Chapter 1 อาณาจักรโอสิเรีย
วิทยาการของอียิปต์โบราณเป็นที่ประจักษ์ว่าเคยรุ่งเรืองเพียงใด แต่หากย้อนลึกไปถึงเรื่องราวของเหล่าทวยเทพ จะพบว่ามีความก้าวหน้า เกินกว่าจะจินตนาการ
ทว่า กาลเวลาผ่าน เรื่องราวและตำนานก็เริ่มลางเลือน เนื้อเรื่องและความจริงถูกเสริมเพิ่มแต่ง ตัดบทลดย่อ หรือแม้แต่เปลี่ยนเรื่องราวไปจากความเป็นจริง
เรื่องราวของเหล่าทวยเทพแห่งไอยคุปต์ ไม่เคยได้รับการเปิดเผยให้มนุษย์ล่วงรู้จนหมดสิ้น ด้วยเกรงกลัวว่า มนุษย์อาจเทียบเท่าพวกเขา จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ เรื่องราวเกี่ยวกับจิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ชั้นสูงถูกเก็บงำ และถ่ายทอดกันในแวดวงจำกัด จะมีเพียงบางวิทยาการเท่านั้นที่เหล่าทวยเทพอนุญาตให้มนุษย์ล่วงรู้ อย่างเช่นวิทยาการทำมัมมี่ เพื่อรักษาศพที่ตายแล้ว ให้คงอยู่ไปชั่วนิรันดร์
อาณาจักโบราณ อาณาจักรในตำนาน อาณาจักรที่มีเพียงความศิวิไล ใครจะเชื่อว่าครั้งหนึ่ง โลกเคยถูกปกครองโดยผู้คนที่มีอารยธรรมยิ่งใหญ่เกรียงไกร
มนุษย์ถูกสร้างขึ้นจากผู้ที่ศิวิไลกว่า พวกเขาคือผู้ก้าวล้ำ จนผู้คนยกย่องเทิดทูนให้เป็นดั่งเทพเจ้า แต่แม้นเทพเจ้าก็ยังกลัวตายเมื่อมีการเข่นฆ่าจากพวกเดียวกัน
ความอมตะ อิสระ และนิรันดร
สอนให้รู้ว่า ทั่วโลกาไม่มีสิ่งใดยั่งยืนแท้จริง
สิ่งเดียวที่คิดถูก นั่นคือ จิตจะคงอยู่
เหล่าทวยเทพดำรงชีวิตโดยใช้จิต
หากไร้จิตก็ไร้ซึ่งชีวิต จิตจึงเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ในการดำรง คงไว้ซึ่งความอมตะ
ศาสตร์ความรู้เรื่องเทคโนโลยี และศาสตร์ความรู้เรื่องจิตวิญญาณ ถูกถ่ายทอดไว้จากทวยเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้รับบัญชาแห่งองค์บิดา เพื่อให้มาสร้างมนุษย์ไว้บนโลก
ครั้นเมื่อเทพสร้างมนุษย์เสร็จสิ้น จึงถ่ายทอดศาสตร์ทางด้านเทคโนโลยีและจิตวิญญาณไว้ให้ จากนั้นเหล่าผู้สร้างก็ร้างลา กลับไปยังดวงดาวแสนไกลซึ่งเป็นบ้านเกิด ปล่อยให้ผู้คนบนโลกวิวัฒนาการไปตามหนทางที่ถูกเทพบิดาลิขิตไว้
กาลเวลาผ่านไปนับแสนปี ดินแดนแรกเริ่มได้พังทลายลง เพราะมนุษย์เริ่มมีความแตกแยก แตกความสามัคคีและเริ่มมีความทะเยอทะยาน พวกเขาลืมเลือนผู้สร้างที่แท้จริง และดูหมิ่นเทพผู้สร้าง พระบิดาแห่งทวยเทพจึงบันดาลให้ภูเขาไฟสองลูก ซึ่งตั้งอยู่บนแผ่นดินที่เป็นดั่งมาตุภูมิแรกเริ่มของการสร้างมนุษย์ระเบิด เมื่อสุดจะทนกับความอหังการของผู้คนบนโลก
