เราเป็นแม่บ้าน ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ ไม่มีบัญชี ใดๆทั้งสิ้นที่จะนำมาโชว์ได้ค่ะ
ขอไม่เล่าถึงขั้นตอนการกรอกเอกสารนะคะ แต่จะบอกว่ามีเอกสารอะไรที่เตรียมไปบ้าง ตามนี้เลยจ้า
- ใบ confirmation ที่มีรูปและบาร์โค้ด
- ใบนัดเวลา เราปรินท์จากเมล์ค่ะ
- พาสปอร์ต รูปถ่าย1ใบ บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ทรานสคริปต์ ใบสมรส ใบเปลี่ยนนามสกุล คำนำหน้า (พกตัวจริงไปด้วยนะคะ)
- สำเนาพาสปอร์ต หนังสือรับรองการทำงาน สมุดบัญชีของสปอนเซอร์ (สามีเป็นคนอเมริกันทำงานที่ไทยสปอนเซอร์ให้) เราเอาไปเล่มเดียวมีเงินประมาณสี่แสนบาท
- เอกสารเพิ่มเติมอื่นๆเท่าที่เรามี คือสัญญาซื้อบ้าน จดหมายรับรองการทำงานที่เก่าของเราเมื่อ3ปีที่แล้ว จดหมายแนะนำตัวของสามีและจดหมายเชิญจากพี่สามี
เราจองคิวตอนแปดโมงไปถึงเจ็ดโมงสิบห้า ยืนรอจนเกือบแปดโมง ยามถึงอนุญาติให้ข้ามถนนไปต่อคิวเพื่อยื่นใบนัดเวลาและพาสปอร์ตที่ตู้ยามค่ะ ไม่มีเจ้าหน้าที่เดินเช็คเอกสารด้านนอกเลยค่ะ. เราได้คิวที่สาม ผ่านเข้าไปตรวจกระเป๋า โดนเก็บโทรศัพท์ สายหูฟัง กรรไกรตัดเล็บ รีโมทรถใส่ถุงพลาสติกฝากไว้โดยวางบัตรประชาชนค่ะแล้วจะได้หมายเลขมาเก็บไว้แลกคืน
จากนั้นก็เดินหิ้วกระเป๋า หอบเอกสารไปอีกห้องเพื่อจะให้เจ้าหน้าที่เรียงเอกสารให้ แล้วก็นั่งรอ คิวที่สาม กว่าจะได้เข้าสัมภาษณ์เกือบเก้าโมง
โดนสัมภาษณ์สองรอบค่ะ รอบแรกเราเจอป้าฝรั่งช่องสี่ ช่องพิเศษเลยเป็นตู้มีเก้าอี้นั่งให้เรียบร้อย ป้าจะเช็คใบสมัครที่เรากรอกจากเว็บ เรากรอกว่าไม่เคยทำพาสปอร์ตหาย แต่พอป้าเรียกขอดูพาสปอร์ตเล่มที่มีวีซ่า J1 เราตอบว่าหาย. ตอนนั้นคิดแล้วว่าไม่ผ่านแน่. เพราะป้าจี้มาก ถามถึงพาสเล่มเก่าว่าทำเมื่อไหร ที่ไหน เลขที่อะไร แล้ววีซ่าที่เคยได้สองครั้งเลขที่อะไร คือเราตอบจำไม่ได้หมดทุกข้อเลย มันเก้าปีก่อนแล้วอ่ะค่ะ ป้าเลยบอกต้องไปแจ้งความนะแล้วบอกรายละเอียดตำรวจให้มากที่สุด. เราก็ค่ะแบบจ๋อยๆ แต่ป้าก็ให้สแกนนิ้วแล้วบอกว่าออกไปนั่งรอสัมภาษณ์ได้ แต่ต้องนำใบแจ้งความกลับมายื่นเพิ่มก่อน11โมง
นั่งรออีกสิบห้านาที ก็ถึงคิวเรา ตอนกรอกเลือกสัมภาษณ์เป็นภาษาไทยค่ะ แต่...โดนรัวภาษาอังกฤษเข้าใส่จากเจ้าหน้าที่ช่องสาม แต่แกหน้าตาดีและใจดีมากกกกกกกกกก
แกถามประมาณนี้นะคะ
- ไปเมืองไหน รัฐไหน เมื่อไหร่
