ปัจจุบัน กองทุนประเภท สิทธิการเช่า สิทธิในที่ดิน เกิดค่อนข้างมาก
หากถามว่า กองทุนประเภทนี้ดีไหม ก็ต้องบอกว่า สำหรับสิทธิในที่ดิน ยังค่อนข้างน่าสนใจ
แต่สำหรับสิทธิการเช่า ไม่ว่าจะเป็น เช่าที่ดิน เช่าตึก เช่าอุปกรณ์ โดนส่วนตัวแล้ว มันคือการ เปลี่ยนทรัพย์เป็นเงินสด
หรือพูดง่ายๆ ว่า กิจการ อยาก "เสก" เงินสด นั่นเอง
คิดง่ายๆ หากคุณเป็นเจ้าของกิจการ คุณจะต้องซื้อที่ดิน สร้างสำนักงาน สร้างโรงงาน
สิ่งที่คุณต้องการคืออะไร คุณต้องการที่ดินราคาถูก เพื่อลดปัจจัยความเสี่ยงในเงินลงทุน
แต่ผลที่ตามมาคือ ที่ดินที่คุณสร้างสำนักงาน สร้างโรงงาน ผ่านไปยี่สิบปี สามสิบปี ที่ดินรอบข้างเจริญขึ้น ทางด่วนเข้า ถนนใหญ่ขึ้น
ถ้าคุณเป็นเจ้าของกิจการคุณจะทำอย่างไร
มีหลายเจ้าของกิจการ เค้าจะพิจารณาว่า ถ้ากิจการเค้าผลกำไรลดลงอย่างมีนัยยะ (คือกิจการกำลังจะไม่คุ้มกับการลงทุน)
เค้าจะขาย ที่ดินออกไป บางรายเฉพาะ กำไรที่ดินโรงงาน เป็น พันเปอร์เซ็นต์ เปลี่ยนโรงงานเป็นคอนโด ก็มีให้เห็นมากมาย
กลับมาที่ กองทุนสิทธิ์ฯ
ใน ตรรกกะเดียวกัน กิจการที่จะทำลักษณะแบบนี้ มันเล็งเห็นได้ชัดว่า กิจการนั้นๆ คงจะมีปัญหาบางอย่าง
ถึงทำการ รีบเปลี่ยนถ่ายทรัพย์สินของบริษัทให้เป็นเงินสด การได้มาซึ่งเงินสดก้อนนี้
กิจการอาจปันผล (คือการถ่ายโอนเงินสด ไปสู่ผู้ถือหุ้น...............เห็นได้ว่า กองทุนบี ขายเสร็จ ก็ปันผล ในหุ้นบีทันที)
หลายคนอาจเถียงว่า หุ้นบีราคาตั้งสิบกว่าบาท ปันผล มีมูลค่าแค่ ห้าเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าหุ้นเอง
แต่คุณอย่าลืมว่า ผู้ถือหุ้นเดิม เค้าถือหุ้นบี ด้วยมูลค่า สิบกว่าบาทไหม เค้าอาจถือหุ้นบี ที่มูลค่าห้าสิบตัง หรือบาทนึงเท่านั้น
(นี่คือ การเสก"เงิน" ทั้งได้ปันผลจากการถือหุ้นมูลค่าเดิม และ แคปปิตอลเกน)
จากนี้ไป คนที่คิดว่า จะถือหุ้นบี เพื่อกิน ปันผล หรือสิ่งใดก็ตาม ก็จะพบความจริงว่า หุ้นบี และ หุ้นสิทธิบี จะตกลงเรื่อยๆ
คุณสามารถไปดู อดีตหุ้น สิทธิ์เช่าเอสได้ ราคาตกเรื่อยๆ ไปจนถึงเท่าไหร่ แล้วค่อยกลับมา
แน่นอน กรณีนี้จะเกิดกับ หุ้นสิทธิที ด้วยหรือเปล่า
ผมเห็นหุ้นสิทธิเอส มาตั้งแต่ราคาไอพีโอ จนตกลงไป........................ แล้วก็กลับมามากกว่าไอพีโอ
ทั้งหมดนี้ใช้เวลา ในช่วงชีวิตผม สิบกว่าปี (ไม่มีใครสอนผม ไม่มีใครบอกผม ว่าอนาคตจะเกิดอะไร) แต่ผมเอามาเล่าให้คุณฟัง
เพราะ ไม่อยากให้ใครเสียเวลาแบบผม
ปล. ผมยังสนับสนุนกองทุนสิทธิ์ ที่เกิดจากความตั้งใจของผู้ก่อตั้งเพื่อจะรวบรวมทุนของประชาเม่า มาทำโครงการ
แต่ไม่สนับสนุนกองทุนสิทธิ์ ที่เกิดจากกิจการที่ง่อนแง่นแล้วเอา สิทธิ์ห่วยๆนี้ มายัดให้ประชาเม่า หรือคนที่อยากได้ดอกเบี้ยแพงๆแต่ขาด