แรงระเบิดของภูเขาไฟดังบัลลัยกัลป์ แสงเพลิงจากลาวาสีแดงเป็นดั่งคลื่นที่กวาดล้างมนุษย์ แผ่นดินไหวสั่นสะเทือนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ทั่วโลกามีเพียงเสียงปรักหักพังของพื้นดิน และสิ่งก่อสร้างที่พังครืน
ผืนน้ำ แผ่นฟ้า ราวกับพิโรธโกรธา แผ่นฟ้าปกคลุมด้วยเมฆควันสีดำ ส่วนผืนน้ำกระหน่ำด้วยคลื่นยักษ์กวาดล้างให้ผู้คนล้มตายไปตามกัน
เสียงฟ้าร้องคำรามราวกับเสียงคำรามแห่งพระบิดา ผู้กำลังหลั่งน้ำตา เพราะความเสียใจที่ต้องทำลายมนุษย์ ซึ่งถูกสร้างให้เป็นบุตรของพระองค์
ทั้งแรงคลื่นน้ำและแรงสั่นจากการระเบิด ทำให้แผ่นดินไหว ผืนแผ่นดินแยก ทั้งอาณาจักรจมสู่ใต้ผิวน้ำ หรือบางพื้นที่ก็กลายเป็นเกาะเล็กเกาะน้อยอยู่ในมหาสมุทร
เมื่อกาลเวลาแห่งการทำลายล้างผ่านพ้นไป ผู้คนจึงกระจายไปทั่วโลก ดินแดนที่เคยเป็นหนึ่งเดียวแตกออกเป็นหลายกลุ่มชน มนุษย์เริ่มสื่อสารกันด้วยภาษาที่ต่างกัน สีผิวแตกต่างไปตามสภาพแวดล้อม
ครั้งกลียุคผ่านพ้นไป อารยธรรมใหม่ก็ถูกสร้างขึ้นอีกครั้ง มนุษย์ที่เป็นผู้นำแห่งจิตและวิทยาการมีชีวิตรอดบนเกาะกลางมหาสมุทร พวกเขาได้สร้างอาณาจักรใหม่ขึ้นในนาม อาณาจักรแอตแลนติส และมีอาณาจักรใกล้เคียงซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยผู้ทรงภูมิ ซึ่งเคยเป็นกลุ่มชนเดียว รู้จักกันในนาม ..อาณาจักรโอสิเรีย
อาณาจักรโอสิเรียและอาณาจักรแอตแลนติสใช้เวลานับหมื่นปี กว่าจะกลับมารุ่งโรจน์ดั่งที่เคย ผู้คนในยุคนี้มีความก้าวหน้าทางวิทยาการและจิตศาสตร์ ที่ดินแดนใดก็ไม่อาจทัดเทียม ทั้งอาณาจักรแอตแลนติสและอาณาจักรโอสิเรีย จึงเริ่มทำศึกสงครามเพื่อขยายอาณาจักร พวกเขาใช้เทคโนโลยีที่เหนือกว่า คร่าชีวิตผู้คนราวกับจะล้างโลก
เทพเจ้าแห่งสากลโลกไม่อาจทานทน ได้บันดาลให้อุกกาบาตพุ่งชน ทำให้ทั้งสองอาณาจักรล่มสลาย ผู้หนีพ้นจากความตายจึงก่อตั้งอาณาจักรใหม่ ณ อียิปต์ ดินแดนที่ผู้อพยพชาวโอสิเรียนใช้เป็นฐานที่ตั้งครั้งใหม่ หลังจากอาณาจักรโอสิเรียถูกทำลาย
นั่นคือเรื่องราวปรัมปรา เกี่ยวกับความเป็นมาแห่งทวยเทพ ก่อนจะมาตั้งรกรากใหม่ที่อียิปต์
*____________________________________*