- ไปทำไม
- พักโรงแรมอะไร (กรอกว่าพักโรงแรมแต่ตอบว่าพักบ้านพี่สามี พลาดอีกค่ะ แต่รีบต่อว่า พักบ้านพี่สามีแค่ไม่กี่วันที่เหลือต้องหาโรงแรม)
- แต่งงานเมื่อไหร่ สามีอยู่ไทยหรืออเมริกา แล้วก็ขอดูแค่ใบสมรสตัวจริง แกก็ดูวันเดือนปีที่จด เราพึ่งจดได้เจ็ดเดือนค่ะ
ตอนขอเอกสารจดทะเบียนตัวจริงเรายื่นให้ทั้งปึกเลย แกก็ไล่ๆเปิดดูแค่ใบสมรสเท่านั้น พอดีเราแนบใบปริญญาไปด้วยสองใบแกก็ถามว่าจบ...กับ...ด้วยเหรอ แล้วก็ปิดท้ายว่า รอรับเอกสารที่บ้านนะครับประมาณสองอาทิตย์ เราเลยถามกลับว่าใบแจ้งความล่ะคะ แกบอกว่าวีซ่าผ่านแล้ว ไม่เป็นไรแต่ถ้าอยากเอามาเพิ่มก็ได้
ช่องสามสัมภาษณ์อังกฤษล้วนนะคะ ไม่ใช่ฝรั่งแต่ก็ไม่ใช่คนไทย ช่องสองคนไทยสัมภาษณ์ไทย ช่องสี่ตู้คุณป้าฝรั่งแต่พูดไทยชัดมาก
เราไม่ได้ถามว่าได้วีซ่ากี่ปีค่ะ แต่ก็เข้าไปยื่นใบแจ้งความเพิ่มเติมอีกรอบ ไหนๆก้ไปแล้วเผื่อเค้าโทรมาทวงจะได้ไม่เสียเวลา ที่อยากมาแชร์เพราะไม่ค่อยมีคนแชร์ที่เชียงใหม่ กับเรื่องวีซ่าเดิมที่เคยได้แม้จะผ่านกี่ปีแล้วก็ตาม ถ้าพาสปอร์ตเล่มนั้นหมดอายุและหาไม่เจอแล้ว พกใบแจ้งความกันเหนียวไปด้วยเถอะนะคะ
ป.ล. แก้ไขคำผิดค่ะ
แบ่งปันประสบการณ์สัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาที่เชียงใหม่ค่ะ
ขอไม่เล่าถึงขั้นตอนการกรอกเอกสารนะคะ แต่จะบอกว่ามีเอกสารอะไรที่เตรียมไปบ้าง ตามนี้เลยจ้า
- ใบ confirmation ที่มีรูปและบาร์โค้ด
- ใบนัดเวลา เราปรินท์จากเมล์ค่ะ
- พาสปอร์ต รูปถ่าย1ใบ บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ทรานสคริปต์ ใบสมรส ใบเปลี่ยนนามสกุล คำนำหน้า (พกตัวจริงไปด้วยนะคะ)
- สำเนาพาสปอร์ต หนังสือรับรองการทำงาน สมุดบัญชีของสปอนเซอร์ (สามีเป็นคนอเมริกันทำงานที่ไทยสปอนเซอร์ให้) เราเอาไปเล่มเดียวมีเงินประมาณสี่แสนบาท
- เอกสารเพิ่มเติมอื่นๆเท่าที่เรามี คือสัญญาซื้อบ้าน จดหมายรับรองการทำงานที่เก่าของเราเมื่อ3ปีที่แล้ว จดหมายแนะนำตัวของสามีและจดหมายเชิญจากพี่สามี
เราจองคิวตอนแปดโมงไปถึงเจ็ดโมงสิบห้า ยืนรอจนเกือบแปดโมง ยามถึงอนุญาติให้ข้ามถนนไปต่อคิวเพื่อยื่นใบนัดเวลาและพาสปอร์ตที่ตู้ยามค่ะ ไม่มีเจ้าหน้าที่เดินเช็คเอกสารด้านนอกเลยค่ะ. เราได้คิวที่สาม ผ่านเข้าไปตรวจกระเป๋า โดนเก็บโทรศัพท์ สายหูฟัง กรรไกรตัดเล็บ รีโมทรถใส่ถุงพลาสติกฝากไว้โดยวางบัตรประชาชนค่ะแล้วจะได้หมายเลขมาเก็บไว้แลกคืน
