ปูพื้น Hobbit &LOTR จัดเต็มเรื่องเอล์ฟ

กระทู้สนทนา
เกาะกระแส The Hobbit ในภาคนี้ที่โดนแย่งซีนโดยเหล่าเอล์ฟ โดยเฉพาะความทรงพระแฟ้บของธรันดูอิล และความเท่ห์บาดใจของเลโกลัส หลายๆคนอาจสงสัยว่าเอล์ฟเนี่ยมันคืออะไรน้อ มีหลายกลุ่มหลายเผ่าเหลือเกิน
อย่ากระนั้นเลย เรามาเล่าเรื่องเอล์ฟๆกันดีก่า

กำเนิดและการตื่นของเหล่าเอล์ฟ

ก่อนจะมาพูดเรื่องกำเนิดของเหล่าเอล์ฟ ต้องกล่าวถึงเทพสูงสุดของจักรวาล Middle-earth กันก่อน เทพผู้สร้างโลกหรือพระเจ้าในที่นี้คือ เอรู (Eru; The One) หรืออิลูวาทาร์ (Iluvatar) สร้างชนศักสิทธิ์ไอนูร์ (Ainur) ขึ้นมาให้ไปรังสรรค์อาร์ดา (Arda) คือโลกให้เป็นที่อยู่ของบุตรแห่งอิลูวาทาร์สองเผ่าพันธุ์ คือ เอล์ฟ (First born, the elder children of Iluvatar) และ มนุษย์ (After born, Mortal)



เผ่าพันธุ์เอล์ฟกำเนิดในยุคแห่งพฤกษา ซึ่งนับเป็นยุคที่สองในยุคบรรพกาล (ยุคแรกคือยุคแห่งโคม ยุคที่สามคือยุคแห่งตะวัน) เมื่อเทพีวาร์ดา (Vardar) สร้างกลุ่มดาวกลุ่มใหม่จากน้ำค้างบนยอดพฤกษาศักดิ์สิทธิ์ เทลเพริออน (Telperion) เหล่าเอล์ฟก็ลืมตาตื่นขึ้นที่ริมทะเลสายคุยวิเอนเนน (Cuivienen the water of awaikening) และเห็นดวงดาวเป็นสิ่งแรก

เอล์ฟคนแรกที่ลืมตาตื่น คือ อิมิน (Imin; First) ข้างๆกันคือ อิมินเย (Iminye) ซึ่งกลายมาเป็นภรรยาของอิมิน คนที่สองคือ ตาตา (Tata; Second) ข้างๆคือ ตาติเอ (Tatie) และคนที่สามคือ เอเนล (Enel; Third) และเอเนลเย (Enelye)

ทั้งหก สนธนากันและพากันเดินเข้าไปในป่าและได้พบเอล์ฟ 6 คู่หลับอยู่ อิมินจึงถือสิทธิ์ความอาวุโสปลุกเอล์ฟเหล่านั้นและรับเป็นพวกของตน ทั้งหมดพากันเดินต่อไปจนมาเจอเอล์ฟอีก 9 คู่ตาตาจึงปลุกเอล์ฟเหล่านั้นและรับมาเป็นพวกตามสิทธิ์ ต่อมาก็เจออีก 12 คู่ จึงตกเป็นของเอเนล
เอล์ฟทั้ง 60 พากันเดินต่อไป และเจอเอล์ฟ 18 คู่กำลังนั่งดูดาวอยู่ แต่อิมินคิดว่ากลุ่มถัดไปคงจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงตัดสินใจที่จะเลือกเอล์ฟกลุ่มท้ายๆ กลุ่มนี้จึงอยู่ภายใต้การดูแลของตาตา ขณะนี้เอล์ฟมีจำนวนทั้งสิ้น 96 คน เริ่มร้องเพลง และคิดประดิษฐ์ถ้อยคำใหม่ๆขึ้น พวกเขาจึงได้พบกับเอล์ฟอีก  24 คู่ กำลังร้องเพลงโดยไร้ซึ่งถ้อยคำภาษาใดๆ เช่นเคยอิมินสละสิทธิ์ เอเนลจึงรับไป ตอนนี้มีเอล์ฟทั้งหมด 144 คนแล้ว อิมินซึ่งคิดว่ากลุ่มต่อไปนี่แหล่ะจะต้องมีจำนวนคนมาก และตนจะได้มีพวกพ้องมากเหมือนตาตาและเอเนลเสียที แต่ว่าบรรดาเอล์ฟที่ถูกกำหนดให้ตื่นขึ้นในตอนแรกนั้นมีเพียงเท่านี้ กลุ่มของอิมินจึงมีเอล์ฟเพียงแค่ 14 คนเท่านั้นเอง