หลังจากทวยเทพแห่งโอสิเรียได้เข้ามาปกครองอียิปต์ ความเจริญรุ่งโรจน์ของอียิปต์ก็เริ่มขึ้น โดยเหล่าทวยเทพได้ใช้ความรู้ความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้น
พวกเขาใช้ศาสตร์ทางด้านวิทยาการและเทคโนโลยี ประสานกับการใช้ศาสตร์ทางด้านจิตวิญญาณขั้นสูง ทำให้เหล่าผู้อพยพกลายเป็นทวยเทพที่ชาวอียิปต์เคารพศรัทธา
โอซิริสได้กลายเป็นเทพแห่งไนล์ เนื่องจากความรู้ความสามารถของเขาในด้านการชลประทานที่เป็นเลิศ จึงทำให้สามารถควบคุมระดับน้ำในแม่น้ำไนล์ได้
นับแต่นั้น ความศรัทธาในบรรดาทวยเทพก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อประชาชนได้เห็นอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ที่ทวยเทพสามารถดลบันดาลปริมาณน้ำแห่งไนล์
โอซิริสเป็นทั้งฟาโรห์และเทพสูงสุดที่ชาวอียิปต์ให้การนับถือบูชา ตอนนี้เป็นเวลาพันหนึ่งราตรีแห่งการมาตั้งถิ่นฐานใหม่ สู่การนำพาอียิปต์เข้าสู่ความยิ่งใหญ่และรุ่งโรจน์
*____________________________________*
เหล่าทวยเทพแห่งอียิปต์ช่วยกันสร้างและบันดานความศิวิไล ความรุ่งเรือง ความก้าวล้ำให้กับอาณาจักรของพวกเขา
สี่เทพพี่น้อง และชนชั้นปกครองชาวโอสิเรียน ช่วยกันสร้างอียิปต์ให้กลายเป็นดินแดนที่ไม่ว่าชนชาติใดก็ไม่อาจเทียบเทียม
เรื่องราวของโอสิริส ไอซิส เซ็ท และเนฟทิส คือเรื่องราวที่ชาวอียิปต์ให้การบันทึก จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ยุคแรกเริ่มของพวกเขา
นอกจากการก่อตั้งอียิปต์ที่น่าสนใจในยุคของทวยเทพ ยังมีเรื่องราวความรักของพวกเขาที่น่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
เรื่องราวความรักของโอสิริส ไอซิส เซ็ท และเนฟทิส กลายเป็นที่กล่าวขาน จวบจนปัจจุบัน เรื่องราวความรัก และความโกลาหลของพวกเขา ยังคงเป็นที่จดจำ
ประวัติศาสตร์ไม่เคยลืมเลือนความรัก ที่ก่อให้เกิดสงครามระหว่างทวยเทพ การฆ่าล้างครั้งใหญ่หลวงครั้งนั้น ทำให้เหล่าทวยเทพแห่งอียิปต์ล้มตายเป็นเบือ
สงคราม ความแค้น และการล้างแค้น โดยชนวนของสงครามนั้นคือ ความหึงหวง จึงต้องทวงคืนความรัก
หนึ่งความหึงหวง ทวงคืนสังหาร
ความรักเผาผลาญ ไม่อาจทานทน
เพื่อรักที่มากล้น คงไม่พ้น ..ความตายจักมาเยือนผู้แย่งชิง
*___________________________________*
