แล้วจะรู้สึก จาก มติชน ออนไลน์

กระทู้สนทนา
เพราะเราต้องการสังคมที่ดีงาม ระบบการปกครองที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ทุกคน จึงมีความพยายามคิดสร้างระบบการปกครองขึ้นมาเพื่อจัดการให้เกิดสิ่งที่ปรารถนานั้น

พลโลกส่วนใหญ่ ณ วันนี้ มีความเชื่อว่าระบอบประชาธิปไตยคือระบบการปกครองที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการสร้างสังคมที่คนจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขดีงาม

เพราะประชาธิปไตยเริ่มต้นจากการที่ทุกคนจะต้องยอมรับในความเสมอภาค เท่าเทียมกันของคนทุกหมู่เหล่า ทุกคน เคารพในสิทธิส่วนบุคคล และออกแบบบริหารให้ไม่ไปละเมิดสิทธิของคนอื่น

เพื่อให้เป็นสังคมที่คนอยู่ร่วมกันอย่างเสมอภาค เท่าเทียม และมีภราดรภาพ

ประชาธิปไตยพิสูจน์ให้โลกได้เห็นแล้วว่าเป็นระบบการปกครองที่ทำให้เข้าใกล้เป้าหมายการอยู่ร่วมกันเป็นสังคมที่ดีมากที่สุด

แต่การสถาปนาประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในประเทศใดได้สมบูรณ์นั้นเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง

เพราะพื้นฐานของสัญชาตญาณมนุษย์คือการมุ่งครอบครอง

ชมชอบที่จะเห็นตัวเองมีสถานะเหนือกว่าคนอื่น

มนุษย์เรียนรู้ว่าหากเหนือกว่าคนอื่นได้จะมีความสุข สบาย และเกียรติยศอีกมากมายตามมา

สังคมมนุษย์เสพติดค่านิยมนั้นมายาวนาน

เมื่อวันหนึ่งมีการบอกว่านับจากนี้เราจะเป็นประชาธิปไตย จะอยู่กันอย่างเท่าเทียมในทุกด้าน

ค่านิยมที่จะอยู่แบบเหนือกว่าซึ่งสะสมมายาวนาน ย่อมเป็นอุปสรรคใหญ่นำพาให้เกิดการต่อต้าน

ไม่ใช่แค่ผู้เหนือกว่าเท่านั้นที่ประกาศสู้ แต่ผู้ที่ด้อยกว่าก็ไม่ยินยอมพร้อมใจ เพราะยังนึกไม่ออกว่าจะมีชีวิตต่อไปอย่างไร หากไม่ได้รับการดูแลเกื้อหนุน เลี้ยงดู จากผู้เหนือกว่า

นี่เป็นโจทย์ใหญ่ของนักประชาธิปไตยที่จะนำพาความคิดของผู้คนให้เรียกหาความเท่าเทียม

การต่อสู้เกิดขึ้นทั้งรุนแรงและยาวนานเพื่อรักษาระบบเดิมไว้

มันไม่ใช่เรื่องความรวย ความจน ชนชั้น แต่เป็นเรื่องของจิตใจที่เคยชินกับระบบอุปถัมภ์

ทั้งนาย ทั้งบ่าว

ทั้งนายทุน ทั้งลูกจ้าง

ทั้งเจ้าพ่อ และผู้อยู่ภายใต้อิทธิพล

แต่ไม่ว่าจะต่อสู้อย่างรุนแรงและยาวนานเท่าไร นานาประเทศสามารถเดินสู่ประชาธิปไตยได้ มีน้อยมากที่เดินถอยหลังกลับ

เพราะประชาธิปไตยจะค่อยๆ ทำให้ผู้คนได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของสิทธิและเสรีภาพที่เท่าเทียม เมื่อคนส่วนใหญ่ตระหนักถึงคุณค่าของสิทธิ สัมผัสความงดงามของเสรีภาพว่ามีคุณค่ามากกว่าสิ่งอื่นใด

ทุกคนจะหวงแหนสิทธิของตัวเอง จะรักษาเสรีภาพของตัวเองไว้ ไม่ยอมแลกความดีงามนี้กับอย่างอื่น

เนื่องจากความเท่าเทียม และเสรีภาพย่อมเป็นความดีงามสูงสุด

ในวันที่ทุกคนคำถึงถึงสิทธิความเท่าเทียมของตัวเอง จะไม่ยอมให้ใครมาเอารัดเอาเปรียบ และรู้ว่าการเอารัดเอาเปรียบคนอื่นคือความเลว ความชั่ว

ในวันนั้น ประชาธิปไตยจะสถาปนาเป็นระบบการปกครองที่มีประสิทธิภาพในการรักษาความดีงามสูงสุดนั้นไว้

