คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
1. ค่าคอมมิชชั่น เป็นประเด็นอยู่ เพราะบางธนาคารไม่คิดให้เลย บางธนาคารคิดให้ 50%
เนื่องจากไม่ใช่รายรับที่แน่นอน ..เช่นเดียวกับ OT ค่าอาหาร / ค่าน้ำมันรถ / ค่าโทรศัพท์ ซึ่งเป็นรายรับที่ต้องเอาไปจ่าย
อาจต้องลองติดต่อหลายๆ แบงค์ ..แล้วลองถามดูว่าคำนวณค่าคอมมิชชั่นเป็นรายได้ให้หรือเปล่าค่ะ
2. มองแง่ร้ายสุดๆ ไว้ก่อนว่า หากแบงค์ไม่คิดค่าคอมมิชชั่นเป็นฐานรายได้
เมื่อคุณน้อง จขกท. มีภาระผ่อนรถงวดละเกือบ 1 หมื่นบาท ..ดังนั้น ความสามารถในการชำระหนี้ ก็จะถูกทอนลงจากค่างวดรถ
เบื้องต้น โอกาสกู้ไม่ผ่านค่อนข้างสูงค่ะ
เพราะค่างวดรถก็เท่ากับ 50% ของเงินเดือนเข้าไปแล้ว
แต่ถ้าโชคดีแบงค์คิดค่าคอมมิชชั่น ถัวเฉลี่ยให้สักครึ่งหนึ่งของที่รับจริง คือ 7,500 - 10,000
บวกกับเงินเดือน 20,000 คุณน้อง จขกท. ก็จะมีฐานเงินเดือนแถวๆ 27,500 - 30,000
เมื่อคิดภาระที่ 40% คุณก็จะได้ระดับภาระประมาณ 11,000 - 12,000 ซึ่งพอเอาค่างวดรถไปหักออกก่อน
..ก็ยังไม่น่าจะกู้ผ่านอยู่ดีค่ะ เพราะมีส่วนเกินอีกแค่ 1-2 พันบาทเอง
ยกเว้น แบงค์พิจารณาภาระให้สูงกว่า 40% .. ก็อาจจะมีโอกาสกู้ผ่าน แต่จะได้เต็มวงเงินที่ขอกู้มั้ย ..อันนี้ไม่แน่ใจค่ะ
..และถ้ากู้ผ่าน ผู้กู้จะกินแกลบ หรือจะต้องกระเบียดกระเสียรยังไง ไม่ใช่หน้าที่ของแบงค์ที่จะรับรู้
หากแต่ผู้กู้ต้องประเมินกำลังตัวเองจ้า ..
3. หากคุณตัดสินใจทำสัญญาซื้อบ้านหลังนี้ คุณต้องผ่อนดาวน์ 10% คือ 224,400 บ. หาร 10 งวด
ก็งวดละ 22,440 บ.
คุณจะเหลือยอดจัด 90% ของ 2.244 ล้าน = 2.0196 ล้าน รวมเบี้ยประกันชีวิต ประกันอัคคีภัยที่จะพ่วงเข้ามาด้วย
ไม่ๆ ก็เรือนแสน ผ่อนเดือนละเกือบ 15,000
..แต่ประเด็นคือ คุณไม่สามารถกู้ได้เกินราคาซื้อขาย อย่างเก่งคุณก็ได้เท่าราคาที่ซื้อ ต่อให้เงินเดือนคุณกู้ได้เกินก็เถอะค่ะ
เพราะแบงค์ปล่อยกู้ได้ไม่เกินราคาประเมิน ( บ้านใหม่ราคาขาย กับราคาประเมิน ไม่ต่างกันค่ะ )
โดยส่วนต่าง 10% นี้ จะเป็นสินเชื่อกู้ตกแต่ง - ต่อเติมบ้าน คิดอัตราดอกเบี้ยคนละ rate กับยอดกู้หลัก
และระยะเวลาก็จะสั้นกว่า อาจจะแค่ 5 - 10 ปี เท่านั้นค่ะ
4. คุณมีเงินออมเป็นเงินรองรัง ดีอยู่แล้วค่ะ อย่าไปแตะต้องมัน เพราะถ้าขูดทุกบาทไปดาวน์ โดยไม่มีเงินสำรอง
เป็นเรื่องอันตรายมาก เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อาจเกิดขึ้นได้เสมอ
ยิ่งคิดจะกู้ยาวๆ 30 ปี ( ซึ่งที่จริงไม่ถึงหรอกค่ะ ..เงินต้นเหลือเท่ากับ 0 เมื่อไหร่ ก็เป็นอันหมดหนี้ )
..อะไรก็เกิดขึ้นได้ค่ะ
และถ้าพี่เป็นคุณ จะพยายามปิดรถให้หมดก่อน เพื่อกำจัดตัวบั่นทอนภาระหนี้สินค่ะ
แต่ที่พี่กล่าวมาทั้งหมด เป็นแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยม และดำเนินชีวิตแบบปลอดภัยไว้ก่อนค่ะ
หากอยากได้ข้อมูลที่ถูกต้อง เที่ยงตรง แนะนำให้คุยกับหลายๆ แบงค์ ลองยื่น pre approve ดูค่ะ
เพราะทั้งหมดทั้งมวล ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของฝ่ายพิจารณาล้วนๆ ค่ะ
โชคดีค่ะ
เนื่องจากไม่ใช่รายรับที่แน่นอน ..เช่นเดียวกับ OT ค่าอาหาร / ค่าน้ำมันรถ / ค่าโทรศัพท์ ซึ่งเป็นรายรับที่ต้องเอาไปจ่าย
อาจต้องลองติดต่อหลายๆ แบงค์ ..แล้วลองถามดูว่าคำนวณค่าคอมมิชชั่นเป็นรายได้ให้หรือเปล่าค่ะ