โอสิริส และเซ็ท กำลังช่วยกันออกแบบระบบการชลประทาน เพื่อกั้นการท่วมนองจากแม่น้ำไนล์ในช่วงฤดูน้ำหลาก และช่วยกักเก็บน้ำจากไนล์ในฤดูแล้ง
สิ่งนี้จะทำให้ประชาชนชาวอียิปต์อยู่ดีกินดี ผลเก็บเกี่ยวทางการเกษตรจะไม่เสียหายอย่างที่เคยผ่านมา
“เราต้องขุดทางน้ำเข้ามายังแผ่นดินด้านใน เพื่อให้น้ำได้เข้าไปทั่วถึง ผืนดินที่ห่างจากแม่น้ำไนล์จะได้สามารถสร้างผลประโยชน์จากการเกษตร”โอสิริสกล่าว
“อืม”เซ็ทพยักหน้า เห็นด้วย จากนั้นก็เสนอความคิดเห็นเพิ่มเติม
“เช่นนั้นเราคงต้องสร้างเขื่อนขึ้นมาเพื่อเก็บน้ำก่อน เพราะหากขุดลอกคลองจะเต็มไปด้วยน้ำ การสร้างเขื่อนคงทำได้ยากขึ้น”
“ก็คงต้องเป็นเช่นนั้น”โอสิริสเห็นด้วย
ขณะที่พี่ชายและน้องชายกำลังพูดคุยปรึกษา เกี่ยวกับการพัฒนาอียิปต์อยู่นั้น ไอซิสและเนฟทิสซึ่งเป็นน้องสาวของพวกเขาได้เดินเข้ามา
สายตาของสองหนุ่มมองกลับมายังสองสาว ใบหน้าของพวกนางยิ้มแย้ม ทำให้พวกเขายิ้มรับกลับไป
“พวกข้าคงไม่ได้เข้ามารบกวนใช่ไหม”ไอซิสเดินตรงเข้ามาหาโอสิริส
สายตาของเนฟทิสมองไปยังพี่สาวที่เดินไปยังพี่ชายคนโต ด้วยความรู้สึกเจ็บลึก ใบหน้านางเริ่มสลดลงอย่างเศร้าใจ
เซ็ทซึ่งมองอยู่ที่เนฟทิสก็พอจะดูรู้ว่านางกำลังปวดใจ เฉกเช่นเดียวกับเขา ที่กำลังเจ็บลึก ทั้งๆ ที่รู้ว่านางรักใครอีกคน ซึ่งไม่ใช่เขา
สายตาของโอสิริสมองมายังเนฟทิสด้วยความรักที่ต้องซ่อนลึก เพราะเขาเองมีไอซิสซึ่งเป็นคู่หมาย อีกทั้งเนฟทิสเองยังพยายามรักษาระยะห่าง ดังนั้น หนทางความรักระหว่างเขากับเนฟทิสจึงแทบเป็นไปไม่ได้
“ข้าจะชวนท่านไปขี่ม้าด้วยกัน”ไอซิสกล่าว
โอสิริสมองสบตาผู้ชักชวนนิดหนึ่ง ก่อนจะมองไปยังเนฟทิสและเซ็ท
“จะไปด้วยกันไหม”เขาถาม
“ไม่ล่ะ”เซ็ทกล่าว
ส่วนเนฟทิสก็ส่ายหน้า ไม่อยากขัดเวลาส่วนตัวของพวกเขาทั้งสอง
“หรือท่านจะไม่ไปอีกคน”ไอซิสถามโอสิริส
เขาหันมาสบตานาง แล้วยิ้มให้
“ทำไมข้าต้องไม่ไป”โอสิริสกล่าว
“เช่นนั้นก็ไปกันเถิด”ไอซิสยื่นมือไปจับมือเขา แล้วพากันเดินออกไปจากห้องทรงงาน ปล่อยให้เซ็ทและเนฟทิสอยู่กันในบรรยากาศที่นิ่ง เงียบ
“ออกไปสูดอาการข้างนอกดีไหม”เซ็ทพูดก่อนจะเดินนำออกไป โดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับว่าจะอย่างไร เนฟทิสจึงเดินตามไปเงียบๆ ใจลอยไม่อยู่กับตัว
*___________________________________*
