของยุโรป เขาวาดแต่รูปสัตว์ประหลาดพิสดาร กับรูปเพ้อฝันฟุ้งซ่าน ไม่วาดภาพเป็นจริงตามธรรมชาติ ภาพวาดของชาวสยามไม่ได้สัดส่วนงดงาม !!!!!
แสดงความคิดเห็น
++ จะทำอย่างไรให้ประเทศไทยเจริญเทียบเท่าประเทศเกาหลีใต้ บ้างครับ?++
ทำอะไรก็ต้องตามญี่ปุ่น เป็นประเทศผู้รับจ้างผลิต
เมื่อ 50 ปีก่อนยังส่งบุคลากรมาดูงานที่ประเทศไทยอยู่เลย
แต่มาในวันนี้ประเทศเกาหลีใต้เติบโตทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดด
ส่งแบรนด์ของตัวเองตีตลาดโลกได้ กลายเป็นผู้ผลิตเอง
อยากถามครับ ว่าประเทศเรามีวิธีอย่างไรบ้างที่จะพัฒนาเศรษฐกิจได้แบบเขาได้บ้าง