2. มองแง่ร้ายสุดๆ ไว้ก่อนว่า หากแบงค์ไม่คิดค่าคอมมิชชั่นเป็นฐานรายได้
เมื่อคุณน้อง จขกท. มีภาระผ่อนรถงวดละเกือบ 1 หมื่นบาท ..ดังนั้น ความสามารถในการชำระหนี้ ก็จะถูกทอนลงจากค่างวดรถ
เบื้องต้น โอกาสกู้ไม่ผ่านค่อนข้างสูงค่ะ
เพราะค่างวดรถก็เท่ากับ 50% ของเงินเดือนเข้าไปแล้ว
แต่ถ้าโชคดีแบงค์คิดค่าคอมมิชชั่น ถัวเฉลี่ยให้สักครึ่งหนึ่งของที่รับจริง คือ 7,500 - 10,000
บวกกับเงินเดือน 20,000 คุณน้อง จขกท. ก็จะมีฐานเงินเดือนแถวๆ 27,500 - 30,000
เมื่อคิดภาระที่ 40% คุณก็จะได้ระดับภาระประมาณ 11,000 - 12,000 ซึ่งพอเอาค่างวดรถไปหักออกก่อน
..ก็ยังไม่น่าจะกู้ผ่านอยู่ดีค่ะ เพราะมีส่วนเกินอีกแค่ 1-2 พันบาทเอง
ยกเว้น แบงค์พิจารณาภาระให้สูงกว่า 40% .. ก็อาจจะมีโอกาสกู้ผ่าน แต่จะได้เต็มวงเงินที่ขอกู้มั้ย ..อันนี้ไม่แน่ใจค่ะ
..และถ้ากู้ผ่าน ผู้กู้จะกินแกลบ หรือจะต้องกระเบียดกระเสียรยังไง ไม่ใช่หน้าที่ของแบงค์ที่จะรับรู้
หากแต่ผู้กู้ต้องประเมินกำลังตัวเองจ้า ..
3. หากคุณตัดสินใจทำสัญญาซื้อบ้านหลังนี้ คุณต้องผ่อนดาวน์ 10% คือ 224,400 บ. หาร 10 งวด
ก็งวดละ 22,440 บ.
คุณจะเหลือยอดจัด 90% ของ 2.244 ล้าน = 2.0196 ล้าน รวมเบี้ยประกันชีวิต ประกันอัคคีภัยที่จะพ่วงเข้ามาด้วย
ไม่ๆ ก็เรือนแสน ผ่อนเดือนละเกือบ 15,000
..แต่ประเด็นคือ คุณไม่สามารถกู้ได้เกินราคาซื้อขาย อย่างเก่งคุณก็ได้เท่าราคาที่ซื้อ ต่อให้เงินเดือนคุณกู้ได้เกินก็เถอะค่ะ
เพราะแบงค์ปล่อยกู้ได้ไม่เกินราคาประเมิน ( บ้านใหม่ราคาขาย กับราคาประเมิน ไม่ต่างกันค่ะ )
โดยส่วนต่าง 10% นี้ จะเป็นสินเชื่อกู้ตกแต่ง - ต่อเติมบ้าน คิดอัตราดอกเบี้ยคนละ rate กับยอดกู้หลัก
และระยะเวลาก็จะสั้นกว่า อาจจะแค่ 5 - 10 ปี เท่านั้นค่ะ
4. คุณมีเงินออมเป็นเงินรองรัง ดีอยู่แล้วค่ะ อย่าไปแตะต้องมัน เพราะถ้าขูดทุกบาทไปดาวน์ โดยไม่มีเงินสำรอง
เป็นเรื่องอันตรายมาก เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อาจเกิดขึ้นได้เสมอ
ยิ่งคิดจะกู้ยาวๆ 30 ปี ( ซึ่งที่จริงไม่ถึงหรอกค่ะ ..เงินต้นเหลือเท่ากับ 0 เมื่อไหร่ ก็เป็นอันหมดหนี้ )
..อะไรก็เกิดขึ้นได้ค่ะ
และถ้าพี่เป็นคุณ จะพยายามปิดรถให้หมดก่อน เพื่อกำจัดตัวบั่นทอนภาระหนี้สินค่ะ
แต่ที่พี่กล่าวมาทั้งหมด เป็นแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยม และดำเนินชีวิตแบบปลอดภัยไว้ก่อนค่ะ
หากอยากได้ข้อมูลที่ถูกต้อง เที่ยงตรง แนะนำให้คุยกับหลายๆ แบงค์ ลองยื่น pre approve ดูค่ะ
เพราะทั้งหมดทั้งมวล ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของฝ่ายพิจารณาล้วนๆ ค่ะ
โชคดีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
สอบถามเรื่องการกู้บ้านค่ะ
มีภาระผ่อนรถ เดือนละ 9,845 บาท เหลือผ่อนรถอีก3ปี ตอนนี้เริ่มเดินบัญชีเดือนละ 20,000 บาท เงินออมมี 130,000 บาท ตอนนี้ยังไม่ได้จองกับโครงนะค่ะ
วิธีชำระเงินกับทางโครงการให้จ่ายก่อน10%(ระยะเวลาผ่อนดาวน์ 10เดือน) ที่เหลือโอน 90
สิ่งที่อยากถามคือ
1.จะซื้อบ้านราคา 2,244,000 บาท อยากกู้ธนาคาร 2.5 ล้าน ผ่อน 30-35ปี พอจะกู้ผ่านไหมค่ะ
2.ต้องทำอะไรต่อจากนี้บ้างค่ะ เตรียมตัวอย่างไรบ้าง
รบกวนผู้มีประสบการณ์หรือผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยนะค่ะ