เส้นทางรัก ..แดนไอยคุปต์ ตอนที่ 1-2 ภาคโอสิเรียน (เรต 20+)
Chapter 1 อาณาจักรโอสิเรีย
วิทยาการของอียิปต์โบราณเป็นที่ประจักษ์ว่าเคยรุ่งเรืองเพียงใด แต่หากย้อนลึกไปถึงเรื่องราวของเหล่าทวยเทพ จะพบว่ามีความก้าวหน้า เกินกว่าจะจินตนาการ
ทว่า กาลเวลาผ่าน เรื่องราวและตำนานก็เริ่มลางเลือน เนื้อเรื่องและความจริงถูกเสริมเพิ่มแต่ง ตัดบทลดย่อ หรือแม้แต่เปลี่ยนเรื่องราวไปจากความเป็นจริง
เรื่องราวของเหล่าทวยเทพแห่งไอยคุปต์ ไม่เคยได้รับการเปิดเผยให้มนุษย์ล่วงรู้จนหมดสิ้น ด้วยเกรงกลัวว่า มนุษย์อาจเทียบเท่าพวกเขา จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ เรื่องราวเกี่ยวกับจิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ชั้นสูงถูกเก็บงำ และถ่ายทอดกันในแวดวงจำกัด จะมีเพียงบางวิทยาการเท่านั้นที่เหล่าทวยเทพอนุญาตให้มนุษย์ล่วงรู้ อย่างเช่นวิทยาการทำมัมมี่ เพื่อรักษาศพที่ตายแล้ว ให้คงอยู่ไปชั่วนิรันดร์
อาณาจักโบราณ อาณาจักรในตำนาน อาณาจักรที่มีเพียงความศิวิไล ใครจะเชื่อว่าครั้งหนึ่ง โลกเคยถูกปกครองโดยผู้คนที่มีอารยธรรมยิ่งใหญ่เกรียงไกร
มนุษย์ถูกสร้างขึ้นจากผู้ที่ศิวิไลกว่า พวกเขาคือผู้ก้าวล้ำ จนผู้คนยกย่องเทิดทูนให้เป็นดั่งเทพเจ้า แต่แม้นเทพเจ้าก็ยังกลัวตายเมื่อมีการเข่นฆ่าจากพวกเดียวกัน
ความอมตะ อิสระ และนิรันดร
สอนให้รู้ว่า ทั่วโลกาไม่มีสิ่งใดยั่งยืนแท้จริง
สิ่งเดียวที่คิดถูก นั่นคือ จิตจะคงอยู่
เหล่าทวยเทพดำรงชีวิตโดยใช้จิต
หากไร้จิตก็ไร้ซึ่งชีวิต จิตจึงเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ในการดำรง คงไว้ซึ่งความอมตะ
ศาสตร์ความรู้เรื่องเทคโนโลยี และศาสตร์ความรู้เรื่องจิตวิญญาณ ถูกถ่ายทอดไว้จากทวยเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้รับบัญชาแห่งองค์บิดา เพื่อให้มาสร้างมนุษย์ไว้บนโลก
ครั้นเมื่อเทพสร้างมนุษย์เสร็จสิ้น จึงถ่ายทอดศาสตร์ทางด้านเทคโนโลยีและจิตวิญญาณไว้ให้ จากนั้นเหล่าผู้สร้างก็ร้างลา กลับไปยังดวงดาวแสนไกลซึ่งเป็นบ้านเกิด ปล่อยให้ผู้คนบนโลกวิวัฒนาการไปตามหนทางที่ถูกเทพบิดาลิขิตไว้
กาลเวลาผ่านไปนับแสนปี ดินแดนแรกเริ่มได้พังทลายลง เพราะมนุษย์เริ่มมีความแตกแยก แตกความสามัคคีและเริ่มมีความทะเยอทะยาน พวกเขาลืมเลือนผู้สร้างที่แท้จริง และดูหมิ่นเทพผู้สร้าง พระบิดาแห่งทวยเทพจึงบันดาลให้ภูเขาไฟสองลูก ซึ่งตั้งอยู่บนแผ่นดินที่เป็นดั่งมาตุภูมิแรกเริ่มของการสร้างมนุษย์ระเบิด เมื่อสุดจะทนกับความอหังการของผู้คนบนโลก