นานาประเทศส่วนใหญ่ที่เดินมาในเส้นทางนี้ล้วนไม่ถอยหลังกลับไปสู่ระบบอื่นที่ไม่ให้คุณค่าของความเท่าเทียมและเสรีภาพ

เพราะประชาชนตระหนักในสิทธิของตัวเองและชื่นชมในการเคารพเสรีภาพของกันและกัน เป็นสังคมที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสุข สงบ

แน่นอน ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ ตราบใดที่สัญชาตญาณที่มุ่งสู่ความเหนือกว่ายังทำงาน ยังเป็นพื้นฐานของจิตใจมนุษย์

แต่ประชาธิปไตยจะสร้างกลไกขึ้นมาควบคุมสัญชาตญาณนั้น เพราะสร้างสัญชาตญาณใหม่ขึ้นมา เป็นสัญชาตญาณที่เรียกหาความเท่าเทียม และดูแลสิทธิที่จะอยู่อย่างเท่าเทียมให้กันและกัน

นานาประเทศมุ่งสร้างสัญชาตญาณนี้ให้เกิดขึ้น และให้เชื่อมั่นศรัทธาอย่างแพร่หลาย ด้วยความหวังว่าที่สุดสัญชาตญาณประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นในจิตใจของทุกคน

หันกลับมาดูประเทศไทยเรายามนี้

ทั้งที่เริ่มต้นประชาธิปไตยมากว่า80 ปี

แต่ในวันนี้สิ่งที่กำลังต่อสู้กันอยู่ช่างเหมือนกับเพิ่งถือกำเนิดประชาธิปไตย

นาทีนี้เรากำลังจะตัดสินกันว่าระหว่าง"การเลือกตั้งทั่วไป" ที่ให้ "สิทธิความเท่าเทียมกันกับคนทั้งประเทศ"

ให้ "สิทธิที่จะเลือกอย่างเท่าเทียมกัน"

กับ "การจัดตั้งสิ่งที่พยายามเรียกว่าสภาประชาชน" ที่ชัดเจน

ขึ้นเรื่อยๆ ว่าเกิดจากพื้นฐานที่เห็นว่าประชาชนไทยไม่พร้อมที่จะอยู่อย่างเท่าเทียมกัน

"สิทธิของกลุ่มคนที่ถูกตีค่าว่าโง่"ควรจะมีน้อยกว่า "กลุ่มคนที่ถูกประเมินว่าฉลาด"

ที่ไปไกลกว่านั้น ยังมีความพยายามจะให้ "คนบางกลุ่มบางพวก ผูกขาดสิทธิในการเลือก"

ลิดรอนสิทธิของคนทั้งประเทศ

ด้วยเหตุผลว่าหากปล่อยให้การเลือกเป็นสิทธิของคนทั้งประเทศ จะเกิดการเลือกคนเลวเข้ามาควบคุมประเทศไม่รู้จบรู้สิ้น

สิทธิของคนทั้งประเทศจะต้องรอจนกว่า พวกเขาเหล่านี้ต้องรู้จักเลือกคนดีเสียก่อน

เป็นคนดีในความหมายที่กลุ่มคนที่คิดจะผูกขาดอำนาจในการเลือกวางคุณสมบัติไว้

คงอีกไม่กี่วันน่าจะมีคำตอบว่า ระหว่าง "สิ่งที่เรียกว่าสภาประชาชน" ที่ให้สิทธิในการเลือกจากคนบางกลุ่มที่ส่งเสียงได้ดังกว่า ลิดรอนสิทธิ

ของคนอื่น ไม่เห็นคุณค่าของความเท่าเทียม

กับ "สภาผู้แทนราษฎร" ที่ให้สิทธิในการเลือกกับคนทั้งประเทศ เข้าใกล้การสร้างความเท่าเทียมซึ่งเป็นความดีงามขั้นพื้นฐานสุดมากกว่า

ประเทศไทยเราจะไปทางไหน

จะเดินหน้าสู่ประเทศประชาธิปไตยพัฒนาแล้ว

หรือถอยหลังกลับมายินดีปรีดากับสังคมชนชั้น

อีกไม่กี่วันเราคงจะได้รู้กันว่าความรู้ความเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยที่เราได้เรียนและสัมผัสกว่า 80 ปี จะหยั่งลึกในสัญชาตญาณให้หวงแหนสิทธิความเท่าเทียมของเราแค่ไหน

คนไทยทั้งประเทศ หรือที่เป็นส่วนใหญ่อย่างแท้จริง จะยอมให้คนกลุ่มหนึ่งที่แค่สามารถส่งเสียงได้ดังกว่ามาลิดรอนสิทธิความเท่าเทียม ซึ่งจะส่งผลต่อเสรีภาพของเราหรือไม่




(ที่มา:มติชนรายวัน 15 ธ.ค.2556)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่