กลุ่มของอิมิน และอิมินเย คือ Minyar กลุ่มที่อาวุโสที่สุดและมีจำนวนน้อยที่สุด เพียง 14 คน แต่เป็นกลุ่มที่งดงามที่สุดในหมู่เอล์ฟ ทุกคนมีผมสีทอง ซึ่งมีชื่อเรียกในภายหลังว่า วันยาร์ (Vanyar the Fair) เอล์ฟผู้งดงาม ชื่ออื่นได้แก่ Elves of the air, Spear-elves

กลุ่มของตาตา และตาติเอ คือ Tatyar มีจำนวน 56 คน ทั้งหมดมีรูปร่างสูง ผมสีเข้ม มีทักษะสูงที่สุด ภายหลังถูกเรียกว่า โนลดอร์ (Noldor deep elves) เอล์ฟผู้ทรงภูมิปัญญา ชื่ออื่นๆได้แก่ Gnoms, Elves of the Earth, Sword-elves

กลุ่มของเอเนล และเอเนลเย คือ Nelyar มีขนาดใหญ่ที่สุดถึง 74 คน กลุ่มนี้มีรูปร่างและสีผมหลากหลาย หลงรักในสายน้ำ เป็นเอล์ฟที่มีทักษะทางดนตรีและเสียงที่ไพเราะที่สุด จึงถูกขนาดนามว่า ลินดาร์ (Lindar) เอล์ฟแห่งเสียงเพลง หรือ Teleri ในภายหลัง ชื่ออื่นได้แก่ Elves of the sea, the Arrow-elves

เหล่าเอล์ฟทั้งสามกลุ่มใช้ชีวิตอยู่ริมทะเลสาบแห่งนั้นมานานปี แต่ถูกลอบสังเกตโดย เทพวาลาร์ผู้ชั่วร้ายนาม เมลคอร์(Melkor) เมลคอร์ส่งสมุนของตนมาลอบจับพวกเอล์ฟที่ไม่ระมัดระวัง หรือผู้ที่นั่งลำพังไปยังอุทุมโน (Utumno) และนำไปทรมานจนกลายมาเป็นพวกออร์ค
แต่แล้ววันหนึ่งเทพวาลาร์องค์หนึ่งคือ โอโรเม (Orome) ประภาสบนหลังม้า และได้ยินเสียงเพลงจึงขี่ม้าไปดู จึงได้พบกับพวกเอล์ฟเป็นครั้งแรก และเรียกพวกเขาว่าเอลดาร์ (Eldar, People of the star)ชนแห่งดวงดาว เนื่องจากโอโรเมเห็นพวกเขานั่งร้องเพลงอยู่ภายใต้แสงดาวนั่นเอง


การอพยพของเหล่าเอลดาร์

หลังจากเทพโอโรเมได้พบกับพวกเอล์ฟแล้ว จึงกลับไปแจ้งยังวาลินอร์ มานเว (Manwe) เทพบดีจึงเรียกประชุมสภาเทพทันที เหล่าเทพมีมติให้กำหราบเมลคอร์และพาพวกเอล์ฟมายังวาลินอร์ ปวงเทพจึงยกทัพมายังมิดเดิ้ลเอิร์ธเพื่อปราบเมลคอร์และทำลายป้อมอุทุมโนทิ้ง เป็นเหตุให้เมลคอร์เกลียดพวกเอล์ฟเพราะวาลาร์ปราบเขาลงเพียงเพื่อประโยชน์ของเหล่าเอล์ฟเท่านั้นเอง
แต่พวกเอล์ฟหวาดหลัวเหล่าเทพและไม่กล้าไปยังวาลินอร์ วาลาร์จึงนำตัวแทนเอล์ฟจากสามตระกูล ไปเยือนวาลินอร์ คือ อิงเว (Ingwe) จากวันยาร์ ฟินเว (Finwe) จากโนลดอร์และเอลเว (Elwe) จากเทเลรี ทั้งสามได้เห็นความงดงามของวาลินอร์และปวงเทพจึงชักชวนเพื่อนพ้องและผองญาติของตนไปยังวาลินอร์ โดยยกให้ทั้งสามเป็นผู้นำกลุ่มของตน ซึ่งกลายมาเป็นกษัตริย์ของเอล์ฟทั้งสามกลุ่มในภายหลัง วันยาร์เลือกที่จะเดินทางไปวาลินอร์ทั้งหมด โนลดอร์ส่วนใหญ่เลือกที่จะเดินทางไป ส่วนเทเลรีมีส่วนหนึ่งเช่นกันที่ไม่ยอมเข้าร่วม จึงเกิดการแบ่งกลุ่มของเหล่าเอล์ฟขึ้น