จากนั้นก็เดินหิ้วกระเป๋า หอบเอกสารไปอีกห้องเพื่อจะให้เจ้าหน้าที่เรียงเอกสารให้ แล้วก็นั่งรอ คิวที่สาม กว่าจะได้เข้าสัมภาษณ์เกือบเก้าโมง
โดนสัมภาษณ์สองรอบค่ะ รอบแรกเราเจอป้าฝรั่งช่องสี่ ช่องพิเศษเลยเป็นตู้มีเก้าอี้นั่งให้เรียบร้อย ป้าจะเช็คใบสมัครที่เรากรอกจากเว็บ เรากรอกว่าไม่เคยทำพาสปอร์ตหาย แต่พอป้าเรียกขอดูพาสปอร์ตเล่มที่มีวีซ่า J1 เราตอบว่าหาย. ตอนนั้นคิดแล้วว่าไม่ผ่านแน่. เพราะป้าจี้มาก ถามถึงพาสเล่มเก่าว่าทำเมื่อไหร ที่ไหน เลขที่อะไร แล้ววีซ่าที่เคยได้สองครั้งเลขที่อะไร คือเราตอบจำไม่ได้หมดทุกข้อเลย มันเก้าปีก่อนแล้วอ่ะค่ะ ป้าเลยบอกต้องไปแจ้งความนะแล้วบอกรายละเอียดตำรวจให้มากที่สุด. เราก็ค่ะแบบจ๋อยๆ แต่ป้าก็ให้สแกนนิ้วแล้วบอกว่าออกไปนั่งรอสัมภาษณ์ได้ แต่ต้องนำใบแจ้งความกลับมายื่นเพิ่มก่อน11โมง
นั่งรออีกสิบห้านาที ก็ถึงคิวเรา ตอนกรอกเลือกสัมภาษณ์เป็นภาษาไทยค่ะ แต่...โดนรัวภาษาอังกฤษเข้าใส่จากเจ้าหน้าที่ช่องสาม แต่แกหน้าตาดีและใจดีมากกกกกกกกกก
แกถามประมาณนี้นะคะ
- ไปเมืองไหน รัฐไหน เมื่อไหร่
- ไปทำไม
- พักโรงแรมอะไร (กรอกว่าพักโรงแรมแต่ตอบว่าพักบ้านพี่สามี พลาดอีกค่ะ แต่รีบต่อว่า พักบ้านพี่สามีแค่ไม่กี่วันที่เหลือต้องหาโรงแรม)
- แต่งงานเมื่อไหร่ สามีอยู่ไทยหรืออเมริกา แล้วก็ขอดูแค่ใบสมรสตัวจริง แกก็ดูวันเดือนปีที่จด เราพึ่งจดได้เจ็ดเดือนค่ะ
ตอนขอเอกสารจดทะเบียนตัวจริงเรายื่นให้ทั้งปึกเลย แกก็ไล่ๆเปิดดูแค่ใบสมรสเท่านั้น พอดีเราแนบใบปริญญาไปด้วยสองใบแกก็ถามว่าจบ...กับ...ด้วยเหรอ แล้วก็ปิดท้ายว่า รอรับเอกสารที่บ้านนะครับประมาณสองอาทิตย์ เราเลยถามกลับว่าใบแจ้งความล่ะคะ แกบอกว่าวีซ่าผ่านแล้ว ไม่เป็นไรแต่ถ้าอยากเอามาเพิ่มก็ได้
ช่องสามสัมภาษณ์อังกฤษล้วนนะคะ ไม่ใช่ฝรั่งแต่ก็ไม่ใช่คนไทย ช่องสองคนไทยสัมภาษณ์ไทย ช่องสี่ตู้คุณป้าฝรั่งแต่พูดไทยชัดมาก
เราไม่ได้ถามว่าได้วีซ่ากี่ปีค่ะ แต่ก็เข้าไปยื่นใบแจ้งความเพิ่มเติมอีกรอบ ไหนๆก้ไปแล้วเผื่อเค้าโทรมาทวงจะได้ไม่เสียเวลา ที่อยากมาแชร์เพราะไม่ค่อยมีคนแชร์ที่เชียงใหม่ กับเรื่องวีซ่าเดิมที่เคยได้แม้จะผ่านกี่ปีแล้วก็ตาม ถ้าพาสปอร์ตเล่มนั้นหมดอายุและหาไม่เจอแล้ว พกใบแจ้งความกันเหนียวไปด้วยเถอะนะคะ
ป.ล. แก้ไขคำผิดค่ะ