ความรู้
คิดให้ดี ก่อนซื้อ Infrastructure Fund
หากถามว่า กองทุนประเภทนี้ดีไหม ก็ต้องบอกว่า สำหรับสิทธิในที่ดิน ยังค่อนข้างน่าสนใจ
แต่สำหรับสิทธิการเช่า ไม่ว่าจะเป็น เช่าที่ดิน เช่าตึก เช่าอุปกรณ์ โดนส่วนตัวแล้ว มันคือการ เปลี่ยนทรัพย์เป็นเงินสด
หรือพูดง่ายๆ ว่า กิจการ อยาก "เสก" เงินสด นั่นเอง
คิดง่ายๆ หากคุณเป็นเจ้าของกิจการ คุณจะต้องซื้อที่ดิน สร้างสำนักงาน สร้างโรงงาน
สิ่งที่คุณต้องการคืออะไร คุณต้องการที่ดินราคาถูก เพื่อลดปัจจัยความเสี่ยงในเงินลงทุน
แต่ผลที่ตามมาคือ ที่ดินที่คุณสร้างสำนักงาน สร้างโรงงาน ผ่านไปยี่สิบปี สามสิบปี ที่ดินรอบข้างเจริญขึ้น ทางด่วนเข้า ถนนใหญ่ขึ้น
ถ้าคุณเป็นเจ้าของกิจการคุณจะทำอย่างไร
มีหลายเจ้าของกิจการ เค้าจะพิจารณาว่า ถ้ากิจการเค้าผลกำไรลดลงอย่างมีนัยยะ (คือกิจการกำลังจะไม่คุ้มกับการลงทุน)
เค้าจะขาย ที่ดินออกไป บางรายเฉพาะ กำไรที่ดินโรงงาน เป็น พันเปอร์เซ็นต์ เปลี่ยนโรงงานเป็นคอนโด ก็มีให้เห็นมากมาย
กลับมาที่ กองทุนสิทธิ์ฯ
ใน ตรรกกะเดียวกัน กิจการที่จะทำลักษณะแบบนี้ มันเล็งเห็นได้ชัดว่า กิจการนั้นๆ คงจะมีปัญหาบางอย่าง
ถึงทำการ รีบเปลี่ยนถ่ายทรัพย์สินของบริษัทให้เป็นเงินสด การได้มาซึ่งเงินสดก้อนนี้
กิจการอาจปันผล (คือการถ่ายโอนเงินสด ไปสู่ผู้ถือหุ้น...............เห็นได้ว่า กองทุนบี ขายเสร็จ ก็ปันผล ในหุ้นบีทันที)
หลายคนอาจเถียงว่า หุ้นบีราคาตั้งสิบกว่าบาท ปันผล มีมูลค่าแค่ ห้าเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าหุ้นเอง
แต่คุณอย่าลืมว่า ผู้ถือหุ้นเดิม เค้าถือหุ้นบี ด้วยมูลค่า สิบกว่าบาทไหม เค้าอาจถือหุ้นบี ที่มูลค่าห้าสิบตัง หรือบาทนึงเท่านั้น
(นี่คือ การเสก"เงิน" ทั้งได้ปันผลจากการถือหุ้นมูลค่าเดิม และ แคปปิตอลเกน)
จากนี้ไป คนที่คิดว่า จะถือหุ้นบี เพื่อกิน ปันผล หรือสิ่งใดก็ตาม ก็จะพบความจริงว่า หุ้นบี และ หุ้นสิทธิบี จะตกลงเรื่อยๆ
คุณสามารถไปดู อดีตหุ้น สิทธิ์เช่าเอสได้ ราคาตกเรื่อยๆ ไปจนถึงเท่าไหร่ แล้วค่อยกลับมา
แน่นอน กรณีนี้จะเกิดกับ หุ้นสิทธิที ด้วยหรือเปล่า
ผมเห็นหุ้นสิทธิเอส มาตั้งแต่ราคาไอพีโอ จนตกลงไป........................ แล้วก็กลับมามากกว่าไอพีโอ
ทั้งหมดนี้ใช้เวลา ในช่วงชีวิตผม สิบกว่าปี (ไม่มีใครสอนผม ไม่มีใครบอกผม ว่าอนาคตจะเกิดอะไร) แต่ผมเอามาเล่าให้คุณฟัง
เพราะ ไม่อยากให้ใครเสียเวลาแบบผม
ปล. ผมยังสนับสนุนกองทุนสิทธิ์ ที่เกิดจากความตั้งใจของผู้ก่อตั้งเพื่อจะรวบรวมทุนของประชาเม่า มาทำโครงการ
แต่ไม่สนับสนุนกองทุนสิทธิ์ ที่เกิดจากกิจการที่ง่อนแง่นแล้วเอา สิทธิ์ห่วยๆนี้ มายัดให้ประชาเม่า หรือคนที่อยากได้ดอกเบี้ยแพงๆแต่ขาด
ความรู้