กลุ่มแรกคือผู้ที่เข้าร่วมการเดินทาง เรียกว่า เอลดาร์ (Eldar) แต่เฉพาะผู้ที่ไปถึงวาลินอร์เท่านั่นจึงถูกเรียกว่า ไฮเอล์ฟ (High Elves) หรือคาลาเควนดิ (Calaquendi)
กลุ่มที่สองคือผู้ที่ปฏิเสธการเดินทาง คือ พวกอวาริ (Avari) หรือ ซิลวัน (Silvan)
อีกกลุ่มหนึ่งคือ อูมันยาร์ (Umanyar) เอล์ฟผู้ไปไม่ถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกที่เข้าร่วมการเดินทาง แต่ไปไม่ถึงวาลินอร์ กลุ่มนี้คือ ซินดาร์ (Sindar) ผู้ถูกละทิ้งแห่งโดริอัธ ภายใต้กษัตริย์ธิงโกล ฟาลาธริม (Falathrim)หรือ Sea Elves แห่งฟาลัสใต้ปกครองของเคียร์ดัน (Cirdan) นันดอร์ (Nandor) หรือ Wood Elves  ที่ล้มเลิกการเดินทางภายใต้การนำของเลนเว (Lenwe) และอาศัยอยู่ในลินดอร์น (Lindon) ไลเควนดิ (Laiquendi)หรือ Green Elves ภายใต้การนำของเดเนธอร์ (Denethor)
เอล์ฟที่ไม่เคยเห็นแสงศักดิ์สิทธิ์จะเรียกรวมๆอีกชื่อหนึ่งว่า มอริเควนดิ (Moriquendi) Dark Elves



พวกวันยาร์และโนลดอร์ไปถึงวาลินอร์ก่อน จึงสร้างนครหลวงของพวกตนขึ้นบนเนินทูนา (Tuna) ให้ชื่อว่านครทิริออน (Tirion) นครแห่งหอคอย โดยมีกษัตริย์สองพระองค์ปกครองคือ อิงเวแห่งวันยาร์ จอมกษัตริย์ของพวกเอล์ฟทั้งหมดในพิภพ และฟินเว แห่งโนลดอร์ แต่ภายหลังอิงเวและวันยาร์ทั้งหมดย้ายเข้าไปอยู่ยังทานิเควนทิล (Taniquentil) หอคอยของเทพมานเวและวัลมาร์ (Valmar) นครของเหล่าวาลาร์ ในทิริออนจึงมีแต่พวกโนลดอร์อาศัยอยู่เท่านั้น

ขณะที่พวกเทเลรีนั้นมาถึงทีหลังเพราะเอลเวผู้นำของพวกเขาหายตัวไป เนื่องจากไปพบเทพีเมลิอัน (Melian) เดินอยู่ในป่าและตกหลุมรัก (ยืนกุมมือกันอยู่หลายปี) จนชาวเทเลรีส่วนหนึ่งรอไม่ไหว จึงยกให้โอลเว (Olwe) น้องชายของเอลเวเป็นผู้นำและจากไป พวกเทเลรีขึ้นไปอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งและเทพวาลาร์อุลโม (Ulmo) จึงพาพวกเขาล่องไปยังวาลินอร์ และหยุดอยู่หน้าปากอ่าวเอลดามาร์ (Eldarmar) ในวาลินอร์ เกาะนี้ได้ชื่อในภายหลังว่าโทลเอเรสเซอาร์ (Tol Eressea) พวกเทเลรีที่มาถึงวาลินอร์จึงสร้างนครของตนขึ้นเป็นนครท่า ชื่ออัลควาลอนเด (Alqualonde) มีโอลเวเป็นกษัตริย์ และเรียกพวกของตนว่า ฟัลมารี (Falmari)

ส่วนทางฝั่งเอลเวนั้นเมื่อได้สติ (ผ่านไปเกือบยี่สิบปี) จึงกลับมาหาพวกพ้องที่รออยู่ แต่ไม่อาจไปยังวาลินอร์ได้อีกแล้ว จึงปักหลักอยู่ในแผ่นดินตะวันตกของมิดเดิ้ลเอิร์ธ ที่เรียกว่าเบเลริอัน (Belerian) พวกเขาเรียกตัวเองว่า เอกลัธ (Eglath) ผู้ถูกทอดทิ้ง แต่เป็นที่รู้จักในนาม ซินดาร์ (Sindar) กษัตริย์ของพวกเขาคือเอลเว หรือเอลู ธิงโกล (Elu Thingol) กษัตริย์ผู้ทรงอาภรณ์สีเทา และราชินีของเขาคือเมลิอัน เทพีไมอาร์ ที่ยังอยู่กับธิงโกลอีกคนคือ เอลโม (Elmo) น้องชายคนสุดท้องของธิงโกลและโอลเว นครของพวกเขาคือโดริอัธ (Doriath) ดินแดนแห่งการพิทักษ์ และมีวังเมเนกร็อธ (Menegroth)  พระราชวังที่งดงามที่สุดในมิดเดิ้ลเอิร์ธ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่