แรงระเบิดของภูเขาไฟดังบัลลัยกัลป์ แสงเพลิงจากลาวาสีแดงเป็นดั่งคลื่นที่กวาดล้างมนุษย์ แผ่นดินไหวสั่นสะเทือนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ทั่วโลกามีเพียงเสียงปรักหักพังของพื้นดิน และสิ่งก่อสร้างที่พังครืน
ผืนน้ำ แผ่นฟ้า ราวกับพิโรธโกรธา แผ่นฟ้าปกคลุมด้วยเมฆควันสีดำ ส่วนผืนน้ำกระหน่ำด้วยคลื่นยักษ์กวาดล้างให้ผู้คนล้มตายไปตามกัน
เสียงฟ้าร้องคำรามราวกับเสียงคำรามแห่งพระบิดา ผู้กำลังหลั่งน้ำตา เพราะความเสียใจที่ต้องทำลายมนุษย์ ซึ่งถูกสร้างให้เป็นบุตรของพระองค์
ทั้งแรงคลื่นน้ำและแรงสั่นจากการระเบิด ทำให้แผ่นดินไหว ผืนแผ่นดินแยก ทั้งอาณาจักรจมสู่ใต้ผิวน้ำ หรือบางพื้นที่ก็กลายเป็นเกาะเล็กเกาะน้อยอยู่ในมหาสมุทร
เมื่อกาลเวลาแห่งการทำลายล้างผ่านพ้นไป ผู้คนจึงกระจายไปทั่วโลก ดินแดนที่เคยเป็นหนึ่งเดียวแตกออกเป็นหลายกลุ่มชน มนุษย์เริ่มสื่อสารกันด้วยภาษาที่ต่างกัน สีผิวแตกต่างไปตามสภาพแวดล้อม
ครั้งกลียุคผ่านพ้นไป อารยธรรมใหม่ก็ถูกสร้างขึ้นอีกครั้ง มนุษย์ที่เป็นผู้นำแห่งจิตและวิทยาการมีชีวิตรอดบนเกาะกลางมหาสมุทร พวกเขาได้สร้างอาณาจักรใหม่ขึ้นในนาม อาณาจักรแอตแลนติส และมีอาณาจักรใกล้เคียงซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยผู้ทรงภูมิ ซึ่งเคยเป็นกลุ่มชนเดียว รู้จักกันในนาม ..อาณาจักรโอสิเรีย
อาณาจักรโอสิเรียและอาณาจักรแอตแลนติสใช้เวลานับหมื่นปี กว่าจะกลับมารุ่งโรจน์ดั่งที่เคย ผู้คนในยุคนี้มีความก้าวหน้าทางวิทยาการและจิตศาสตร์ ที่ดินแดนใดก็ไม่อาจทัดเทียม ทั้งอาณาจักรแอตแลนติสและอาณาจักรโอสิเรีย จึงเริ่มทำศึกสงครามเพื่อขยายอาณาจักร พวกเขาใช้เทคโนโลยีที่เหนือกว่า คร่าชีวิตผู้คนราวกับจะล้างโลก
เทพเจ้าแห่งสากลโลกไม่อาจทานทน ได้บันดาลให้อุกกาบาตพุ่งชน ทำให้ทั้งสองอาณาจักรล่มสลาย ผู้หนีพ้นจากความตายจึงก่อตั้งอาณาจักรใหม่ ณ อียิปต์ ดินแดนที่ผู้อพยพชาวโอสิเรียนใช้เป็นฐานที่ตั้งครั้งใหม่ หลังจากอาณาจักรโอสิเรียถูกทำลาย
นั่นคือเรื่องราวปรัมปรา เกี่ยวกับความเป็นมาแห่งทวยเทพ ก่อนจะมาตั้งรกรากใหม่ที่อียิปต์
*____________________________________*
หลังจากทวยเทพแห่งโอสิเรียได้เข้ามาปกครองอียิปต์ ความเจริญรุ่งโรจน์ของอียิปต์ก็เริ่มขึ้น โดยเหล่าทวยเทพได้ใช้ความรู้ความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้น
พวกเขาใช้ศาสตร์ทางด้านวิทยาการและเทคโนโลยี ประสานกับการใช้ศาสตร์ทางด้านจิตวิญญาณขั้นสูง ทำให้เหล่าผู้อพยพกลายเป็นทวยเทพที่ชาวอียิปต์เคารพศรัทธา
โอซิริสได้กลายเป็นเทพแห่งไนล์ เนื่องจากความรู้ความสามารถของเขาในด้านการชลประทานที่เป็นเลิศ จึงทำให้สามารถควบคุมระดับน้ำในแม่น้ำไนล์ได้
นับแต่นั้น ความศรัทธาในบรรดาทวยเทพก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อประชาชนได้เห็นอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ที่ทวยเทพสามารถดลบันดาลปริมาณน้ำแห่งไนล์
โอซิริสเป็นทั้งฟาโรห์และเทพสูงสุดที่ชาวอียิปต์ให้การนับถือบูชา ตอนนี้เป็นเวลาพันหนึ่งราตรีแห่งการมาตั้งถิ่นฐานใหม่ สู่การนำพาอียิปต์เข้าสู่ความยิ่งใหญ่และรุ่งโรจน์
*____________________________________*
เหล่าทวยเทพแห่งอียิปต์ช่วยกันสร้างและบันดานความศิวิไล ความรุ่งเรือง ความก้าวล้ำให้กับอาณาจักรของพวกเขา
สี่เทพพี่น้อง และชนชั้นปกครองชาวโอสิเรียน ช่วยกันสร้างอียิปต์ให้กลายเป็นดินแดนที่ไม่ว่าชนชาติใดก็ไม่อาจเทียบเทียม
เรื่องราวของโอสิริส ไอซิส เซ็ท และเนฟทิส คือเรื่องราวที่ชาวอียิปต์ให้การบันทึก จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ยุคแรกเริ่มของพวกเขา
นอกจากการก่อตั้งอียิปต์ที่น่าสนใจในยุคของทวยเทพ ยังมีเรื่องราวความรักของพวกเขาที่น่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
เรื่องราวความรักของโอสิริส ไอซิส เซ็ท และเนฟทิส กลายเป็นที่กล่าวขาน จวบจนปัจจุบัน เรื่องราวความรัก และความโกลาหลของพวกเขา ยังคงเป็นที่จดจำ
ประวัติศาสตร์ไม่เคยลืมเลือนความรัก ที่ก่อให้เกิดสงครามระหว่างทวยเทพ การฆ่าล้างครั้งใหญ่หลวงครั้งนั้น ทำให้เหล่าทวยเทพแห่งอียิปต์ล้มตายเป็นเบือ
สงคราม ความแค้น และการล้างแค้น โดยชนวนของสงครามนั้นคือ ความหึงหวง จึงต้องทวงคืนความรัก
หนึ่งความหึงหวง ทวงคืนสังหาร
ความรักเผาผลาญ ไม่อาจทานทน
เพื่อรักที่มากล้น คงไม่พ้น ..ความตายจักมาเยือนผู้แย่งชิง
*___________________________________*
โอสิริส และเซ็ท กำลังช่วยกันออกแบบระบบการชลประทาน เพื่อกั้นการท่วมนองจากแม่น้ำไนล์ในช่วงฤดูน้ำหลาก และช่วยกักเก็บน้ำจากไนล์ในฤดูแล้ง
สิ่งนี้จะทำให้ประชาชนชาวอียิปต์อยู่ดีกินดี ผลเก็บเกี่ยวทางการเกษตรจะไม่เสียหายอย่างที่เคยผ่านมา
“เราต้องขุดทางน้ำเข้ามายังแผ่นดินด้านใน เพื่อให้น้ำได้เข้าไปทั่วถึง ผืนดินที่ห่างจากแม่น้ำไนล์จะได้สามารถสร้างผลประโยชน์จากการเกษตร”โอสิริสกล่าว
“อืม”เซ็ทพยักหน้า เห็นด้วย จากนั้นก็เสนอความคิดเห็นเพิ่มเติม
“เช่นนั้นเราคงต้องสร้างเขื่อนขึ้นมาเพื่อเก็บน้ำก่อน เพราะหากขุดลอกคลองจะเต็มไปด้วยน้ำ การสร้างเขื่อนคงทำได้ยากขึ้น”
“ก็คงต้องเป็นเช่นนั้น”โอสิริสเห็นด้วย
ขณะที่พี่ชายและน้องชายกำลังพูดคุยปรึกษา เกี่ยวกับการพัฒนาอียิปต์อยู่นั้น ไอซิสและเนฟทิสซึ่งเป็นน้องสาวของพวกเขาได้เดินเข้ามา
สายตาของสองหนุ่มมองกลับมายังสองสาว ใบหน้าของพวกนางยิ้มแย้ม ทำให้พวกเขายิ้มรับกลับไป
“พวกข้าคงไม่ได้เข้ามารบกวนใช่ไหม”ไอซิสเดินตรงเข้ามาหาโอสิริส
สายตาของเนฟทิสมองไปยังพี่สาวที่เดินไปยังพี่ชายคนโต ด้วยความรู้สึกเจ็บลึก ใบหน้านางเริ่มสลดลงอย่างเศร้าใจ
เซ็ทซึ่งมองอยู่ที่เนฟทิสก็พอจะดูรู้ว่านางกำลังปวดใจ เฉกเช่นเดียวกับเขา ที่กำลังเจ็บลึก ทั้งๆ ที่รู้ว่านางรักใครอีกคน ซึ่งไม่ใช่เขา
สายตาของโอสิริสมองมายังเนฟทิสด้วยความรักที่ต้องซ่อนลึก เพราะเขาเองมีไอซิสซึ่งเป็นคู่หมาย อีกทั้งเนฟทิสเองยังพยายามรักษาระยะห่าง ดังนั้น หนทางความรักระหว่างเขากับเนฟทิสจึงแทบเป็นไปไม่ได้
“ข้าจะชวนท่านไปขี่ม้าด้วยกัน”ไอซิสกล่าว
โอสิริสมองสบตาผู้ชักชวนนิดหนึ่ง ก่อนจะมองไปยังเนฟทิสและเซ็ท
“จะไปด้วยกันไหม”เขาถาม
“ไม่ล่ะ”เซ็ทกล่าว
ส่วนเนฟทิสก็ส่ายหน้า ไม่อยากขัดเวลาส่วนตัวของพวกเขาทั้งสอง
“หรือท่านจะไม่ไปอีกคน”ไอซิสถามโอสิริส
เขาหันมาสบตานาง แล้วยิ้มให้
“ทำไมข้าต้องไม่ไป”โอสิริสกล่าว
“เช่นนั้นก็ไปกันเถิด”ไอซิสยื่นมือไปจับมือเขา แล้วพากันเดินออกไปจากห้องทรงงาน ปล่อยให้เซ็ทและเนฟทิสอยู่กันในบรรยากาศที่นิ่ง เงียบ
“ออกไปสูดอาการข้างนอกดีไหม”เซ็ทพูดก่อนจะเดินนำออกไป โดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับว่าจะอย่างไร เนฟทิสจึงเดินตามไปเงียบๆ ใจลอยไม่อยู่กับตัว
*___________________________________*